เดอะ บาร์ อิตาเลียน อิซากาย่า - สุขุมวิท 33 พร้อมพงษ์ กรุงเทพ
Overall Score 9/10
Taste 4.5/5
Ambiance 4.5/5
Service 4.5/5
Value 5/5
The Bar Italia Izakaya Bangkok - Italian Bar and Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)
ส่วนใหญ่ถ้าพูดถึงอาหารอิตาเลียนเราก็มักจะนึกถึงร้านอาหารหรู ๆ , fine dining เหมาะสำหรับมื้อพิเศษอะไรแบบนั้นกัน และถ้าพูดถึงร้นอาหารแนว Izakaya เราก็มักจะนึกถึงอาหารญี่ปุ่นง่าย ๆ จานเล็ก ๆ เป็นกับแกล้ม มีเครื่องดื่มในร้านให้เลือกมากมาย เหมาะสำหรับไปปาร์ตี้สังสรรค์กัน และถ้าเอาร้าน 2 ประเภทนี้มารวมกันล่ะจะเป็นอย่างไร? มันก็น่าจะกลายเป็นร้านที่มีเครื่องดื่มราคาไม่แพงและมีให้เลือกมากมายเคียงคู่กันไปกับอาหารของทางร้านที่เป็นแนวกับแกล้มกินง่าย ๆ และก็ราคาไม่แพงด้วยเช่นกันใช่รึเปล่าครับ? ใช่ครับที่ญี่ปุ่นมีมีเรียกแนวนี้เยอะและก็จะถูกเรียกว่าร้านแนว "Bar" กัน คำว่า The Bar นั้นเป็นคำเรียกรวม ๆ ของร้านอาหารแนว Italian Izakaya ที่นิยามก็เป็นไปตามที่ผมกล่าวไปคือจะมีอาหาร, เครื่องดื่มให้เลือกมากมาย ราคาไม่แพงเหมาะแก่การมาสังสรรค์กันหลังเลิกงานเฉกเช่นเดียวกันกับร้านอาหาร Izakaya แท้ ๆ สไตล์ญี่ปุ่น สิ่งที่แตกต่างออกไปก็จะมีแค่เรื่องที่อาหารของร้านแนว Italian Izakaya นั้นจะเป็นอาหารอิตาเลียนแทนอาหารญี่ปุ่นแทน (ซึ่งจุดนี้ผมแอบผิดคาดเหมือนกันครับ ตอนแรกนึกว่าจะเป็นแนว fusion อิตาเลียน-ญี่ปุ่น แต่คือเอาจริง ๆ แล้วมันเป็นแนวอิตาเลียนจ๋า อิตาเลียนเพียว ๆ เลยล่ะ)
ร้าน The Bar - Italian Izakaya ในรีวิวฉบับนี้ตั้งอยู่ในตรอกเล็ก ๆ ในซอยสุขุมวิท 33 อีกทีนึง คือถ้ารู้พิกัดเป๊ะ ๆ แล้วก็คงมาไม่ยากนัก เพราะจากปากซอยมาแค่ไม่กี่สิบเมตรก็จะเจอตรอกนี้อยู่ขวามือ และร้านนี้ก็จะตั้งอยู่สุดตรอกเลยแต่พอดีผมไม่ได้ดูพิกัดอะไรมามากนักนึกว่าร้านอยู่ริมถนนในซอยก็เลยหาไม่เจอในตอนแรกจนต้องโทรไปถามร้านเอาในตอนหลัง ร้านนี้เป็นห้องแถวคูหาเดียวที่ทำการดัดแปลงมาเป็นร้านสไตล์อิตาเลียนได้อย่างเก๋ไก๋ สไลเดอร์สุด ๆ ตัวร้านจะแบ่งออกเป็น 3 ชั้นโดยประมาณ ชั้นล่างจะเป็นบาร์ขนาดกลาง ๆ เหมาะแก่ลูกค้าที่จะมานั่งดื่มเครื่องดื่มของทางร้านอย่างเดียว, ชั้นลอยที่จะเหมาะกับลูกค้ากลุ่มกลาง ๆ ต้องการความเป็นส่วนตัวเล็กน้อยเพราะนั่งกันได้ไม่กี่โต๊ะ และก็ชั้น 2 ที่จะเป็นที่ที่เหมาะแก่คนที่จะมารับประทานอาหารกันจริงจังพร้อมกับดื่มไปด้วย เพราะว่าโต๊ะจะเป็นโต๊ะขนาดใหญ่และที่นั่งจะเป็นแบบนั่งกันเอกเขนกสบาย ๆ เลย บรรยากาศของร้านนี้ผมค่อนข้างชอบมากเลยนะครับ เป็นอะไรที่อิตาเลียนดีเหลือเกิน คือถ้าไม่มีพวกตัวอักษณญี่ปุ่นเขียนอยู่ตามจุดต่าง ๆ นี่คงไม่รู้จริง ๆ ว่าร้านนี้เป็นร้านอิตาเลียนสไตล์อิซากายะ
อาหารของร้านนี้ก็ตามที่กล่าวไปตอนต้นว่าจะเป็น
ส่วนเครื่องดื่มขอร้านนี้ก็มีให้เลือกกันครบครันตามสไตล์ร้าน Izakaya 0ริง ๆ beer, sangria, cocktail, limoncello, whiskey, wine แต่ละอย่าง แต่ละแบบนี่มีให้เลือกกันมาดื่มเยอะจริง ๆ และราคาก็ถือว่าไม่ค่อยแพงด้วยเช่นกัน cocktail แก้วละ 100 กลาง ๆ พวก whiskey ญี่ปุ่นก็แก้วละ 200 กว่าบาทอะไรแบบนี้ (มีเบียร์ที่ผมว่าราคาแอบสูงอยู่แก้วเล็กเริ่มต้นที่ 150 บาทแน่ะ) อาหารและเครื่องดื่มในมื้อนี้ก็มีกันพอสมควรครับมาไล่เรียงกันไปเลยดีกว่า (อ้อ สิ่งที่ผมประทับใจอีกอย่างของที่ The Bar Italian Izakaya แห่งนี้ก็คือการบริการครับ พนักงานบริการดีมากและก็รู้เรื่องอาหารและเครื่องดื่มเป็นอย่างดี เจ้าของร้านชาวญี่ปุ่นน่าจะเทรนมาดีมาก ๆ เลย)
Namimori Sparkling Wine (165 ml) (150 บาท): มื้อนี้เริ่มต้นกันด้วย aperitif เด่นของทางร้านกับสปาร์คกลิ้งไวน์ที่จะรินกันาแบบให้ล้นท่วมแก้วกันไปเลย (namimori แปลว่าน้ำท่วม) เป็นการเสิร์ฟที่แปลกไม่เหมือนใครทำให้ลูกค้าตื่นตาตื่นใจตอนเริ่มต้นมื้อได้เป็นอย่างดีครับ ตัวรสชาติสปาร์คกลิ้งก็อร่อยดีครับ ซ่า ๆ หวานเล็ก ๆ ตามสไตล์ และราคาแค่นี้ผมว่าคุ้มจริง ๆ ใครมาแนะนำให้สั่งจะได้เห็นอะไรเจ๋ง ๆ และกระตุ้นความอยากอาหารได้เป็นอย่างดีด้วย
Straight Limoncello (80 บาท): เครื่องดื่มแอลกอฮอล์สไตล์อิตาเลียนที่ผมชื่นชอบเหลือเกิน ทางร้านเสิร์ฟมาแบบไม่ได้เป็นแก้วช็อตเล็ก ๆ เหมือนที่ผมเคยเจอมาส่วนใหญ่แต่มาในแก้วเล็ก ๆ คล้าย ๆ กับแก้ว sparkling wine แทน ลิมอนเซลโลแก้วนี้มาแบบเย็น ๆ รสชาติไม่ได้เข้มข้นมากนัก มีความหวานแทรก ๆ มาอยู่ เหมาะกับการเป็นเครื่องดื่มกระตุ้นอาหารอย่างดีอีกแก้วนึง
Baked Spinach with Mozzarella (180 บาท): จานนี้ก็คือผักโขมอบชีสนั่นเอง เป็นผักโขมอบชีสจานใหญ่ที่อบมาได้แบบผิว crusty ดีมาก ๆ และแบบ 180 บาทนี่เอาจริง ๆ บางร้านที่ผมไปกินมานี่ได้เป็นถ้วยเล็ก ๆ ยังมีเลย เป็นอะไรที่คุ้มมากอีกแล้วจานนี้ ตัวรสชาตินั้นถือว่าทำได้แบบไม่รู้จะติอะไรครับ ชีสเยิ้ม ผิวกรอบ ผักโขมและ ๆ เป็นอะไรที่ผักโขมอบชีสดี ๆ จานนึงควรจะเป็นจริง ๆ
Diablo Arrabbiata (260 บาท): Arrabbiata ปกติแล้วก็จะเป็นซอสที่เผ็ดอยู่แล้ว (มีการใส่พริกเข้าไปผสมกับมะเขือเทศ) แต่ของร้านนี้คือถึงกับตั้งชื่อว่า Diablo Arrabbiata มาเลยฟังดูเผ็ด ร้อนแรงตั้งแต่ยังไม่ทันจะกินแล้ว แต่ก็นะร้านนี้กลุ่มลูกค้าเค้าเป็นคนญี่ปุ่นทำเผ็ดเกินไปก็คงจะกินกันไม่ได้ ซึ่งจานนี้กินเข้าไปคำแรกแล้วแบบอืมเผ็ด อร่อย กลมกล่อมดีแท้ครับ ซอสมะเขือเทศ, พริกผสมกันอย่างลงตัว เส้นสปาเก็ตตี้มาแบบ al dante พอดิบพอดี (พนักงานบอกว่าเชฟจงใจให้มาสุกตรงหน้าเราพอดีจริง ๆ อาหารแต่ละจานทำกันจานต่อจาน) เป็นพาสต้าที่จานใหญ่ อร่อยและคุ้มค่าอีกจานเลย
Bismarch Pizza (290 บาท): ทางร้าน The Bar Italian Izakaya แห่งนี้เค้าโฆษณาตัวเองเอาไว้ในหลาย ๆ ที่ว่าพิซซ่าของร้านเขาเป็นสไตล์นาโปลีแท้ ๆ ซึ่งผมก็พยายามไปหาข้อมูลมาแล้วว่าพิซซ่าสไตล์นาโปลีนั้นเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่ค่อยมีที่ไหนเขียนกันไว้อย่างชัดเจนมากนัก แต่สรุปได้คร่าว ๆ จากที่อ่านมาคือ จะเป็นพิซซ่าที่จะใช้แค่มะเขือเทศ, แป้ง dough และ mozzarella cheese เป็นหลัก และก็จะใช้มือทำตัวแป้งพิซซ่าไม่ได้ใช่เครื่อง อะไรแบบนี้ ส่วนพิซซ่าที่ทางร้านนี้นำมาเสิร์ฟ - Bismarch Pizza นี้ก็จะประกอบด้วย ไข่ทอดมาแบบยังไม่สุกดีมากวางมาตรงกลาง, parma ham, mozarella cheese และก็ใส่ผักโขมมาด้วย คำแรกที่กินพิซซ่าของร้านนี้เข้าไป.. อร่อยครับ อร่อยมาก แป้งหนาเล็กน้อยแต่กลับกรอบอร่อย และตรงขอบพิซซ่าก็เป็นแป้งนุ่ม ๆ ทำให้มีสอง texture ของแป้งในคำเดียวและตัวหน้าพิซซ่านี่ก็แบบผสมผสานมาแบบนัวอร่อยดีมาก จานนี้พวกผมชอบที่สุดในมื้อ แนะนำครับ
French Fry with Scramble Egg (150 บาท): เป็นอีก 1 จานที่ไอเดียดี ทำหน้าตามาน่ากินและไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนครับ เป็นการนำเอาเฟรนช์ฟราย์ชิ้นใหญ่ อย่างดีเสิร์ฟมาในถ้วยและก็โปะมาด้วยไข่คนที่แบบยังไม่สุกดีมากนัก ยังเป็นไข่คนเละ ๆ อยู่ ซึ่งไข่คนนี่นอกจากจะทำให้แบบเฟรนช์ฟรายมันร้อน ๆ มัน ๆ แล้วยังทำให้น่ากินจริง ๆ นะ จานนี้เหมาะแก่การสั่งมากินตอนแรกที่รออาหารจานหลักหรือกินตอนหลังเพื่อเติมเต็มกระเพาะก็เหมาะสมไม่ต่างกันเลย จานนี้ที่สำคัญอีกอย่างคือ "ให้เยอะมาก"
Mante Bianco (180 บาท): มื้อนี้ปิดท้ายด้วยของหวานที่ไม่เคยกินมาก่อนกับมันบดญี่ปุ่นที่ราดมาด้วยวิปครีมและผสมช็อคโกแลตมา บอกตรง ๆ ว่าตอนแรกที่ผมเห็นนี่นึกว่าเป็น tiramisu เหมือนร้านอื่น ๆ (รูปทรง tiramisu ของแต่ละร้านนี่ไม่เหมือนกันเลยจริง ๆ) แต่คือพอตัดลงไป เอ๊ะไม่นุ่ม, พอตักเข้าไป เอ๊ะทำไมมันไม่ได้เละ ๆ ต้องถามพนักงานถึงรู้ว่ามันคือมันบดญี่ปุ่น รสชาติก็แปลก ๆ ดีครับ แต่ผมว่า tiramisu แบบธรรมดาทั่วไปส่วนใหญ่อร่อยกว่า
สรุป ร้าน The Bar - Italian Izakaya ณ ซอยสุขุมวิท 33 แห่งนี้พวกผมค่อนข้างชอบกันมากเลยนะครับ อาหารอร่อยและเป็นอิตาเลียนแท้ ๆ เลย ไม่มีญี่ปุ่นมาปะปน (ผมกินอิตาเลียนฟิวชั่นญี่ปุ่นมาหลาย ๆ ร้านส่วนใหญ่จะไม่ค่อยอร่อย อิตาเลียนแท้ ๆ อร่อยกว่าหมด) อาหารและเครื่องดื่มราคาไม่แพง และบรรยากาศของร้านก็แบบเหมาะแก่การมานั่งชิล, ทอดอารมณ์ หรือสังสรรค์กับเพื่อนตามจุดประสงค์ของร้านได้เป็นอย่างดี ต่อไปถ้าผมอยากจะหาร้าน izakaya ดี ๆ สักร้านนึงก็คไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นอาหารญี่ปุ่นอย่างเดียวล่ะครับ มีอาหารอิตาเลียนมาให้เลือกเพิ่มอีกร้านแล้ว :)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
No comments:
Post a Comment