No. 43 ร้านอาหารอิตาเลียน พิซซ่า พาสต้า โรงแรม Cape House หลังสวน รีวิว
Overall Score 7/10
Taste 3.5/5
Ambiance 4/5
Service 4/5
Value 3.5/5
No. 43 - Italian Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)
No. 43 Italian Bistro เป็นชื่อของห้องอาหารหลักของ serviced apartment "Cape House" บนถนนหลังสวนใจกลางกรุงเทพ ชื่อร้านนี้มีที่มาจากบ้านเลขที่ของโรงแรมที่จะเป็นบ้านเลขที่ 43 ตัวเลขนี้ก็เลยไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก ตัวห้องอาหารนี้ในตอนเช้าจะประพฤติตัวเป็นไลน์อาหารเช้าให้กับแขกเหรื่อของโรงแรม ส่วนมื้อเที่ยงกับมื้อเย็นก็จะให้บริการอาหารอิตาเลียนตามชื่อร้าน แต่ก็มีอาหารไทยให้เลือกสั่งด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากว่าแขกของโรงแรมนี้จะเป็นชาวต่างชาติและอย่างที่รู้ ๆ กันว่าชาวต่างชาตินั้นชอบอาหารไทย ก็เลยต้องมีอาหารจากทั้ง 2 ซีกโลกไว้บริการ
บรรยากาศของที่นี่ก็น่าจะเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในห้องอาหารอิตาเลียนไม่กี่ร้านในกรุงเทพที่ตกแต่งร้านได้ในระดับเดียวกันกับชื่อร้าน คือร้านนี้ใช้ชื่อว่า Bistro ซึ่งถ้านิยามคร่าว ๆ ของคำนี้ก็คือร้านอาหารแบบบ้าน ๆ สบาย ๆ ของพวกฝรั่งเค้า ไม่ต้องหรูหราอะไรมาก เมนูมีจดในกระดานดำตามวัตถุดิบที่ได้มาในแต่ละวัน อะไรประมาณนี้ ร้าน No. 43 Italian Bistro แห่งนี้บรรยากาศค่อนข้างจะเหมือนกินข้าวอยู่ที่บ้านดีนะตามความรู้สึกผม ไม่ต้องพิธีการมากแต่ก็สะอาด สวยงามและเป็นระเบียบดี
อาหารของร้านก็ตามที่เกริ่นไปตอนแรกว่าจะมีทั้งอาหารอิตาเลียนและอาหารไทย แบบที่ไม่ได้เน้นอันไหนมากกว่ากัน และตัวอาหารของแต่ละฝั่งนี้ก็ไม่ได้แบบเป็นไทยจ๋า, อิตาเลียนจ๋า แต่อย่างใดแต่จะมีการ fusion ผสมผสาน ข้ามไปข้ามมาซึ่งกันและกันด้วย อาหารของร้าน No. 43 Italian Bistro แห่งนี้แค่อาหารอิตาเลียนอย่างเดียวก็มีให้เลือกครบครันจนสั่งแทบไม่ถูกล่ะ มีทั้ง set menu , a la carte และแบบพอมีอาหารไทยที่เยอะพอ ๆ กันมาให้สั่งด้วยก็เลยยิ่งตาลายเข้าไปใหญ่ครับ ราคาอาหารของร้านนี้ค่อนข้างมาตรฐาน ระดับเดียวกับร้านอิตาเลียนมีระดับ, ร้านอิตาเลียนในโรงแรมที่ไม่ได้หรูหรามากนักอื่น ๆ เริ่มต้นกันที่ 200 บาทสำหรบ appetizer และก็ลากยาวไปจนถึง 500 - 600 บาทสำหรับ main course โดยประมาณ อ้อ แต่มีอยู่หมวดนึงที่ผมรู้สึกว่าถูกเว่อร์ก็คือพวกหมวดของหวานอิตาเลียนของร้านนี้ครับ ราคาอยู่ที่แค่ประมาณ 100 ต้น ๆ บาทแค่นั้นเอง ในขณะที่ถ้าเป็นที่อื่นน่าจะสัก 200 - 300 บาทสบาย ๆ เลย
พะแนงแซลมอน (Thai red curry with salmon - 240 บาท) : เริ่มต้นกันด้วยอาหารไทยที่ fusion กับความเป็นตะวันตกโดยการใช้ปลาจากโลกตะวันตก หน้าตาสวยงาม ดูดีกว่าพะแนงจากร้านอาหารไทยแท้ ๆ ที่มักจะไม่มีการตกแต่งจานมา แซลมอนชิ้นใหญ่ และทางร้านเลือกเอาส่วนท้องที่จะติดมัน ๆ มาหน่อยและก็เสิร์ฟแบบติดหนังมาด้วย หนังกับผิวนอกของปลาแซลมอนถูกทอดมาก็เลยจะกรอบ ๆ เกรียม ๆ อร่อยดี ตัวน้ำพะแนงก็รสชาติดีครับกลมกล่อม เป็นจานเปิดประเดิมที่เยี่ยมเลย
Al Frutti di Mare (with seafood and white wine in tomato sauce - 280 บาท) : เส้นสปาเก็ตตี้ที่มาพร้อมกับ seafood รวมมิตรหลากหลายมากทั้งหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์, กุ้ง, หอยลาย, หอยเชลล์ ทั้งหมดนี้ผัดมากับซอสมะเขือเทศที่รสชาตกลมกล่อมดี และก็ผัดมาดีครับ ซอสเคลือบเส้น, ซอสห่อหุ้มตัว seafood ดี เป็นพาสต้าที่ทำมาได้ดีทีเดียวเลย
Pizza Affogata (Mozzarella, cream cheese, shrimp and spinach - 275 บาท) : พิซซ่าเรียบง่าย ๆ ที่ให้หน้าพิซซ่ามาแบบไม่หวงเลย กุ้งตัวใหญ่ให้มาพอดีกับจำนวน slice ที่ทางร้านหั่นมา, ผักโขมโรยเคลือบผิวหน้ามาแบบกำลังดี และชีส mozzarella แผล่คลุมพิซซ่าทั้งแผ่น ราคาก็ถือว่าถูกด้วยนะครับจานนี้เพราะว่าถ้าเป็นที่อื่นนี่ผมว่าน่าจะ 400 - 500 บาทได้เลยกุ้งเยอะขนาดนี้ รสชาติอร่อยดี กุ้งกับชีสกับผักโขมผสมกันมานัวดีมาก
Al Salmone (Penne with salmon and pink sauce - 330 บาท) : เพนเน่ที่มาพร้อมกับเนื้อปลาแซลมอนชิ้นเล็ก ๆ และ pink sauce จานนี้ตัวเส้นเพนเน่ต้มมาดี นุ่มกำลังดี , แซลมอนกับมะเขือเทศก็อร่อยดีครับแต่เหมือนจานนี้จะมาตกม้าตายตรงตัว pink sauce ที่ผมว่ารสชาติมันแหม่ง ๆ อ่ะ กินแล้วไม่ค่อยรู้สึกว่าอยากกินอีก
Costine d'Agnello al Vino Rosso con Verdure Cotte e Focacciette
(Pan-fried lamb chops in red wine sauce served with seasonal sauteed
vegetables and small focaccias - 600 บาท): ซี่โครงแกะชิ้นใหญ่ที่จัดเสิร์ฟมาได้อย่างสวยงาม ย่างมาแบบสมบูรณ์แบบ medium rare พอดี, หมักมาดีมากหอมพริกไทย และเค็มกำลังดี , ซี่โครงชิ้นหนาทำให้แต่ละคำที่กินเข้าไปจะได้ความฉ่ำความอร่อยมากกว่าปกติ จานนี้กินแล้วฟินครับ
Panna Cotta (Vanilla Cream with Mixed Berry Coulis - 120 บาท) : ไม่น่าเชื่อครับว่าจานนี้จะ 120 บาท เพราะให้ panna cotta ลูกใหญ่ และเสิร์ฟมาแบบสวยงามดีมาก ซอสที่ให้มามี 2 ซอส คือ pistachio กับ raspberry ซึ่งอันนึงจะเปรี้ยวส่วนอีกอันจะหวาน ทำให้การกิน panna cotta จานนี้สนุกดีครับ และตัว panna cotta เองก็ทำมาได้ดี นุ่ม เด้งดึ๋ง ๆ อร่อยดี
สรุป ร้านอาหารอิตาเลียน No. 43 Italian Bistro ณ Cape House Bangkok แห่งนี้ก็เป็นร้านอิาเลียนแบบ casual ๆ ที่ค่อนข้างจะมาตรฐานร้านนึงนะครับ ในย่านหลังสวนแห่งนี้ก็มีร้านอาหารอิตาเลียน/อาหารตะวันตกอยู่หลายร้าน แต่เท่าที่ผมเคยกินมาร้านส่วนใหญ่มักจะหรูหาและราคาแพงเว่อร์หมดเลย แต่คือถ้าใครอยากกินอิตาเลียนที่ไม่เป็นทางการมากนัก ราคาคุ้มค่ากว่า และก็มีอาหารให้เลือกมากมายด้วย ร้าน No. 43 Italian Bistro แห่งนี้นี่คือใช่เลยล่ะครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
No comments:
Post a Comment