Saturday, October 27, 2012

Hong Kong Gourmet Trip 2012 - My 1st Trip Part 2

ตอนแรกตามลิงค์นี้ครับ Hong Kong Part 1

ต่อเนื่องจากตอนที่แล้วเลยนะครับกับบันทึกการตระเวณชิมร้านที่ฮ่องกงแบบสั้น ๆ



4th Shop
ชื่อร้าน Tim's Kitchen
URL http://www.timskitchen.com.hk/
ประเภท อาหารจีนกวางตุ้ง (Cantonese)
ราคา คนละ 2000 บาทโดยประมาณ
ดีกรี Michelin 2 Star








ร้านที่ 4 ในทริปนี้และเป็นร้านดาวมิชลินลำดับที่ 3 ในทริปนี้มีนามว่าร้าน Tim's Kitchen ร้านนี้ถูกเลือกจาก candidates หลาย ร้านเนื่องจากว่าอยู่บนเกาะฮ่องกง และก็เดินทางใกล้จากที่ไปขึ้นยอดเขาชมวิวมา รวมถึงเป็นร้านที่ได้ดาวมิชลินถึง 2 ดาวและเป็นอาหาร Cantonese อีกต่างหาก เมื่อรวม หลาย ปัจจัยนี้เข้าด้วยกันมันก็ไม่ยากเลยที่จะเลือกร้านนี้เป็นร้านที่จะมาลองโดนดูสักตั้ง พวกผมไปถึงร้านนี้ตอนเกือบ 2 ทุ่ม ไปถึง ไม่ค่อยมีลูกค้าอยู่ในร้านสักเท่าไร แต่แบบระหว่างที่กินก็มีลูกค้าเข้ามาเรื่อย จนกลายเป็นว่าตอนที่ผมออกจากร้านประมาณ 3 ทุ่มกว่า กลับมีลูกค้าอยู่เยอะกว่าตอนที่ผมเข้าร้านซะอีก -*-

ร้าน Tim's Kitchen @ Hong Kong นี่ก็เป็นร้านที่จัดได้ว่าค่อนข้างหรูหราครับ ถ้าเทียบกับความหรูหราที่บ้านเราก็คงได้เป็นประมาณร้านอาหารจีนในโรงแรม 5 ดาวอะไรแบบนั้นเลย เพราะว่านอกจากร้านจะตกแต่งสวยงามดูดีมีชาติตระกูล, อุปกรณ์ในการกินก็ดูเป็นของดีและมีมากมาย ตัวพนักงานยังพูดอังกฤษได้คล่องและดูแลเราเป็นอย่างดีสุด อีกด้วยครับ ซึ่งเมื่อผมดูราคาอาหารในเมนูทางร้านก็ได้เรียกเก็บการบริการและบรรยากาศอันเลอเลิศขนาดนี้ไว้ในตัวอาหารเรียบร้อยแล้ว (มี service charge ร้านแรกครับที่นี่ 15% หรือไรนี่แหละ)




อาหารของร้าน Tim's Kitchen นี้เท่าที่อ่าน ดูแว่บแรกก็เหมือนร้านอื่นครับ นึกภาพไม่ออก ก็ได้แต่เลือกอาหารโดยมีพื้นฐานจากตัววัตถุดิบหลักกับองค์ประกอบเอาซะมากกว่า ราคาอาหารตามที่บอกไว้ย่อหน้าก่อนหน้าว่าแพงนั้นมันไม่ใช่แพงธรรมดานะครับ แพงโคตร ร้านนี้ ผมสั่งจานที่แพงเว่อร์กับจานที่ราคาประหยัดคละเคล้ากันไป เพราะถ้าสั่งจานแพง อย่างเดียวมื้อนี้สงสัยจะโดนเป็นหมื่นเอาได้ง่าย ครับ อ้อ ร้านนี้รายการอาหารมีให้เลือกเยอะดีครับ ร่วม 100 อย่าง คล้าย ภัตตาคารอาหารจีนบ้านเราเลย

อาหารอย่างแรกเป็นไก่นึ่งซีอิ๊ว หน้าตาและองค์ประกอบคล้าย ไก่แช่เหล้าบ้านเรา หน้าตาดูน่ากินดี แต่แบบพอกินแล้ว .. เอิ่ม รสชาติมันไม่ได้ดีเหมือนหน้าตาเลยครับ ไก่มันไม่ได้นุ่ม ไม่ฉ่ำ น้ำซีอิ๊วไม่ได้เข้าเนื้อ แล้วก็ตัวน้ำซีอิ๊วก็ออกแนวจืด ไร้รสชาติ ไก่ก็มาแบบจะเย็นก็ไม่เย็นจะร้อนก็ไม่ร้อน พิกลพิการมากครับจานนี้ อาหารอย่างที่สองเป็น เปลือกส้มโอเอาไปทำอะไรสักอย่างออกมาเป็นก้อน ครับ จานนี้เป็นอาหารแนะนำของทางร้าน ผมเห็นหลาย โต๊ะสั่งมากินด้วย แต่หลังจากผมกับญาติและแม่กินเจ้าจานนี้เข้าไปแล้ว ก็งงครับว่ามันเป็นอาหารแนะนำและคนสั่งเยอะกันได้อย่างไร เพราะมันเป็นอีกหนึ่งจานที่ไร้รสชาติ กินแต่ละคำนี่เหมือนกินก้อนแป้งเละ อะไรประมาณนั้น






อาหารอย่างที่ 3 ชื่อภาษาอังกฤษเขียนเอาไว้ว่ากุ้งกระจก (Crystal Shrimp)  ตอนก่อนจะสั่งผมก็นึกว่าจะเป็นเหมือนกุ้งกระจกบ้านเรา เพราะเห็นราคาค่อนข้างแพงอยู่ที่ที่ละ 800 บาท ผมก็เลยสั่งไป 2 ที่ 1600 บาทพร้อมกับคาดหวังว่าจะมาแบบ กุ้งเยอะ เต็ม จานแบบบ้านเรา (บ้านเรา 400 บาทนี่ก็ได้กุ้งมาแทบจะล้นจานแล้วล่ะครับ) แต่พอพนักงานยกมาก็ได้แต่งงครับ มันเป็นก้อนกลม สีขาว ที่เป็นกุ้งกับแป้งผสมกันมาเป็นก้อน ขนาดไม่ใหญ่ ถ้ากินจริง 2-3 คำก็หมด .. เอาจริงดิ? แค่นี้ 800 บาท ซึ่งถ้ารสชาติมันดีก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับ แต่มันแบบ จืด อีกแล้ว กุ้งก็ไม่ค่อยมี เป็นแป้งซะมากกว่า จานนี้ fail มาก






จานที่  4 เป็นเนื้อผัดน้ำมันหอย จานนี้ค่อยดีหน่อย แต่ก็เป็นจานที่ค่อนข้างมาตรฐาน หากินได้ทั่ว ไปทั้งในฮ่องกงหรือว่าในไทยครับ เนื้อที่ทางร้าน Tim's Kitchen ใช้ดูจะเป็นเนื้อดีหน่อย มันจะเด้ง ดี กินกับข้าวสวยอร่อยดีแท้ครับจานนี้ ส่วนจานที่ 5 นั้นเป็นข้าวผัดหนำเลี๊ยบ คลุกเนื้อสับ หน้าตาตอนยกมานี่แบบไม่น่ากินเลยยย เป็นข้าวสีน้ำตาล มาทั้งจานไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย แต่ก็นะสั่งไปแล้วก็ต้องกิน ซึ่งพอกินแล้วก็ผิดคาดครับ อร่อยแบบเกือบ อร่อยมากเลย รสชาติมัน ละมุน นัว ลงตัวดีมาก ข้าวก็ผัดมาร่วนได้ใจ ร่วนขั้นเทพแบบที่ถ้าให้ใครมาผัดก็คงผัดไม่ได้ดีกว่านี้แล้ว จานนี้เยี่ยมเลยครับ








ส่วนจานที่ 6 จานสุดท้ายนี่ก็อร่อยอีกเช่นกัน เป็นหมูสับนึ่งปลาเค็ม เจ้าจานนี้ผมจำได้ว่าเคยกินที่ร้าน ลูกไก่ทอง - ทองหล่อ แล้วไม่ค่อยประทับใจสักเท่าไร แต่กับฝีมือจากครัวของร้าน Tim's Kitchen นี่คนละเรื่องครับ อร่อยมาก หมูสับจะไม่ค่อยเค็มเท่าไรเพราะถ้าอยากได้ความเค็มก็ไปบิเอาปลาเค็มมาก่อนด้วยกัน และแบบพอผสมทั้ง 2 อย่างกินด้วยแล้วมันอร่อยมากจริง ยิ่งกินกับข้าวผัดจานก่อนหน้าแล้ว โอ้ว ฟินครับ ฟิน






สรุปร้าน Tim's Kitchen ฮ่องกงนี่ผมว่ามันก็คงแล้วแต่ว่าเราจะสั่งอะไรของร้านนี้เค้าล่ะครับ ที่แน่ คือ ไอ้อาหารแนะนำของทางร้าน (กุ้งกระจกกับเปลือกส้มโอ) นั้นมันไม่อร่อยและตั้งราคามาแพงเว่อร์มาก กับอาหารบ้าน จานอื่นที่ราคาถือว่าคุ้มค่านั้น ผมว่าทางร้านกลับทำได้ดีกว่าเยอะเลย ซึ่งก็ไม่รู้ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เท่าที่เคยกินมาในชีวิต อาหารแนะนำมันก็มีแต่อร่อยกว่าอาหารธรรมดาทั้งนั้นว่ามั้ยครับ? อืม ส่วนเรื่องอื่น ของร้านไม่ว่าจะบรรยากาศ, การบริการ ก็ยอดเยี่ยมสมกับเป็นร้านหรูล่ะครับ แต่ก็แน่นอน ความหรู, การบริการที่ดีก็ตามมาพร้อมกับราคาที่แพงครับ!

พอกินร้าน Tim's Kitchen เสร็จพวกผมก็เดินทางกลับบ้านไปนอนกันทันที มีเรื่องจะเล่าเล็กน้อยคือตัว Apartment ของที่ฮ่องกงนี่เนื่องจากเค้าไม่มีที่ราบสักเท่าไร เค้าก็เลยต้องไปสร้างบนภูเขากันซะเยอะ ซึ่งตัว Apartment ของญาติผมก็เช่นเดียวกันอยู่บนภูเขาที่ค่อนข้างจะสูงมากเลย คือชั้นล่างสุดของ Apartment ญาติผมอยู่ในระดับเดียวกันชั้น 8 ของห้างที่ใกล้ที่สุดน่ะครับ ซึ่งชั้นล่างของห้างก็ไม่ใช่ว่าจะถึงพื้นแล้วนะครับ ต้องลงไปอีก 3-4 ชั้น สรุปก็คือ Apartment ของญาติผมอยู่สูงจากพื้นดินสัก 12 ชั้นนั่นเอง (ชั้นห้างนะครับ ไม่ใช่ชั้น Apartment คือความสูงระหว่างชั้นมันจะสูงกว่า) ซึ่งจากที่มันสูงแบบนี้ การที่คนจะเดินกลับมันก็ใช่เรื่องครับ ถ้ารัฐเลยมีรถสองแถว, รถกะป้อมาคอยให้บริการรับส่ง แต่สิ่งที่เจ๋งคือ มันเป็นกะป้อแบบ ไฮเทคครับ ใช้บัตร ตื๊ด เงินเอา และก็เสียแค่ 3 HKD หรือ 12 บาทเท่านั้น ก็ไม่มีไรมากครับ แค่อยากเขียนถึงเฉย มันแปลกดี -*-



5th Shop
ชื่อร้าน Nice Capital Restaurant
URL http://nicecapitalgroup.com/
ประเภท ร้านชา, อาหารจีนทั่วไป, อาหารเช้า, ติ่มซำ
ราคา คนละ 400 บาทโดยประมาณ
ดีกรี เหล่าคนสูงอายุชาวฮ่องกงและลูกเห็ดเล็กแดงที่แน่นขนัดเต็มร้าน






รีวิวร้านที่ 5 นี้ก็จะคล้าย กับร้านที่ 2 ที่ผมได้รีวิวเอาไว้เพราะมันคือร้านชา Yum Cha เหมือนกัน อยู่ในห้างเดียวกัน (tsz wan shan shopping centre) อาหารที่สั่งในมื้อนี้ไม่ได้เหมือนมื้อที่แล้วที่จะเน้นติ่มซำ ซะมากครับ มื้อนี้จะมีอาหารจานเดียวกับติ่มซำอย่างละครึ่ง เลย อาหารอย่างแรกที่ได้เป็นข้าวหน้าตีนเป็ดกับหอย(อะไรไม่รู้)และก้านคะน้าฮ่องกงครับ ข้าวจานนี้เราไม่ต้องสั่งแต่ว่าทางร้าน Nice Capital Restaurant จะทำเอาไว้และวางไว้ในตู้ร้อน เคียงข้างกับอาหารจานเดียวอื่น เช่น ข้าวหน้าต่าง , ก๋วยเตี่ยวแห้ง เราก็แค่เดินไปเลือก หยิบมาเองจากที่ตู้ ซึ่งจานนี้ญาติผมเป็นคนเลือกมาให้ ซึ่งก็ต้องขอบคุณญาติจริง เพราะว่ามันอร่อยมากครับ เสียดายที่แบบข้าวด้านล่างมันอัดมาแน่นไป หรือไม่ก็อบมานานไปมันเลยแห้งติดกัน แต่แบบข้าวด้านบนกับตัวเครื่องนี่อร่อยมาก






ส่วนอาหารอย่างที่ 2 ที่อยากพูดถึงคือ "หมูกรอบ" ครับ คือหมูกรอบที่กินในมื้อนี้นี่มันแบบ.. สุดยอดมากครับ คือนอกจากหน้าตาจะดูน่ากินแล้ว รสชาติมันยังสุดยอดตามหน้าตาไปด้วยอีกต่างหาก เนื้อมันนุ่มมาก แต่ก็ไม่มัน ไม่ได้กินแล้วไขมันทะลักเดือดออกมาเหมือนหมูกรอบบ้านเรา ไม่รู้ว่าทางฮ่องกงใช้หมูต่างจากบ้านเรารึเปล่า ผมกับแม่ที่ไม่เคยกินหมูกรอบฮ่องกงกันมาก่อนนี่แทบจะกินไปกรี๊ดไปเลยครับ ยิ่งมีน้ำจิ้มของหมูกรอบเองที่เป็นคล้าย มัสตาร์ดด้วยแล้ว ยิ่งอร่อยสุด

ส่วนอีกอย่างที่อยากเขียนถึงก็คือตัวทาร์ทไข่ครับ ใช่ครับ ทาร์ทไข่ แบบที่ KFC มีขาย แต่ผมจำได้ว่าที่ฮ่องกงนี่เจ้าทาร์ทไข่นี่จะดังมาก ซึ่งพอได้กินแล้วมันก็อืม อร่อยจริง ไม่ได้หวานเลี่ยน แต่ก็มีความหวานที่เหมาะสมจะเป็นของหวานอยู่ อร่อย ครับ ส่วนอาหารอย่างอื่น ในมื้อนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับเป็นพวกก๋วยเตี่ยวหลอด, ติ่มซำ คล้าย เมื่อวาน ซึ่งก็รสชาติดีพอ กันกับเมื่อวาน ราคาก็เท่า กันเลยไม่รู้จะเขียนถึงทำไม จะมีที่แบบแอบ Fail หน่อยก็คือตัวผักบุ้งลวกราดซอส ครับ เจ้าจานนี้หน้าตาผักก็น่ากินดีหรอก แต่ตัวซอสที่ราดมามันรสชาติแหม่งมาก เปรี้ยว เค็ม ไม่เข้ากันในตัวเองแล้ว กินกับผักยิ่งไม่เข้ากันอีก ตัวผักบุ้งนี่ก็ไม่ได้มาแบบกรอบ แบบบ้านเรา กินแล้ว fail ไปหมด สรุป มาฮ่องกงอย่ากินผักบุ้งครับกินผักคะน้าจะดีก่วา อร่อยแบบคนละเรื่องเลย















สรุป มื้อเช้าแบบจัดหนัก ที่ร้าน Nice Capital Restaurant สาขาห้าง  Tsz Wan Shan Shopping Centre นี่ก็ถือว่าเป็นอีกมื้อที่ประทับใจครับ อาหารอร่อย ราคาไม่แพง บรรยากาศครึกครืน กินเสร็จแล้วกระชุ่มกระชวยดีนักแล

หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ โปรแกรมเที่ยวในวันนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่ไปไหว้พระใหญ่แค่นั้น ซึ่งตอนแรกผมก็นึกว่าพระใหญ่นี่มันใกล้ ครับ แต่ที่ไหนได้ อยู่โคตรไกล สุดขอบด้านตะวันตกของเกาะลันเตา แล้วยังต้องขึ้นกระเช้าไปอีก แต่ความลำบากในการเดินทางกว่าจะไปถึงพระใหญ่นี่แหละครับที่ผมว่ามันน่าจะเป็นเสน่ห์อย่างนึง เพราะมันจะผ่านทะเลสวย , ภูเขาสวย และการเดินขึ้นบันไดนับร้อยขั้น กว่าจะได้ไปนมัสการพระใหญ่ รวมถึงที่สถานีเริ่มต้นการเดินทางไปสักการะก็มีห้าง outlet ให้เสียเงินเล่นไม่ว่าจะเสียก่อนไปไหว้หรือหลังไปไหว้อีก อืม ก็เข้าใจคิดดีนะคนฮ่องกงเนี่ย 



6th Shop
ชื่อร้าน อ่านไม่ออก อยู่ในห้าง tsz wan shan shopping centre
URL ไม่มี
ประเภท ร้านอาหารจีนทั่วไป
ราคา คนละ 500 บาทโดยประมาณ
ดีกรี ร้านประจำ, ร้านแนะนำของญาติ







หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไปไหว้พระใหญ่กันมา ญาติผมก็พาผมไปกินร้านโปรดของเค้า กับร้านที่ชื่ออ่านไม่ออก แต่ก็ตั้งอยู่ในห้าง  tsz wan shan shopping centre ห้างเดียวกันกับอีก 2 ร้านที่ผมรีวิวไว้ในทริปนี้แล้วล่ะครับ ร้านนี้จะแตกต่างจากร้าน 2 ร้านแรกที่ไม่ได้เป็นร้านชา Yumcha แต่จะเริ่มเปิดขายตอนมื้อเที่ยงแทน ญาติผมบอกว่า ร้านนี้ขายดีมาก คนต่อคิวกันยาวแทบจะทุกวันตอนเย็น แต่เผอิญโชคดีที่ผมไปถึงร้านตอนประมาณสัก 5 โมง เลยยังไม่ค่อยมีลูกค้าเท่าไร คือญาติผมประมาณว่า อยากรีบ ไปเอาบัตรคิวไว้ก่อนแล้วก็เดินเล่นในห้างรอคิว แต่ผิดคาด ไม่ต้องรอเข้าไปกินได้เลย

ร้านนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาขายอาหารจีนแนวใด Cantonese หรือแต้จิ๋ว หรือว่าอะไร แต่จากที่กิน ดูมันก็เป็นอาหารจีนกระเดียดมาทางแต้จิ๋วซะมาก ส่วนรายการอาหารและราคาอาหารนั้นก็ค่อนข้างมาตรฐานครับ รายการมีให้เลือกเยอะดี แต่ถ้าเป็นคนต่างชาติแบบผมก็คงแย่หน่อยเพราะว่าร้านนี้เป็นร้านแรกที่ไม่มีภาษาอังกฤษเขียนกำกับควบคู่กับภาษาจีน ผมก็เลยปล่อยให้ญาติผมเป็นคนสั่งไป ส่วนราคานั้นก็ไม่แพงครับจานละ 200 บาทโดยประมาณ ออกแนวเป็นร้านบ้าน ใครมากินก็ได้ซะมากกว่า




มื้อนี้เริ่มต้นด้วยซุปร้อน ส่ตีนเป็ดกับผักดอง (บอกแล้วครับไอ้ตีนเป็ด ตีนไก่ที่ฮ่องกงนี่ฮิตกันจริง ) เป็นซุปฟรี ที่ทางร้านจะแจกให้ทุกโต๊ะ โต๊ะละหนึ่งชาม อืม ก็ไม่ได้อร่อยอะไรมากครับจานนี้ เหมือนจะเป็นการซดน้ำซุปร้อน เพื่อกระตุ้นความอยากอาหารรออาหารจานหลักที่สั่งไปซะมากกว่า อาหารจริง จานแรกที่ได้คือตัวบร็อคโคลี่กับเนื้อปลา (ฮ่องกงดูนิยมบร็อคโคลี่กัน) จานนี้ หน้าตาดูธรรมดามาก ไม่ได้มีความคิดสร้างสรรค์ใด ส่วนตัวรสชาติก็ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดีครับทั้งเนื้อปลาและบร็อคโคลี่ให้มาเยอะดี รวม ก็โอเคครับ อร่อยดี แปลกดีด้วย ไม่เคยเห็นที่เมืองไทย

อาหารจานที่ 2 นั้นเป็นมื้อทอดคลุกกับน้ำสลัด จานนี้ถ้าเทียบกับที่ไทยก็คงประมาณกุ้งทอดครีมสลัดที่เป็นที่นิยมในบ้านเราแต่แค่เปลี่ยนเป็นหมูทอดแทน รสชาติก็ไม่ได้อะไรมากอีกแล้วครับ ธรรมดา กินได้เรื่อย ออกแนวเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยมากกว่า 







อาหารจานที่ 3 เป็นมะเขือม่วงผัดมากับหมูสับและพริก จานนี้เป็นจานที่แบบผมชอบสุดในมื้อนี้ล่ะ ให้อารมณ์เหมือนอาหารจีนในกรุงเทพมาก จานนี้ รสชาติแม้จะไม่ได้โดดเด่น แต่แบบกินแล้วมันหยุดไม่ได้ยังไงก็ไม่รู้ครับ อาจจะเพราะเป็นรสชาติที่คุ้นเคยก็เป็นได้ ส่วนจานสุดท้ายเป็นหอยลายผัดพริก อาหารคล้าย บ้านเราอีกเช่นกัน แต่จะต่างหน่อยตรงที่ทางร้านไม่ได้ใส่พริกมาเยอะ แล้วก็ไม่ได้ผัดมามัน เหมือนบ้านเรา ส่วนตัวหอยก็ขนาด และรสชาติเหมือนบ้านเราแทบจะทุกอย่าง ส่วนทีเด็ดนั้นน่าจะอยู่ที่ปริมาณครับ เพราะว่าให้หอยลายมาเยอะมาก ร่วม 100 ตัวได้ และที่สำคัญ เป็น 100 ตัวแบบมีเนื้อ(แทบจะ) ครบทุกตัว ไม่เหมือนของบ้านเราที่ ถ้ามา 100 ตัวมีเนื้ออยู่สักครึ่งนึงก็หล่อแล้วอะไรแบบนั้น










มื้อนี้ปิดท้ายด้วยของหวาน 2 อย่างเป็นสับปะรดในน้ำเชื่อม และถั่วแดงนมสด ตอนแรกที่สั่งไปก็นึกว่าทางร้านจะเสิร์ฟมาแบบใส่ถ้วยมาให้ ที่ไหนได้ครับ มาเป็นแบบใส่แก้วมาให้ แล้วให้มาแค่หลอดเท่านั้น ไม่มีช้อน ไม่มีส้อมมาให้เลย อืม ทางร้านคงตั้งใจให้ยกกระดก กินเป็นเครื่องดื่มผสมของหวานปิดท้ายอะไรแบบนั้นแน่ ตอนแรกผมก็พยายามกินแบบนั้นครับ แต่กินไปกินมา มันลำบากชะมัด ก็เลยเอาช้อนที่กินของคาวนี่แหละมาตักกินแทน ตัวรสชาติอร่อยดีครับ ไม่ไหวมาก ลงตัวกำลังดี

สรุป ร้านชื่ออ่านไม่ออก ห้าง tsz wan shan shopping centre นี่สำหรับผมแล้วรสชาติก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากครับ อาหารจะออกแนวคล้าย อาหารจีนบ้านเราซะมากกว่า ซึ่งเพราะด้วยเหตุผลนี้รึเปล่าก็ไม่ทราบเลยทำให้ลูกค้าของร้านนี้เยอะ เพราะอาหารจีนที่ฮ่องกงนี่ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารสไตล์กวางตุ้ง แต่พอมาเจอแต้จิ๋ว ที่รสชาติใช้ได้ ราคาไม่แพงแบบนี้ มันก็เลยอาจจะเป็นของแปลกหายากหน่อยสำหรับคนฮ่องกงเขาล่ะครับ



พอกินเสร็จก็ไม่มีอะไรล่ะครับวันนี้ เดินกลับห้องไปนอนก็หมดไปอีก 1 วันแล้ว วันต่อมาเครื่องบินผมออกบ่ายโมง ก็เลยต้องพยายามหาร้านที่อยู่ใกล้ สนามบินและเปิดทำการเร็วหน่อย ก็โชคดีที่ได้ญาติเพื่อนผมขับรถไปส่งที่สนามบินอีกแล้ว และเป็นคนพาไปกินร้านอาหารปิดท้ายด้วย 

7th Shop
ชื่อร้าน East Ocean Restaurant สาขา Maritime Square
URL http://www.eastocean.com.hk/
ประเภท อาหารจีนแต้จิ้ว, ติ่มซำ
ราคา คนละ 500 บาทโดยประมาณ
ดีกรี ร้านดังมีหลายสาขา, ร้านแนะนำของเพื่อนญาติ, ลูกค้าชาวฮ่องกงที่แน่นขนันเต็มร้าน







ร้านนี้ชื่อนั้นแปลว่า ทะเลตะวันออก ถ้าอ่านแบบญี่ปุ่นก็จะออกเสียงว่า โตไก (เหมือนร้านเนื้อย่างโตไกบ้านเรา) แต่อ่านแบบจีนผมอ่านไม่ออกเหมือนกัน ถามญาติล่ะว่าอ่านว่าอะไรแต่ก็ลืมไปแล้ว ร้านนี้เท่าที่ดูชื่อและดูโลโก้ร้านแล้ว มันช่างเหมือนกับร้าน East Ocean ที่โรงแรม SC Park เลียบทางด่วนรามอินทราเป็นอย่างมาก ผมเดาว่าทางโรงแรม SC Park น่าจะซื้อ Franchise ของที่นี่ไปขาย เพราะว่าร้านนี้ที่ฮ่องกงก็มีสาขาอยู่หลายที่อยู่แล้ว และอาหารจากที่ผมกิน และดู เมนูมันก็ช่างคล้ายกับที่ไทยซะเหลือเกิน (ร้านที่ไทยก็อร่อยดีนะครับร้านนี้ ราคาไม่ค่อยแพงด้วย เผื่อใครอยากจะไปจัด)

เนื่องจากมื้อนี้เป็นอารมณ์ประมาณมื้อ Brunch เพราะกินกันตอน 10.30 . อาหารที่สั่งก็เลยจะคล้าย มื้อเช้าของ 2 วันก่อนหน้าคือเป็นพวกติ่มซำเป็นหลักครับ  อ้อ ร้านนี้ก็เหมือนร้านชา Yum Cha 2 ร้านก่อนหน้าที่แบบลูกค้าเยอะเหลือเกิน ผมเกือบจะไม่มีโต๊ะนั่งก็ว่าได้ พอกินร้านแนว นี้มา 3 ร้านก็เลยเริ่มสงสัยว่า คนฮ่องกงมันบ้าอะไรกับร้านอาหารสไตล์นี้กันนักนะ?

มื้อนี้จานที่ประทับใจนั้นไม่ใช่ติ่มซำแต่เป็น ผัดหมี่แห้งกับปลาหมึกและไข่ ที่หน้าตาดูไม่น่ากินเลยยยยย แต่รสชาตินี่ผิดกับหน้าตาครับ น่าจะเป็น one of the best หมี่แห้งที่ผมเคยกินมาก็ว่าได้ คือกินแต่ละคำแล้วมันเหมือนไม่ได้กินหมี่แห้ง กรัง สาก ลิ้นแบบส่วนใหญ่ที่กินมา แต่แบบแต่ละคำมันอัดแน่นไปด้วยรสชาติ, ความฉ่ำของเส้นและเครื่อง ไม่รู้จะบรรยายไงดี ทุกคนบนโต๊ะชอบกันมากครับจานนี้ งงมากว่าทำมาได้อย่างไร








ส่วนจานอื่น ที่ชอบก็จะมีหมูกรอบสไตล์ฮ่องกง คือหลังจากที่ติดใจเจ้าหมูกรอบมาจากเมื่อวาน วันนี้ตอนจะสั่งอาหารก็เลยบอกญาติไว้ก่อนเลยว่าถ้ามีหมูกรอบก็ให้สั่งด้วย ซึ่งพอได้กินแล้วก็ อืม อร่อยจริง อร่อยเหมือนร้าน Nice Capital Restaurant เมื่อวานเลย หมูหนังกรอบ เนื้อนุ่ม เนื้อไม่มันทะลัก และมาพร้อมน้ำจิ้มกึ่ง มัสตาร์ด เหมือนร้านเมื่อวานเด๊ะ เยี่ยมครับ ส่วนอาหารที่เหลือในมื้อนี้ก็จะเป็นพวกติ่มซำ (ขนมจีบ, ฮะเก๋า, ซี่โครงหมูเต้าซี่, ตีนเป็ด) กับก๋วยเตี๋ยวหลอด (ไส้หมูแดง, ไส้หอย, ไส้กุ้ง) ซึ่งทั้งหมดนี้ เท่าที่กินมา 3 มื้อนี้ทริปนี้ ผมว่าของร้าน East Ocean Restaurant at ห้าง Maritime Square นี่อร่อยที่สุดล่ะครับ อร่อยระดับติ่มซำหรูในโรงแรม 5 ดาวบ้านเราเลย














ร้าน East Ocean Restaurant นี่ก็ไม่น่าแปลกใจครับที่แม้ว่าผมจะไปตอน  10.30 .แล้วลูกค้าจะเต็มร้านกันแล้ว (ตอนออกมา 11.30 . นี่มีลูกค้ารอคิวหน้าร้านหลายสิบคน!) เพราะว่าอาหารอร่อยและราคาไม่แพงเลย กินไป 4 คนหมดไปแค่ 2000 บาทและอิ่มกำลังดีเลย ร้านนี้ก็มีหลายสาขาในฮ่องกงครับ ลอง search ดูก็ได้ครับถ้าจะไปลองกัน หรือถ้าอยากกินที่เมืองไทย ก็ไปที่โรงแรม SC Park กันได้เลย แต่ผมรู้สึกว่าที่ฮ่องกงจะทำได้ดีกว่านะ (ตอนไปกินที่ไทยก็กินติ่มซำนี่แหละครับ)





ทริปฮ่องกงระยะสั้นของผมก็จบลงอย่างค่อนข้างจะ Happy ล่ะครับ ตอนแรกกะว่าจะมากินร้าน Michelin Star ให้ได้มากกว่านี้ แต่เนื่องด้วยหลังจากที่กินไปแล้ว 3 ร้าน รู้สึกว่ารสชาติมันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากร้านอาหารจีนบ้าน ร้านอื่นที่กินเลย แถมแพงกว่าแบบโอเว่อร์ด้วย มื้อหลัง ผมก็เลยบอกญาติผมว่าให้จัดมาให้ผมดีกว่า เพราะนอกจากจะมั่นใจว่าผ่านการชิมจากคนรู้จักจริง แล้ว ราคาก็น่าจะคุ้มค่าด้วย (ญาติผมค่อนข้างขี้เหนียว ฮ่า ) ฮ่องกงนี่ตอนแรกผมก็นึกว่ามันจะไม่มีอะไรให้เที่ยวสักเท่าไร เนื่องจากว่ามันเป็นเกาะเล็ก เท่านั้น แต่หลังจากที่มาทริปนี้ก็รู้ว่าจริง มีที่ให้เที่ยวได้อีกสัก 2-3 ทริปได้สบาย เลย (ทริปละ 3-4 วัน) ก็ไว้คราวหน้าถ้ามาก็จะมาเขียนบันทึกนักเดินทางเน้นการตระเวณชิมให้อ่านอีกนะครับ ส่วนทริปนี้ก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ ยังไงก็ฝากอ่าน บันทึกต่อเนื่องกับทริปต่อเนื่องตะลุยญี่ปุ่นตอนล่างประเทศกันต่อด้วยนะครับ


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment