Living Room Bistro & Wine Bar Hua Hin - Thai and Western Restaurant at Hua Hin Review
ลีฟวิ่ง รูม บิสโทร แอนด์ ไวน์ บาร์ หัวหิน รีวิว
Overall Score 7/10
Taste 3.5/5
Ambiance 4/5
Service 4/5
Value 3/5
Living Room Bistro & Wine Bar Hua Hin on BumRes.com (For more pictures, menu and info)
Living Room Bistro & Wine Bar เป็นร้านอาหารริมทะเลบรรยากาศดีตั้งอยู่สุดซอยหัวหิน 51 ตัวร้านแบ่งเป็น 2 โซนคือส่วนที่นั่งริมทะเลแบบ seaside al fresco dining สุด ๆ กับส่วนที่นั่งด้านในบ้านหลังสีขาวของทางร้าน บรรยากาศของร้านนี้เหมาะทั้งกับการมานั่งชิลกับเพื่อนฝูง หรือจะมานั่งสวีทใต้แสงไฟกับคนรู้ใจ หรือจะพาครอบครัวมากินข้าวริมทะเล ก็น่าจะเป็นอะไรที่ลงตัวทั้งหมด เพราะมีที่นั่งหลากหลายแบบใหเราเลือกนั่งกันได้เต็มที่เลย ทั้งโต๊ะแบบธรรมดา, bag bean, โซฟา เรียกได้ว่าอยากจะนั่ง, นอนเอกขนกแค่ไหนร้าน Living Room Bar & Bistro แห่งนี้สามารถจัดให้คุณได้ทั้งนั้น
ร้านนี้เปิดให้บริการกันตั้งแต่เช้าเพราะว่าเป็นส่วนนึงของโรงแรม boutique เล็ก ๆ ที่อยู่ติดกัน (มีร้านกาแฟด้วย คือแบบครบเลย ร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, โรงแรม) ช่วงเช้าก็จะให้บริการอาหารเช้าทั้งกับแขกนอกโรงแรมหรือแขกในโรงแรม และช่วงเที่ยงไปจนถึงดึกก็จะให้บริการอาหาร European - Thai แบบครบวงจรมีอาหารให้เลือกค่อนข้างครบไม่ว่าจะเป็นอาหารจากฝั่งซีกโลกตะวันตกหรือซีกโลกตะวันออก อย่างอาหารยุโรปก็มีทั้ง appetizer, salad, soup, main course, pasta ส่วนอาหารไทยก็จะมีทั้งแกง, ยำ, ข้าว, ก๋วยเตี๋ยว, กับข้าว คือแบบ อาหารของร้าน The Living Room Bistro & Wine Bar แห่งนี้นี่คือครบครันจริง ๆ บางทีอาจจะครบไปด้วยซ้ำเพราะตอนผมจะสั่งนี่แบบคือเลือกไม่ถูกเลย แต่ละรายการดูน่าสั่ง น่ากินไปซะหมด เหอ เหอ ส่วนราคาอาหารของร้านนี้ถ้าเป็นอาหารฝรั่งก็จะแพงนิดนึงคือประมาณ 300 - 500 บาทโดยประมาณแต่ถ้าเป็นอาหารไทยก็จะอยูที่ 150 - 250 บาทโดยประมาณ ก็เป็นราคาที่ค่อนข้างจะเหมาะสมกับร้านระดับนี้นะครับ
อาหารในมื้อนี้ก็มีกันค่อนข้างเยอะเลย โดยจะเน้นหนักไปที่อาหารฝรั่งเป็นหลัก เพราะเมนูแต่ละอย่างดูน่ากินกว่า และเป็นเมนูที่เหมือนกับจะเป็น signature ของทางร้านนี้เค้าโดยเฉพาะเลย ก็มาไล่เรียงกันไปเลยละกันนะครับ เริ่มที่เครื่องดื่มก่อนละกัน
Blue Mango - 250 บาท: แก้วนี้เป็น cocktail รสชาติเบา ๆ เหมาะกับคุณผู้หญิง มส่วนผสมหลักเป็น vodka และก็รสชาติหวาน ๆ ที่ทำให้แก้วนี้เป็น cocktail ก็คือตัวน้ำมะม่วงที่ใส่มาค่อนข้างเยอะนั่นเอง รสชาติพอผสมกันแล้วแบบเป็น cocktail ที่หวานโดดเด่นกว่าหลาย ๆ แก้วที่ผมเคยกินมาเลย
Fruit Punch - 140 บาท: อร่อยมากครับแก้วนี้ ให้มาแบบแก้วใหญ่ดีด้วย น้ำแบบรสชาติเปรี้ยว หวาน ลงตัวเป็นน้ำพันช์ที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ
Dolly fillet beetroot sauce (ปลาดอลลี่ซอสบีทรูท - 380 บาท): ปลาดอรี่เอาไปหมักกับบีทรูทจนเนื้อกลายเป็นสีม่วง จนแบบตอนแรกที่ผมเห็นนี่แอบคิดว่าเอ่อ นี่มันคือเนื้อจากสัตว์ชนิดไหนในโลกเนี่ย!? ฮ่า ๆ ซึ่งบีทรูทก็ช่วยทำให้เนื้อปลามันหวานขึ้นมาเล็กน้อย และตัวเนื้อปลาก็นุ่ม ๆ ดีตามประสาปลาดอรี่ล่ะครับ ส่วนผักที่ถูกเนื้อปลาวางโปะมาก็เป็นอารมณ์ประมาณผักนึ่ง ผัก side dish ธรรมดา ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นสักเท่าไรนักครับ เหมือนจงใจจะใ้หความเด่นอยู่ที่เนื้อปลาเป็นหลัก
Braised lamb shanks (ขาแกะตุ๋นในเครื่องแกงฮังเล - 550 บาท): ขาแกะเอาไปตุ๋นด้วยหม้ออัดแรงดันสูงจนเนื้อแกะเปื่อยนุ่มมาก ๆ เลยและตอนตุ๋นก็ใส่เครื่องแกงฮังเลเข้าไปด้วยก็เลยทำให้เครื่องแกงนั้นซึมเข้าเนื้อแบบเรียกได้ว่าแทบจะทุกอณูเลย และตัวขาแกะก็ให้มาแบบขาใหญ่ดีมากครับ ใหญ่ซะจนถ้ากินคนเดียวนี่คงจะหมดยากอยู่เหมือนกันนะ ตัว mash potato ที่ให้มาก็รสชาติดีหวานหน่อย ๆ ช่วยทำให้กินจานนี้จนหมดได้ง่ายขึ้น
Salmon with Northern Thai green chilli dip & vegetables - 480 บาท: แซลมอนฟิวชั่นด้วยการกินกับน้ำพริกหนุ่มแบบไทย ๆ แทนที่จะเป็นซอสเกรวี่ หรือ tartar sauce หรือ white wine sauce เหมือนกับแซลมอนปกติ ตัวแซลมอนผมว่าทอดมันแห้งไปหน่อย แห้งจนแบบไม่เหลือความฉ่ไปแล้ว แต่ยังดีที่ได้ความแฉะ ความฉ่ำของน้ำพริกหนุ่มมาช่วย และจะว่าไปแล้วน้ำพริกหนุ่มนี่ก็เป็นอะไรที่เข้ากับปลาแซลมอนอยู่เหมือนกันนะครับเนี่ย (หรือจริง ๆ แล้วมันเข้ากับทุกอย่างหว่า ฮ่า ๆ)
กุ้งสเปน - 180 บาท: จานนี้ทางร้านจัดเอาไว้ว่าเป็น tapas หรือของว่างจานเล็ก ๆ สไตล์สเปน จานนี้รสชาติจัดจ้านโดนใจสมกับเป็นอาหารสเปนครับ มีทั้งความหอมจากพริกไทย ความเผ็ดนิด ๆ จากพริกชี้ฟ้าและตัวกุ้งก็ทอดมาแบบเนื้อนุ่มดีครับชอบ ๆ จานนี้ (แต่เสียดายได้กุ้งมาแค่ 2 ตัว และก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมาก)
เส้นผมนางฟ้าผัดเบคอนพริกแห้งกับกุ้งลายเสือและปลาหมึก - 290 บาท: ตัวเส้น angel hair ผัดมาแบบแห้งเกินไปหน่อยกินแล้วแบบผมไม่ค่อยชอบเลยอ่ะเหมือนเส้นมันแตก ๆ แห้งร่วนไปหมดในแต่ละคำที่กินเข้าไป เพราะว่าแบบเครื่องที่ให้มาด้วยกัน ทั้งปลาหมึกย่าง, เบคอน, กุ้งลายเสือ (ตัวค่อนข้างใหญ่) นั้นมันก็แห้งไปด้วยกันหมด ก็เลยกลายเป็นพาสต้าแสนแห้งไปเลยจานนี้ แต่คือไม่ใช่ว่าไม่อร่อยนะครับ ตัวเครื่องนี่อร่อย สดดี ผมว่าถ้าใส่ซอสมาสักหน่อยหรือทำให้เส้นแห้งน้อยกว่านี้อีกนิดนี่จานนี้จะอร่อยมากเลย
แกงคั่วเนื้อปูใบชะพลู 220 บาท: รสชาติลงตัว เนื้อปูให้มาเยอะแต่เป็นเนื้อปูแบบชิ้นเล็ก ๆ กินแล้วไม่ค่อยรู้สึกเต็มปากเต็มคำเหมือนเนื้อปู Size 0 ที่จะคำโต ๆ สักเท่าไร รสชาติตัวน้ำแกงนี่คือแบบกลมกล่อมลงตัวมากครับ เผ็ดนิด ๆ คงประมาณว่ากะให้ฝรั่งกินได้ (แต่จริง ๆ เผ็ดกว่านี้อีกหน่อยน่าจะยิ่งอร่อยเลย) จานนี้กินกันได้เพลิน ๆ กับข้าวสวยก็ดีหรือกินเปล่า ๆ ก็ฟินได้เช่นกัน
ยำขาหมูเยอรมัน 210 บาท: ขาหมูเอาไปทอดมาจนกรอบ ผิวกรอบแข็ง แต่เนื้อด้านในยังนุ่มอยู่ และก็หั่นมาเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดพอดีคำแลเอาไปคลุกเป็นยำมาเป็นสไตล์ไทย ๆ จานนี้อร่อยประทับใจเลยล่ะครับ อย่างแรกเลยคือตัวขาหมูทอดมาดีมาก อารมณ์แบบเหมือนได้เลาะเองจากขาหมูอันใหญ่ ๆ เองเลยเพาะเนื้อแต่ละชิ้นยังกรอบนอกนุ่มใน intact อยู่ดีมก ส่วนน้ำยำที่ให้มาก็ช่วยส่งเสริมให้ตัวขาหมูอร่อยขึ้นแบบลงตัว ไม่ต้องไปหาอะไรจิ้มเพิ่มกันเลยทีเดียว
สรุป ร้าน The Living Room Bistro & Wine Bar แห่งนี้ก็เป็นร้านที่ใครที่มาหัวหินก็น่าจะมาลองแวะชิมแวะทานกันดูนะครับ ร้านบรรยากาศดีแทบทั้งวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงโพล้เพล้หรือช่วงกลางคืนนี่น่าจะยิ่งดีเป็นพิเศษ อาหารของร้านนี้ก็มีให้เลือกอย่างครบครันทั้งไทย-เทศ และอาหารแต่ละจานก็ไม่ได้เป็นอาหารโหล ๆ ที่สามารถพบเจอกันได้ดาษดื่นตามร้านอื่นสักเท่าไร ทำให้ยิ่งเพิ่มความน่าลิ้มลองเข้าไปใหญ่ เครื่องดื่มของร้านก็มีให้เลือกเยอะแยะ รวมถึง wine ก็มีให้เลือกเยอะสมกับชื่อร้านที่มีคำว่า wine bar ต่อท้าย ใครอยากจะมีมื้อพิเศษ ๆ โรแมนติค ๆ ที่หัวหินสักมื้อแล้ว ก็น่าจะลองมาร้านนี้กันดูได้นะครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
No comments:
Post a Comment