Tuesday, June 5, 2012

Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 10

Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 10





เมื่อวานผมไปเมืองเก่า ณ Kawagoe มา วันนี้ไปไกลกว่านั้น ไปป่าเลย กับย่าน Okutama ย่านที่อยู่แสนไกล ตะวันตกเฉียงเหนือสุดจากโตเกียว ย่านนี้จะอยู่ใกล้ ๆ กับแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง Mitake (เคยใช้ถ่ายทำหนังเรื่องข้างหลังภาพ? รึเปล่าไม่แน่ใจ) โดยแถบนี้จะปกคลุมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ ก็เลยเหมาะแก่การมาท่องเที่ยวยามใบไม้เปลี่ยนสีครับ แต่พอดีผมมากันตอนใบไม้มีสีเดียวก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบเป็นอารมณ์เขียวขจีไปทั่วทุกหนทุกแห่งแทน ย่านนี้จริง ๆ จะเรียกว่า Okutama-machi (machi แปลว่า town) โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ในเมืองจะถูกแบ่งโดยภูเขาและมีแม่น้ำ Tama ไหล่ผ่ากลางจากตะวันตกไปตะวันออก ใช้เวลาการเดินทางจากใจกลางเมืองโตเกียวประมาณสัก 2 ชั่วโมงโดยรถไฟ rapid express ครับ

วันนี้มีเพื่อนร่วมเดินทางเป็นสาวญี่ปุ่นอีกคน น้อง Waka เป็นครูสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่โรงเรียนประถมที่ ฟุกุชิม่า (ที่โรงงานนิวเคลียร์ระเบิด) แต่คุณเธอไม่ได้ติดกัมมันตรังสีมาแต่อย่างใดนะครับ เพราะว่าพอดีตอนนั้นคุณเธอเที่ยวอยู่ไทย!

นั่งรถไฟไปเรื่อย ๆ เริ่มเขียวขึ้นทุกที

สะพานแขวน เจอได้แทบทุกที่ ขนาดเมืองบ้านนอก ๆ แบบนี้ก็ยังมี

ถ้ามาตอนใบไม้เปลี่ยนสีน่าจะสวยงามมาก

ถึงสถานีหลักแล้ว ต่อรถอีกสักหน่อย

เมืองก็ลักษณะเป็นแบบนี้ มีแม่น้ำ Tama ผ่ากลางครับ

อันนี้ถ้าไม่บอกจะรู้มั้ยครับว่าเป็นสถานีรถไฟ? แนวมากเลยว่ามั้ยครับ คล้าย ๆ โรงเตี๊ยมมากกว่า

ตู้ไปรษณีย์ เจอเมื่อไรเป็นต้องถ่าย มัน Classic ดีแท้

เดินทางไปกินโซบะกัน


กว่าพวกเราจะเดินทางไปจนถึง Okutama ที่หมาย เวลาก็ล่วงเลยไปจนเกือบเที่ยงล่ะครับ ส่วนนึงเป็นเพราะว่ากว่าจะออกจากโตเกียวก็ซัดไป 9 โมงแล้ว และนั่งรถไฟอีก 2 ชั่วโมง เดินคลำ ๆ ทางในเมืองกันอีก กว่าจะถึงร้านโซบะก็ประมาณเที่ยงพอดี ร้านโซบะแห่งนี้ก็เช่นเคยครับ ผม request ม่ำเอาไว้ว่าอยากกินโซบะ เพราะร้านที่ Asahigawa ที่กินมายังไม่ค่อยประทับใจเท่าไร (คืออร่อยกว่าที่เมืองไทยแล้ว แต่คิดว่าน่าจะอร่อยกว่านั้นได้อีก) และได้ยินว่าย่านนี้เป็นย่านที่ดังเรื่องโซบะ ก็เลยหาข้อมูลและได้เป้าหมายมาเป็นร้านนี้ (ชื่อร้าน Oku รึเปล่า?) เป็นร้านโซบะอันดับต้น ๆ จากเว็บ r.tabelog ครับ เป็นร้านเล็ก ๆ น่ารัก เป็นคุณลุงกับคุณป้าทำกันอยู่ 2 คน โซบะในมื้อนี้ก็ดูเป็นโซบะบ้าน ๆ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษเลย ไม่ว่าจะการตกแต่ง, หรือเครื่องเคียงและอื่น ๆ กิน ๆ ไปกินมา ปรากฎว่าร้านโซบะที่ Asahigawa ดันอร่อยกว่าซะอย่างนั้น ร้านนี้รสชาติมันจืดไปหมดครับ เป็นหนึ่งในไม่กี่ร้านที่ผมไปมาและไม่ขอแนะนำให้มาละกันครับ


ร้านเล็ก ๆ

ลุงกับป้าทำกันอยู่ 2 คน

มีโต๊ะไม่กี่โต๊ะ

ราคายังกะอยู่ในเมืองหลวง

เบียร์สดไม่มีพลาดอยู่แล้วครับระดับนี้แล้ว

โอเด้ง ไม่อร่อยเลยครับ ซื้อ 7-11 กินอร่อยกว่า

ปีกไก่ทอดเคลือบซอสเผ็ด ๆ นิดหน่อย อันนี้ก็พอกินได้

Saru Soba แบบ Basic มาแล้น รสชาติธรรมดา ๆ จืด ๆ 

อันนี้มีเครื่องเคียงเพิ่มขึ้นมาหน่อย แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้อร่อยขึ้นแต่อย่างใด

อันนี้ของผม เป็นโซบะ 3 สหายใส่อะไรมาบ้างก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าไม่อร่อยสักอย่าง

แม้ว่าจะขูดวาซาบิสดช่วยเพิ่มรสชาติแล้วก็ตาม

อันนี้โซบะผัดผักของสุ จืด ๆ เนือย ๆ เช่นเดียวกันกับจานอื่นครับ

หลังจากที่อึน ๆ กับโซบะลุงป้า พวกผมก็มุ่งหน้าต่อไปยังเขื่อนอะไรสักอย่าง โดยต้องนั่งรถบัสไปประมาณครึ่งชั่วโมง ที่เขื่อนนี้ก็เป็นเขื่อนแบบ .. เขื่อนอ่ะครับ เป็นเขื่อนขนาดค่อนข้างใหญ่ มีภูเขารายล้อมสวยงาม ที่เขื่อนก็จะมีคล้าย ๆ พิพิทธภัณฑ์พื้นบ้าน แสดงหัตถกรรมอะไรต่าง ๆ สไตล์ญี่ปุ่น และก็มีส่วนแสดงการทำงานของเขื่อน, ประสิทธิภาพของเขื่อนอะไรประมาณนั้น ที่เขื่อนนี้ก็ไม่มีอะไรหรอกครับนอกจากจะมาดูวิวทิวทัศน์ธรรมชาติ , ถ่ายรูป ออกแนวมาสงบจิตใจประมาณนั้น พอตีตอนที่ไปเป็นหน้าร้อนด้วย อากาศเลยค่อนข้างอบอ้าว เหงื่อแตกพลั่ก ๆ ทรมานดี ถ้าไปช่วงหน้าที่เย็นกว่านี้ เจ้าเขื่อน @ Okutama แห่งนี้น่าจะเป็นสถานที่ที่ชิลไม่หยอกเลยนะครับเนี่ย


รถบัสไปเขื่อน ไม่ค่อยมีคนเท่าไร

แผนที่เขื่อนครับ รูปผมอาจจะเอียงเยอะ คือเวลาใช้เลนส์ไวด์แล้วรูปมันเอียงง่ายมากครับ และพอดีผมขี้เกียจปรับให้ตรง

ถึงล่ะครับ ด้านซ้ายเป็นเขื่อน ด้านขวาเป็นพิพิทธภัณฑ์

เขื่อนครับ สวยครับ


มาสวีทกับแฟนก็พอไหวอยู่

ด้านในพิพิทธภัณฑ์ ส่วนจัดแสดงสไตล์ญี่ปุ่น

ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไรเพราะอ่านไม่ออก

ออกมาที่เขื่อนใหม่ น้ำมันสีสวยดีนะครับว่ามั้ย สีเขียวอมฟ้า น่าจะเป็นที่มาของคำว่า อาโอ (สีเขียว/ฟ้า) สีน้ำไม่เหมือนที่ไทย ที่มันจะเหลือง ๆ เต็มไปด้วยตะกอนทราย, ดินแดง


หลังจากที่ชิล ๆ กันที่เขื่อนเสร็จ พวกเราก็มุ่งหน้าไปที่ลำธารกันต่อ โดยนั่งรถบัสกลับไปยังสถานีรถไฟ แล้วก็เดิน ๆ กันไปประมาณสักครึ่งชั่วโมง ระหว่างทางไปลำธาร ก็จะผ่านบ้านเรือนหลังเล็ก ๆ สไตล์บ้านนอก ๆ แบบญี่ปุ่น , ผ่านทางเดินเล็ก ๆ ที่ 2 ข้างทางรายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นอะไรที่ฟินมากถ้ามันไม่ใช่หน้าร้อน เพราะว่าระหว่างทางที่ผมเดินนั้น เหงื่อผมแตกแบบ ไม่รู้จะแตกยังไงแล้ว อากาศมันอบอ้าวมาก ๆ และความชื้นสัมพัทธ์ก็สูงมาก เนื่องจากมีต้นไม้เยอะ แต่แล้วพอผมเข้าใกล้ลำธารขึ้นเรื่อย ๆ ความเย็นก็ค่อย ๆ ถาโถมเข้ามาหาผมทีละนิด ๆ และพอผมได้เอาเท้าเหยียบลงไปในลำธาร ผมก็ต้องตกใจว่าทำไมน้ำมันถึงเย็นได้ขนาดนี้ เย็นขนาดน่าจะประมาณน้ำเย็นในตู้เย็นอะไรประมาณนั้นเลย เพราะว่าที่ลำธารมีไอน้ำลอยตัวขึ้นมาแทบจะตลอดเวลาจากความแตกต่างกันของอุณหภูมิที่ผิวน้ำกับอากาศด้านบน เรียกว่าเป็นอะไรที่ amazing จริง ๆ สำหรับผม เพราะว่า ลำธารบ้านเรา นอกจากน้ำจะไม่เย็นแบบนี้แล้ว น้ำยังสกปรกและไม่ใสแบบนี้ซะเป็นส่วนใหญ่ด้วย พวกผม เล่นน้ำกันอยุ่ในลำธารอยู่นานพอตัวเพราะมันเย็นสบายดีแท้ แล้วก็เดินทางกลับกันเพราะไม่งั้นมันจะตกรถไฟ ซึ่งพอผมออกห่างจากลำธารปุ๊บ เหงื่อผมก็กลับมาแตกพลั่กอีกรอบ แล้วก็ได้แต่คิดในใจว่า นี่มันความพิศวงอะไรของธรรมชาติวะเนี่ย ทำไมลำธารไทยกับญี่ปุ่นมันเย็นต่างกันขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่อุณหภูมิแวดล้อมก็พอ ๆ กัน


ค่ารถบัสดูได้ตามนี้เลยครับคือตั๋วของเราจะมีเบอร์อยู่ ตอนจะลงก็จ่ายเงินตามเบอร์ที่โชว์ครับ ยิ่งนั่งไกลก็ยิ่งแพง

อันนี้เป็นซุ้มขายน้ำแข็งใส โดยมีเจ้าหนูน้อยอายุน่าจะไม่เกิน 10 ขวบมายืนขายอยู่ ดูแล้วน่ารักดีครับ

Series เรื่องโปรดของผม ไม่น่าเชื่อว่าคนญี่ปุ่นก็ดูกันด้วย

ทางลงไปลำธารครับ เห็นเขียว ๆ แบบนี้ แต่ร้อนชิบ(หอย) นะครับ

ไม่ถึงซักที ร้อนโว้ย

ถึงแล้ว เห็นไอน้ำป่ะครับ นั่นล่ะไอความเย็นเลย


น้ำใสไหลเย็น ชอบมากครับ ชอบบบบบบบบ เป็นสวรรค์ของผม ในหน้าร้อนเลยล่ะ

ลงไปแช่บาทาสักหน่อย

ขากลับเดินผ่านวัด มีต้นไม้ที่ดูเหมือนจะเป็นที่สักการะเท่ ๆ ต้นนึง


จากแผนที่รูปด้านล่างนี้เห็นลูกศรด้านซ้ายบนป่ะครับ นั่นล่ะครับตำแหน่งที่ผมอยู่ ผมต้องเดินทางไปตรงวงกลมสีเขียว ๆ (เรียกกันว่า Yamanote Line เป็นสายวงกลมที่หมุนวนรอบใจกลางเมืองโตเกียว) ระยะเวลาเดินทางก็ประมาณ 2 ชั่วโมงแค่นั้นเอง(หรา???) ดูแล้วก็ทึ่งกับโครงข่ายรถไฟของพี่ยุ่นเค้านะครับ ว่าขจรขจายมาถึงบ้านนอกคอกนาแบบนี้ได้ถึงขนาดนี้เลย พวกเราหลับ ๆ ตื่น ๆ กันไปจนถึงสถานีชินจูกุ แล้วก็เปลี่ยนรถไปยังย่านมหาลัยวาเซดะกันต่อ (ผมจำชื่อย่านไม่ได้ อยู่ตอนเหนือของชินจูกุ) โดยมีเป้าหมายเป็นร้านราเมนร้านโปรดของพวกเรา Ippudo Ramen โดยเจ้าร้านราเมนร้านนี้ก็เป็นประมาณร้าน Chain ราเมนร้านนึงในญี่ปุ่น มีสาขาค่อนข้างเยอะ อร่อยและดังขนาดที่ไปเปิดสาขาที่ New York, Singapore กันมาแล้ว การมากิน Ippudo ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 2 ของผมซึ่งรสชาติและความคุ้มค่าก็ยังคงยอดเยี่ยมอยู่เช่นเคย ผมก็จะยังคงตั้งปณิธานว่าไปญี่ปุ่นคราวไหนก็จะต้องกินเจ้าราเมนนี่ให้ได้ทุกครั้งไป


แผนที่ JR โซน Tokyo Metropolis and greater urban ครับ

รถไฟ rapid express ของเรา ไม่จอดเลยเกือบชั่วโมง ร่นระยะเวลาการเดินทางไปได้เยอะดี

ราเมนของที่ร้านจะมี 3 แบบชามขาว, ชามแดง และราเมนเผ็ด ชามขาวจะน้ำซุปอ่อนกว่าชามแดงหน่อย ส่วนแบบเผ็ดก็สามารถเลือกความเผ็ดได้ 5 ระดับ โดยระดับที่ 5 นั้นเป็นความเผ็ดที่ไม่อาจหยั่งถึง ในขณะที่ความเผ็ดระดับที่ 4 นายม่ำเพื่อนผมซึ่งก็เป็นคออาหารเผ็ดคนนึง ก็แทบจะกินไม่ได้แล้วล่ะครับ

มี Happy Hour พอดีเบียร์สดแก้วละ 300 yen เท่านั้น จัดหนักกันเลยทีเดียว เบียร์กับราเมน เป็นอะไรที่เข้ากันอย่างมาก ( จริง ๆ เบียร์กับอะไรก็ตามก็เข้ากันหมดล่ะครับ ฮ่า ๆ)

ถั่วงอกหมักพริกของร้านนี้ (ประมาณกิมจิ) ก็รสชาติดีจนทางร้าน Ippudo Ramen ต้องทำเป็นแบบแพ็คห่อกลับบ้านขายเลยล่ะครับ แต่แน่นอนว่าอยู่ที่ร้านจะหยิบกินเท่าไรก็ได้

อีกหนึ่งผักดอง

Negi and Nori สั่งเพิ่ม

เกี๊ยวซ่าก็อร่อยครับ ร้านนี้ออกแนว สั่งเลยอร่อยทุกอย่าง ประมาณนั้นเลย

ราเมนเผ็ดสี่ของเพื่อนม่ำผม มันกินไปซี้ดไป กว่าจะหมดชามซัดไปเกือบครึ่งชั่วโมง และวันต่อมาทำเพื่อนเสียเวลาอีกเพราะว่าต้องไปถ่ายหนักบ่อย ใครไม่ใจอย่ากินเผ็ดมากนะครับ (แต่ผมเคยกินเผ็ด 3 ก็ไม่ค่อยเท่าไรนะครับ เหมือนความเผ็ดมันจะก้าวกระโดดเป็น exponential) 

ราเมนชามแดงของผม อร่อยเยี่ยมเช่นเคย

Tsukemen ของสุ ผมไม่ค่อยชอบเจ้าราเมนแบบนี้เลย ไม่รู้ทำไมถึงขายดีจัง

อันนี้ราเมนสุดเผ็ดของม่ำที่พอคลุกพริกกับน้ำซุปเข้าด้วยกันแล้วครับ

อ๊ะแก้ใหม่ แก้วล่ะแค่ 200 เยนเท่านั้น !!! (ต้นทุนมันจะกี่เยนกันเนี่ย)


พอเราอิ่มกำลังดีจาก Ippudo Ramen แล้วเราก็ไปต่อกันที่ร้าน 100 yen ครับ เปล่าครับไม่ใช่ร้าน Daiso หรือว่าอะไรทำนองนั้น แต่เป็นร้านอาหารที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 100 yen ต่างหาก ร้านนี้ผมจำชื่อไม่ได้ ตั้งอยู่ที่ย่านมหาลัยวาเซดะ ร้านนี้ก็เป็นร้านสไตล์ Izakaya คืออาหารจะเป็นแนวกับแกล้มกินเคล้ากับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งทั้งอาหารและเครื่องดื่มของร้านนี้มีให้เลือกเยอะพอ ๆ กัน (อ่านว่าเยอะมาก พอ ๆ กัน) ตอนแรกผมก็คาดหวังเอาไว้ว่าเครื่องดื่มมันจะ 100 เยนทุกอย่างจริง ๆ แต่ไป ๆ มา ๆ มันไม่ใช่แบบนั้นครับที่ 100 yen จะเป็นประมาณพวกวิสกี้ผสมโซดา (คนญี่ปุ่นเรียกว่า Highball) ในขณะที่เบียร์สดของโปรดผมจะแก้วละ 300 yen มั้ง ส่วนเหล้าบ๊วยของโปรดสาว ๆ ก็จะยิ่งแพงกว่านั้นขึ้นไปอีก ร้านนี้ค่อนข้าง Fail ครับอาหารไม่ค่อยอร่อย (เมื่อเทียบกับร้านทุกอย่าง 270 yen Kinnokura Jr.) และเครื่องดื่มก็แพง แถมมีจำกัดด้วยว่าคนนึงนั่งได้แค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ม่ำบอกผมว่าเมื่อก่อนไม่ได้เป็นแบบนี้ เพิ่งจะมาเปลี่ยนนโยบายกับราคาเอาครั้งที่ผมไปนี่แหละ


ได้ห้องส่วนตัว แต่เหมือนแทบจะทุกโต๊ะก็จะเป็นห้องส่วนตัว คนญี่ปุ่นกินเหล้ากันสนุกสนานมากครับ เฮกันลั่นร้านแทบจะตลอดเวลา


อกเป็ดราดซอสมายองเนส จำได้ว่าค่อนข้าง Fail

ไอ้เจ้านี่แหละครับที่ 100 yen เป็นวิสกี้ผสมโซดา หรือ เหล้าแบบที่คนไทยกินกันนั่นเอง

สลัดผงเทมปุระ จำไม่ได้ล่ะครับว่าเป็นไง

อันนี้ fail สุด ๆ เนื่องจากเบียร์ไม่เย็นเลย (สังเกตแก้วไม่มีไอน้ำเกาะ) พยายามบอกพนักงานอยู่หลายรอบจนในที่สุด พนักงานบอกว่ามันทำได้แค่นี้แหละ จะกินมั้ย ผมก็ได้แต่จำยอมกิน

ไก่คาราเกะ อร่อยเสมอไม่ว่าจะร้านไหน

ยากิโทริก็เช่นกัน

ปลาฮอกเกะย่าง ตัวเล็กและไม่ค่อยอร่อย

ไป ๆ มา ๆ เบียร์เริ่มเย็นและเอาไปใส่แก้ว Torys ซะงั้น



หลังจากที่อิ่มกันแบบเซ็ง ๆ กับร้านนี้ พวกเราก็มุ่งหน้ากลับที่พักกันทันทีเพราะว่ามันค่อนข้างดึกแล้ว (ประมาณห้าทุ่ม) นั่งคุยกันแปบ ๆ แล้วก็นอนเก็บแรงกันเนื่องจากพรุ่งนี้ต้องไปช่วยเต้ขนของย้ายออกจาก apartment ครับ

ติดตามอ่านตอนต่อไปได้ที่ลิงค์นี้ครับ


Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com Series

Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Introduction
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 1
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 2
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 3
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 4
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 5
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 6
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 7
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 8
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 9
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 10
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 11
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 12

--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment