Friday, August 24, 2012

Tenyuu Grand Restaurant Bangkok Review

Tenyuu Grand - Premium Japanese Restaurant at Sathorn Road, Bangkok เทนยู แกรนด์ ร้านอาหารญี่ปุ่น สาทร ซูชิ ซาซิมิ ปลาดิบ



Overall Score  9.5/10
Taste   5/5
Ambiance  4.5/5
Service  4/5
Value   3.5/5

Tenyuu Grand - Premium Japanese Restaurant on BumRes.com



แม้ว่า ณ ปัจจุบันนี้ ร้านอาหารญี่ปุ่นจะผุดตัวกันขึ้นมาเป็นดอกเห็ดในกรุงเทพเมืองฟ้าอมรของเราชนิดที่เรียกได้ว่า ไปที่ไหนก็เจอ ๆ ๆ แต่ว่ากับร้านอาหารญี่ปุ่นขั้น Premium ร้านที่ Positioning ตัวเองไว้สำหรับลูกค้าในตลาดบนแบบชัดเจนนั้น กลับไม่ได้ผุดกันขึ้นมาเป็นดอกเห็ดตามกระแส ร้านที่ผมว่าเข้าข่าย Premium Japanese Restaurant เหล่านี้ก็จะมีร้าน Mugendai Sushi & Tempura Bar @ The Glass ทองหล่อ , ร้าน Ten Sui @ Sukhumvit 16 ที่เปิดมาค่อนข้างจะยาวนานแล้ว และร้าน Maru Kaiseki @ ทองหล่อซอย 3 ร้านที่แม้จะเป็นห้องแถว แต่ภายในก็ได้มีการตกแต่งอะไรไปเยอะจนเหมือนหลุดเข้าไปในร้านญี่ปุ่นแท้ ๆ จริง ๆ ถ้าจะว่ากันไปแล้วร้าน Honmono Sushi ของเชฟกระทะเหล็กบุญธรรมก็ค่อนข้างจะเข้าข่ายร้านระดับ Premium แต่ว่าจากการที่เชฟแกดังติดลมบนจนตอนนี้ร้านมีถึง 5 สาขาทั่วกรุงแล้ว.. ความขลัง ความอยากไปของผมมันลดน้อยลงไปกว่าตอนที่ร้านมีแค่สาขาเดียวที่ทองหล่อ 23 ต้นตำรับอย่างไรก็ไม่ทราบ (สำหรับผม)

เกริ่นกันมาขนาดนี้ แน่นอนว่ารีวิวฉบับนี้เราก็จะไปกันที่อีกหนึ่งร้าน Premium Japanese Restaurant ในบ้านเรากับร้านที่มีนามว่า Tenyuu Grand ร้านที่นำบ้านหลังเก่า (เดิมเป็นร้านอาหารอิตาเลียนสักร้าน) มาดัดแปลงให้กลายเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร โดดเด่นตรงที่ ใครจะไปคิดว่าท่ามกลางย่านสีลม-สาทรอันแสนจะคับคั่งและจอแจ เพียงแค่คุณหลุดเข้าไปในร้านเทนยู แกรนด์แห่งนี้ก็จะพบกับพื้นที่อันร่มรื่นย์ไปด้วยต้นไม้ในพื้นที่ขนาดใหญ่ประมาณสัก 2 ไร่ บอกตรง ๆ ว่าการมีร้านแบบนี้อยู่ในย่านแบบนี้มันเป็นอะไรที่เท่ไม่หยอกเลย

ร้าน Tenyuu Grand ที่ตั้งตัวเองอยู่ติดกับสาทรซอย 6 หรือซอยพิพัฒน์แห่งนี้ ก็เปิดทำการมาได้ปีกว่า ๆ แล้ว ตัวร้านจะมี 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นร้านอาหารทั่วไปและ Sushi Bar ไว้รองรับลูกค้าทั่วไป ส่วนชั้นบนจะเป็นห้องส่วนตัวจำนวน 10 ห้อง อาจจะฟังดูเยอะ แต่ว่าแต่ละห้องนั้นจุลูกค้าได้ไม่ค่อยเยอะเท่าไรประมาณห้องละ 4-10 คนเท่านั้น (ส่วนใหญ่เป็น 4 คน)  ร้านเปิดให้บริการ 2 ช่วงเวลา มื้อเที่ยงและมื้อเย็น มื้อเที่ยงก็มีบริการ Set Lunch อาหารญี่ปุ่นตามพิมพ์นิยม ส่วนมื้อเย็นก็จะเป็น a la carte ที่มีเมนูอาหารให้เลือกมากมาย ครบครัน แทบจะทุกรูปแบบของอาหารญี่ปุ่นที่จะสามารถมีได้  แน่นอนว่าราคาอาหารของร้านนี้แพงแบบ แพงจริง ๆ แต่ก็เหมือนกันกับร้าน Premium ร้านอื่น ๆ ที่จะมีโปรโมชั่นต่าง ๆ นา ๆ มาลดราคาอาหารลงมาเพื่อเพิ่มความคุ้มค่า เช่นจ่ายเงินสดจะลด 25% และบัตรเครดิตแทบทุกเจ้าจะลด 20% ซึ่งถ้าเมื่อคิดราคาตอนลดแล้ว ราคาก็จะสูสีกับร้านเกรดเดียวกันร้านอื่น ๆ ล่ะครับ




มื้อนี้เริ่มต้นด้วย สลัดปลาเงินทอดกรอบ (Shirauo Salad - 450 บาท) เจ้าอาหารจานนี้รู้สึกว่าไปในร้านระดับนี้ช่วงหลัง ๆ ก็จะเจอตลอด ตอนสั่งไปก็ไม่ได้คาดหวังอะไรหรอกครับ แต่พอพนักงานยกเจ้าจานนี้มานี่สิ แอบตกใจครับ เพราะว่ามันใหญ่มาก เยอะมาก เทียบกับร้านอื่น ๆ ก็ประมาณสัก 2 เท่าครับ ชามที่ใส่มาเป็นชามไม้ขนาดใหญ่มาก คือผมไม่ได้ถ่ายรูปเทียบกับวัตถุอ้างอิงเพื่อจะได้เห็นความใหญ่จริง ๆ เอาเป็นว่าใหญ่และปริมาณเยอะดีมากเลย ส่วนรสชาติ ก็เป็นสลัดที่อร่อยดีครับ คือผมกินแล้วค่อนข้างชอบเลย ผักสด กับปลาเงินทอดมากรอบ ๆ และน้ำสลัดที่น่าจะเป็นน้ำสลัดสูตรเฉพาะ หรือทำเอง ไม่ใช่แบบสำเร็จรูป กินเพลิน ๆ เรียกน้ำย่อยดีครับ จริง ๆ เจ้าจานนี้จะยิ่งดีมากขึ้นถ้ามีผักแปลก ๆ ใหม่ ๆ นอกจากผักกาดแก้ว หรืออาจจะสาสาหร่ายวากาเมะเพิ่มเข้าไปผมว่าก็น่าจะยิ่งอร่อยขึ้น




จานที่ 2 ก็เป็นอีกหนึ่งอาหารเรียกน้ำย่อยกับ ไข่ตุ๋นพิเศษ ใส่ไก่ + ไข่หอยเม่น + ไข่กุ้ง (Chawan Special - 500 บาท) คือถ้าถามว่าไข่ตุ๋นบ้าอะไรราคา 500 บาท? ผมก็นึกไม่ถึงหรอกครับว่ามันจะมีไข่ตุ๋นราคา 500 บาทจริง ๆ แต่กับการที่ทางร้าน Tenyuu Grand ใส่ Uni หรือไข่หอยเม่น มา 2 กลีบ และให้กุ้งหวานมาหนึ่งตัว บวกกับให้ไข่แซลมอนและไข่กุ้งมาแทบจะแทรกซึมทุกอณูของไข่แล้ว อืม 500 บาทมันก็อาจจะคุ้มก็ได้นะ? รสชาติ อร่อยดีครับ อร่อยแบบ mild ๆ ไข่ตุ๋น ไม่ค่อยมีรสชาติอะไรมาแบบแทบจะจืดสนิทเพื่อชูรสชาติของของแพง ๆ ที่ใส่มาในถ้วยซะมากกว่า จานนี้ดีครับ เป็นอีกหนึ่งจานเรียกน้ำย่อยที่เยี่ยมเลยทีเดียว




จานที่ 3 ก็เป็นจานที่เริ่มจะหนัก ๆ ขึ้นมาหน่อยกับ ท้องปลาทูน่าย่างซอสมิโสะสาหร่าย (Chutoro Wakame Miso - 1200 บาท) จานนี้ตอนเห็นเมนูกับเห็นของจริง แอบคิดว่ามันใช่ Chutoro จริง ๆ เหรอ? เพราะไม่ค่อยเห็นลายไขมันสักเท่าไรเลย เหมือนเป็น Akami ธรรมดามากกว่า ซึ่งถ้าบอกว่ามันโดน sear มาแล้วลายหายก็ไม่น่าใช่ เพราะว่าเหมือนทางเชฟจะ sear มาตอนเป็นก้อนใหญ่ ๆ แล้วมาผ่าเป็นชิ้นเล็ก ๆ อีกที ซึ่งเหตุผลที่สงสัยก็เพราะว่าแม้ว่ามันจะไม่มีลายไขมัน แต่รสชาติตอนกินคือมันใช่เลยครับ Chutoro เป็นแน่แท้เลย ได้สัมผัสไขมัน ได้ความมันจากไขมัน และเสริมความอร่อยขึ้นไปอีกด้วยซอสสาหร่ายมิโซะซึ่งรสชาติดีมากครับ เข้ากับปลาเป็นอย่างดี คือกินคำแรก ๆ ผมก็จิ้มซอสแค่น้อย ๆ ครับ พอให้ได้รสชาติ พอชิ้นสุดท้าย (ชิ้นที่ 3) นี่แทบจะละเลงซอสให้เต็มเนื้อปลาเลย อร่อยจริง ๆ ฮ่า ๆ







จานที่ 4 เข้าสู้จาน Highlight ประจำมื้อนี้กับ Tenyuu Sushi (ซูชิรวมพิเศษเทนยู - Premium assorted nigiri sushi - 3600 บาท) ซึ่งประกอบด้วยซูชิทั้งหมด 12 คำแล่ไข่หวานอีก 2 คำ ตัวซูชิก็จะมี Matsuzaka Beef (อร่อยครับ sear มากำลังดี คงความเป็น medium rare อยู่ไม่ได้ทำลายไขมันของเนื้อไป) , Foie Gras (ชิ้นโตมาก อร่อยมาก กินแล้วละลายในปาก แทบจะลอย), กุ้งโบตั๋น (รสชาติแอบธรรมดา ๆ), Taraba Crab (อันนี้น่าจะเป็นซูชิหน้าปูทาราบะที่อร่อยที่สุดที่เคยกิน), Uni (เป็นไข่หอยเม่นที่แปลกมากครับ ไม่ได้ทำมาเป็น Gunkan maki หรือซูชิเรือรบที่มีสาหร่ายพัน ๆ มา เหมือนเชฟจะต้องการโชว์ฝีมือว่า "ข้าก็สามารถทำแบบ Sushi ธรรมดาได้นะเจ้า Uni เนี่ย" ซึ่งผมว่าน่าจะทำยาก เชฟเก่งดีครับ รสชาติดีครับ ไข่หอยเม่น หอมหวานละลาย เป็นไข่หอยเม่นที่สดมาก ๆ จริง ๆ), Sear Salmon (อร่อย ๆ อีกเช่นกัน), Sear Otoro (อร่อยประทับใจ ละลายในปากสุด ๆ มีกลิ่นหอมจากการเผามาด้วย โอย), Akami (อันนี้รู้สึกร้านคู่แข่งจะทำได้ดีกว่า), Otoro ธรรมดา (แบบ Sear แอบอร่อยกว่าเล็กน้อยแต่เจ้าชิ้นนี้ก็เยี่ยมล่ะครับ) และปลาเนื้อขาวอีก 3 ชิ้นซึ่งผมไม่แน่ใจว่าคือปลาอะไรบ้าง (น่าจะเป็น Tai อัน, Kinmedai อัน ส่วนอีกอันไม่ชัวร์) ปลาเนื้อขาว 3 ชิ้นก็อร่อยดีครับ กินแล้วแอบเคลิ้ม เจ้าจานที่ 4 นี่อาจจะเขียนยาวหน่อย เพราะผมค่อนข้างประทับใจครับ ไม่ได้กิน Sushi อร่อย ๆ แบบนี้นานแล้ว กินครั้งสุดท้ายก็คงเป็นที่ญี่ปุ่นเมื่อ 3-4 เดือนก่อนที่เพิ่งไปมา

ร้าน Tenyuu Grand นี่ไม่ได้ปั้นซูชิให้ผิดหลักจารีตประเพณีเหมือนอย่างหลาย ๆ ร้านในปัจจุบัน คือทางร้านจะปั้นมาพอดีคำ ไม่ได้ให้เนื้อปลามาจนเยอะคลุมข้าวจนไม่เห็นข้าว และให้ข้าวมาก้อนน้อย ๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการปั้นแบบผิตจารีตแบบที่ร้านไทยส่วนใหญ่ทำกันนี่ทำไมมันแพร่หลายเหลือเกิน ซึ่งถ้าเอาจริง ๆ ปั้นแบบธรรมดา ๆ ข้าวกับปลาสัดส่วนพอ ๆ กันนี่ล่ะ อร่อยที่สุดแล้ว ไม่งั้นร้านซูชิเทพ ๆ ต้นตำรับที่ญี่ปุ่นเองเค้าคงเปลี่ยนไปปั้นแบบปลาใหญ่ข้าวน้อยไปนานแล้วล่ะมั้งครับ




จานที่ 5 เป็น Spicy Salmon Cheese Roll (Foiegras, Cheese, Cucumber and Salmon - 650 บาท) Roll ที่ทางเชฟซูชิเป็นคนแนะนำมา Roll อันนี้แอบค่อนข้างเฉย ๆ เพราะเหมือนรสชาติมันยังผสานกันไม่ค่อยดีเท่าไร บรรยายไม่ถูกเหมือนกันครับ แต่ที่บอกว่าแอบค่อนข้างเฉย ๆ คือ เฉย ๆ เมื่อเทียบกับ Sushi เทพจานก่อนหน้านะครับ ถ้าเอาเจ้า Roll นี้ไปเทียบกับร้านอื่น ๆ นี่จัดได้ว่าเป็นโรลล์ที่อร่อยเยี่ยมทีเดียวเลยล่ะ ส่วนหนึ่งของความอร่อย เชฟบอกว่าทางร้านจะใส่ Spicy Sauce สูตรเฉพาะที่แบบมั่นใจในความอร่อยมาก จนจะนำไปวางขายแบบบรรจุภัณฑ์กันแล้ว อืม ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่ามันอร่อยขนาดนั้นรึเปล่า แต่โดยรวม ๆ ก็ดีครับเจ้า Roll นี้




จานที่ 6 เป็น Matsuzaka Jumbo (900 บาท) จานนี้ก็เป็นเหมือน Sushi หน้าเนื้อมัตสึซากะที่แบบเอาเนื้อมัตสึซากะแผ่นใหญ่มาปูเป็นพรมเต็มถาดที่ยกมาและมีข้าวก้อนเล็ก ๆ เป็นนูนขึ้นมาอยู่ตรงกลาง จานนี้เจ๋งดีครับ อลังการดี ส่วนรสชาติ ก็คล้าย ๆ เหมือนกินเนื้อเปล่า ๆ ซะมากกว่า อย่าไปนับถึงข้าวเลย ซึ่งแน่นอนครับตัว Sushi ทำมาดียังไง เจ้าจานนี้ก็อร่อยแบบเดียวกัน เนื้อ Sear มากำลังดี และราดซอสคล้าย ๆ ซีอิ๊วที่เพิ่มรสชาติมาลงตัวดี ผมกับเพื่อนแบ่งกันครึ่งนึง และก็กระเดือกลงไปเฮือกเดียวด้วยความอร่อย





จานสุดท้ายเป็น หมูสันนอกติดกระดูกย่างซอสเปลือกมะนาวญี่ปุ่น (Pork chop with yuzu kosho - 450 บาท) จานนี้บอกตรง ๆ ว่าไม่ได้คาดหวังอะไรในรสชาติสักเท่าไร เพราะในเมนูก็ไม่ได้บอกว่าเป็นหมูคุโรบูตะแต่อย่างใด ตอนยกมาก็เป็นหน้าตาแบบ steak ที่หากินได้ทั่ว ๆ ไปไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่พอได้กินคำแรกเท่านั้นล่ะครับ Oh my god! อร่อยมากครับ พูดได้เต็มปากเลยว่าเป็นเสต็กที่อร่อยที่สุดในช่วงหลัง ๆ (2-3 เดือน) ที่ผมกินมาเลย ซึ่งแอบรู้สึกไม่ค่อยอยากพูดแบบนี้เลย เพราะต้องมายกคำว่าอร่อยที่สุดให้กับเนื้อหมูแทนที่จะเป็นเนื้อวัวแบบนี้ แต่แบบต้องยอมเค้าจริง ๆ ครับ เนื้อทุกชิ้นที่หั่น มัน อร่อย นุ่ม และที่ผิวก็แบบมีรสชาติเจ้าซอสเปลือกมะนาวญี่ปุ่น อะไรนี่ซึ่งแบบ...อร่อยชะมัดเลยล่ะครับ

มื้อนี้ตบท้ายด้วยของหวานพิมพ์นิยมที่แทบจะทุกร้านในระดับนี้จะทำแถม ๆ กันกับเมล่อนญี่ปุ่น ซึ่งของร้าน Tenyuu Grand นี่ก็แน่นอนครับ อาหารคาวดีขนาดนี้ เจ้าเมล่อนญี่ปุ่นนี่ก็หวานอร่อยแน่นอน ส่วนอีกอย่างเป็นโมจิยัดไส้สตรอเบอรี่ อันนี้แอบประหลาดใจที่ทำไมสตรอเบอรี่มันถึงหวานขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นหน้าของมัน อร่อยอีกเช่นกัน




สรุป มื้อจัดหนักกับร้าน Tenyuu Grand @ ถนนสาทร แห่งนี้เรียกได้ว่าประทับใจมากครับ อาหารอร่อยล้ำสุด ๆ จานที่ไม่อร่อยล้ำก็อร่อยแบบอยู่ในระดับสูงกว่ามาตรฐานเฉลี่ย ผมนี่ชอบนิสัยเสียจริง ๆ เวลาได้กินมื้อไหนที่ประทับใจ ๆ จะชอบเขียนรีวิวยาว ๆ แบบนี้ซะเรื่อย ซึ่งผมไม่รู้ว่าทุกท่านเป็นกันมั้ยที่เวลาประทับใจอะไรเราก็อยากจะพูดถึงมันเยอะ ๆ มีอะไรให้เขียนเยอะ แต่กับอะไรที่ไม่ประทับใจก็ไม่ค่อยอยากจะเขียน ไม่อยากจะเก็บมาให้รกสมอง

จากการ Positioning ตัวเองเป็นร้าน Premium Japanese Restaurant ของร้าน Tenyuu Grand แห่งนี้ ผมว่าทางร้านตอบโจทย์ตัวเองได้ครบหมด ไม่ว่าจะเป็น location และบรรยากาศทั้งภายนอกและภายในของร้าน, รสชาติของอาหารที่อร่อย และมีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง, พนักงานที่บริการได้สมมาตรฐานร้านอาหารแพง ๆ ซึ่งแน่นอนครับว่าทั้งหมดนี้มันก็ต้องแลกมาด้วยราคาอาหารที่คนธรรมดาแบบผม หลาย ๆ เดือนคงได้ไปกินสักมื้อนึง แต่ถ้าหลาย ๆ เดือนมาที ได้เจอกับอาหารมื้อพิเศษ และอร่อยขนาดนี้ มันก็เพียงพอที่จะเก็บความรู้สึกดี ๆ แบบนี้ไปได้จนกว่าจะไปครั้งใหม่ก็เป็นได้นะครับว่ามั้ย? และอีกหนึ่งสัจธรรมในวันนี้ (หลังจากวันก่อนที่ไปกินร้าน Indigo ที่ได้สัจธรรมว่า "จะไปกินอาหารยุโรปในกรุงเทพให้อร่อย อย่าไปกินมื้อเที่ยง") ที่ผมค้นพบว่า "อาหารญี่ปุ่น ราคาแปรผันตรงกับรสชาติ" (ว่ามั้ยครับ?)


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

1 comment:

  1. ทั้งบรรยากาศ และรสชาด ไม่ได้เกินจริงจากภาพเลย ซู๊ดดดดดด ยอดดดดดด
    Tenyuu Grand ตั้งอยู่บนถนนสาธร หน้าปากซอยสาธร 6 (ซอยพิพัฒน์)

    ReplyDelete