Thompson Restaurant & Bar - Thai Restaurant at Jim Thompson Museum Bangkok Review
ทอมป์สัน เรสเตอรอนท์ แอนด์ บาร์ - ร้านอาหารไทย พิพิทธภัณฑ์ จิม ทอมสัน กรุงเทพ รีวิว
Overall Score 8.5/10
Taste 4/5
Ambiance 5/5
Service 4.5/5
Value 3/5
Thompson Restaurant & Bar - Thai Restaurant on Bumres.com (For more pictures, menu and info)
ถ้าพูดถึง Jim Thompson ทุก ๆ ท่านก็คงจะนึกถึงผ้าไหม หรือของชำร่วย, ผลิัตภัณฑ์สไตล์ไทยเกรด premium กัน ซึ่งแน่นอนว่าวันนี้เราไม่ได้จะมารีวิวตัวผลิตภัณฑ์หรือผ้าไหมของเขาแต่อย่างใด เราจะมารีวิวร้าน Thompson Restaurant & Bar ร้านอาหารไทย flagship หนึ่งเดียว (ณ ตอนนี้ สมัยก่อนมีตรงศาลาแดงด้วย) ของทางแบนด์ Jim Thompson เขา สำหรับตัวผมเอง บอกตรง ๆ ว่าตัวผมก็เป็นคนที่ค่อนข้างจะชื่นชอบ brand นี้เป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ภาพของร้านอาหารที่คิดเอาไว้สำหรับร้านที่ทางแบรนด์ชื่อดังก้องโลกนี้ทำเอามา ก็เลยเป็นอะไรที่สร้างภาพเอาไว้สูงอยู่เหมือนกัน ซึ่งพอได้ย่างกรายเข้าไปในร้านนี้, ได้สัมผัสกับอาหารอันแสนจะวิจิตรของร้านนี้ แล้วก็ อืม ไม่ผิดหวังจริง ๆ ทำได้ยอดเยี่ยมเฉกเช่นเดียวกันกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเขาเลยล่ะ
ร้าน (ไม่ Jim) Thompson แห่งนี้เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนหนึ่งของ Jim Thompson Museum ในซอยเกษมสันต์ 2 ใกล้ ๆ กับรถไฟฟ้า BTS สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ ซึ่งตัว Museum แห่งนีก็เหมือนเป็น attraction ยอดฮิตสำหรับคนต่างชาติอยู่เหมือนกัน โดยตัว museum แห่งนี้ก็จะประกอบด้วยตัวบ้านเก่า ๆ ของคุณ Jim, สวนสวย ๆ แบบไทย ๆ, และบ้านเรือนไทยสวย ๆ ที่ภายในบ้านจะมีของศิลปะ, ของสะสมของคุณ Jim จัดแสดงอยู่ ซึ่งตัว Museum แห่งนี้เปิดมาได้สักพักนึงแล้ว แต่ว่าตัวร้านอาหารหรือ Thompson Restaurant & Bar ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของเวิ้งนี้นั้น เพิ่งจะเปิดมาได้ไม่นานนัก ประมาณ 1 ปีมานี่เอง
บรรยากาศภายในร้าน Thompson Restaurant & Bar แห่งนี้ก็จะแบ่งออกเป็น 2 zone โซน al fresco dining ด้านนอกที่จะทำเป็นคล้าย ๆ terrace ริมน้ำ อยู่ติดกับบึงเล็ก ๆ และก็จะเห็นวิวอันเขียวขจีของภายใน museum ส่วนที่นั่งแบบ in-door dining ที่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยนั้นก็จะเป็นคล้าย ๆ โถงห้องอาหารที่ตกแต่งสไตล์ไทย ๆ เรียบหรู สวยงาม มีความเป็นไทยเป็นอย่างดี ซึ่งตอนที่ผมไป ส่วนใหญ่แล้วแขกที่เป็นคนต่างชาติของทางร้านก็มักจะเลือกนั่งที่นั่งด้านนอกกัน ซึมซับกับอากาศร้อนชื้นของบ้านเรากัน แต่เอาจริง ๆ แล้วอากาศตรงส่วน terrace นี่ก็ไม่ได้ร้อนแต่อย่างใดนะครับ เหมือนกับเพราะอยู่ริมน้ำ และก็มีต้นไม้เยอะด้วยมั้ง คนไทยเองก็น่าจะชอบนั่งอยู่เหมือนกันยิ่งกับอากาศช่วงปลายปี ๆ แบบนี้ด้วย
อาหารของร้าน Thompson Restaurant & Bar แห่งนี้แน่นอนว่าจะเป็นอาหารแบบไหนไปไม่ได้นอกซะจากอาหารไทย ซึ่งตอนแรกผมก็นึกว่าจะเป็นอาหารไทย modern , อาหารไทย fusion อะไรพวกนั้น แต่ผิดคาดครับ อาหารไทยของร้านนี้นี่คือไทยจ๋าจริง ๆ อาหารบางอย่างนี่ผมเองยังไม่เคยได้ยินชื่อด้วยซ้ำ และอาหารทุกจานนี่คือมีการแกะสลัก การตกแต่งออกมาจนกลายเป็นอาหารไทยที่หาพบเจอได้ยากเข้าไปอีก แต่ว่าร้านนี้ก็ไม่ได้มีขายแต่อาหารไทยแต่อย่างใดครับ อาหารฝรั่งก็มีขายด้วยบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ น่าจะมีไว้เผื่อสำหรับชาวต่างชาติที่อยากจะกินอาหารของชาติเค้าบ้างอะไรงี้ อาหารในมื้อก็มีทั้งหมด 8 อย่าง (ค่อนข้างเยอะ) มาไล่เรียงกันไปละกันครับ
Traditional Assortment - 520 บาท: ของว่างรวมแบบไทย ๆ ที่ประกอบด้วย
กุ้งมะพร้าวทอด (Deep-fried prawn with roasted coconut served with plum sauce - 240 บาท): อารมณ์คล้าย ๆ กุ้งชุบแป้งทอดทั่ว ๆ ไปไม่มีอะไรพิเศษนักครับ ก็อร่อยดี
กุ้งซ่อนกล่อน (Marinated prawns, seasoned with lime juice and ginger wrapped in lettuce leaves - 240 บาท): เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมเคยกินเมนูนี้ เป็นการนำกุ้งมาห่อด้วยใบผักกาด อืม อารมณ์คล้าย ๆ ติ่มซำของจีนที่ทำมาคล้าย ๆ กันนี่เลย ก็อร่อยดีนะครับ ฉ่ำ ๆ ในปากดีเวลากินเข้าไป
ช่อม่วง (Steamed flower-shaped dumplings, filled with minced chicken and onion - 250 บาท): เมนูหายาก อร่อยดี
ค้างคาวเผือก (Minced prawn, chicken and shitake mushrooms encased with crispy and fluffy mashed taro served with sweet rose sauce - 240 บาท): อันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เคยกินนชีวิตเช่นกัน อารมณ์ก็คล้าย ๆ ติ่มซำอีกอย่าง คล้าย ๆ เผือกทอด แต่ว่าจะกรอบน้อยกว่าหน่อย ก็อร่อยดีครับ
ยำวุ้นเส้นกุ้งสด (Glass noodle salad with minced chicken, prawns, assorted vegetables, roasted peanuts and chili-lime dressing - 240 บาท): เป็นอีกหนึ่งจานที่หน้าตาสวยงามเกินกว่าที่จะกินลง ด้วยการแกะสลักผลไม้และวางดอกไม้มาในจาน (ของทุกอย่างในจานของร้าน Thompson Restaurant & Bar แห่งนี้กินได้หมดครับเค้าบอก) ส่วนตัวยำวุ้นเส้นกับกุ้งนั้นยำมาได้เผ็ดจัดจ้านแบบไทยมาก ๆ ตอนแรกผมนึกว่าทางร้านจะทำรสมา soft ๆ ให้ฝรั่งกินแต่เปล่าเลย เป็นยำวุ้นเส้นแบบรสชาติ classic ที่สมบูรณ์แบบดีมาก
ต้มส้มปลากะพงขาว (Traditional hot and sour tamarind soup with sea bass - 420 บาท): ต้มส้มชามนี้ให้เนื้อปลากะพงมาเยอะดีมากเลยครับ และแบบคิดมาแต่เฉพาะส่วนพุงปลาเน้น ๆ แน่น ๆ เลยทีเดียว แต่ว่าโดยรวมแล้วผมยังไม่ค่อยประทับใจนักกับชามนี้อย่างแรกเลยคือต้มน้ำต้มส้ม ไม่ค่อยแซ่บสักเท่าไร ซึ่งผมก็พอเข้าใจว่าต้มส้มมันก็ต้องรสชาติประมาณนี้แหละ แต่นี่เหมือนกับว่าทางร้านทำรสชาติมาเผ็ดน้อยกว่าที่ควรจะเป็นไปนิดนึง ความเปรี้ยวมันนำโดดไป และที่หนักเลยคือไม่ได้อุ่นร้อนมาให้ครับ มีการมาจุดให้ความร้อนอยู่เหมือนกันแต่เหมือนกับว่าตัวแอลกอฮอล์ที่ให้มาก็น้อยไป ให้ความร้อนได้ไม่เยอะพอที่จะอุ่นแกงชามค่อนข้างใหญ่นี้ได้ เวลาซดน้ำแล้วมันเลยไม่ค่อยร้อนสะใจเท่าไรนัก
แกงมัสมั่นเนื้อ (Musaman curry with Australian beef tenderloin, potatoes, onions and peanuts - 450 บาท): เป็นอีกหนึ่งจานที่ทำมาสวยงามจนกินไม่ลง ด้วยการนำแกงมัสมั่นไปใส่ในฟักทองที่แกะสลักมาอีกทีนึง และก็มีการวางดอกเข็มและมันฝรั่งแกะสลักมาเป็นรูปดอกไม้ ตกแต่งเพื่อความสวยงามเข้ามาอีก จานนี้น่าจะเป็นมัสมัน่ที่งดงามที่สุดในโลกใบนี้แล้วล่ะครับ และก็แน่นอน ทำมาเนี๊ยบขนาดนี้รสชาติจะไม่สุดยอดได้ยังไง น้ำแกงมัสมั่นอร่อยกลมกล่อมมาก ๆ คือแบบกินแล้วไม่แปลกเลยที่เมนูนี้จะเคยได้โหวตให้เป็นอันดับ 1 ของโลก, ไม่แปลกเลยที่ร. 5 จะเอาขึ้นเป็นอาหารจานแรกในโคลงประพันธ์ของพระองค์ท่าน เนื้อนุ่ม น้ำแกงกลมกล่อม เสียดายอย่างเดียว ให้มาน้อยไปหน่อย
ข้าวหอมมะลิและข้าวกล้อง (Steamed jasmine rice and steamed brown rice - 30 บาท): เสิร์ฟมาอย่างสวยงามทรงปีระมิด ข้าวใช้ข้าวอย่างดีทั้งคู่กินเข้าคู่กับอาหารได้อย่างลงตัว
กุ้งซอสมะขาม (Deep-fried river prawns topped with tamarind sauce and fried garlic - 450 บาท): กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ ๆ 6 ตัวนำไปทอดจนกรอบและก็จัดเรียงมาเป็นแถวซิกแซกสวยงาม และมีการเทซอสมะขามที่ตกแต่งคล้าย ๆ ซอสบนอาหารฝรั่งเศสมาด้วย จานนี้บอกตรง ๆ ว่าถ้าไม่รู้ว่าก่อนว่านี่อยู่ในร้านอาหารไทย ก็อาจจะคิดว่านี่มันคืออาหารฝรั่งเศสรึเปล่าว้า ได้ง่าย ๆ เลยนะครับ เพราะสวยจริง ๆ กุ้งเนื้อเด้ง สด อร่อย ทอดมาจนกรอบไปหมด กินทั้งหัว ทั้งเปลือกก็ได้ หรือกินแบบถอดเปลือกก็ดี ส่วนซอสมะขามที่ให้มาก็หวาน ๆ หอม ๆ ดี เข้าคู่กับกุ้งเป็นอย่างดีครับ
ข้าวเหนียวมะม่วง (Sticky rice with mango): ของหวานจานแรกในมื้อนี้ จานนี้บอกตรง ๆ ว่าเป็นข้าวเหนียวมะม่วงที่สวยงามที่สุดในชีวิต 30 ฝน 30 หนาวของผมที่เคยเจอมาเลยล่ะ ตัวมะม่วงแกะสลักมาเป็นรูปใบไม้ และก็มีการวางผลมะม่วงหาวมะนาวโห่ที่ยัดไส้ข้าวเหนียวมาด้วยไว้ด้านบน ส่วนตัวข้าวเหนียวก็เป็นข้าวเหนียวที่นำไปชุบกับดอกอัญชันมาจนเป็นสีม่วงสวยงาม และมีการโรยกลีบดอกพวงชมพูกับถั่วเขียวเราะเปลือกคั่วและน้ำกะทิมาด้วย คือแบบ โอว สวยงาม ใส่ใจในทุกรายละเอียดที่สุดจริง ๆ สำหรับจานนี้ ส่วนรสชาติ แน่นอนว่าทำมาพิถีพิถันขนาดนี้จะไม่อร่อยได้อย่างไร ข้าวเหนียวนุ่มอร่อย มะม่วงหวานฉ่ำกำลังดี อร่อยฟิน ปิดท้ายมื้อนี้อย่างลงตัว
Wine by Glass - 350 บาท: ทางร้าน Thompson Restaurant & Bar แห่งนี้มีไวน์ทั้งแบบเป็นแก้ว และเป็นขวดที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีว่ากินเข้าคู่กับอาหารไทยอร่อยด้วยล่ะครับ (ทางร้านมี sommelier ของตัวเอง) ซึ่งมื้อนี้ผมก็ได้ไวน์มา 2 แก้ว ขาวแก้ว, แดงแก้ว อร่อยดีครับ สมกับที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี ไม่ได้ rich มาก เบา ๆ ปล่อยให้รสชาติของอาหารนั้นแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่
ไอศครีมกะทิสด (Coconut ice cream): ของหวานอย่างสุดท้ายและอาหารอย่างสุดท้ายในมื้อนี้ เป็นไอศครีมกะทิสดที่แบบ rich มาก เข้มข้นมาก จนกลายเป็นสีเหลืองคล้าย ๆ ทุเรียนมาเลย (หายากครับไอศครีมกะทิสดแบบนี้) รสชาติเข้มข้น หวาน มัน อร่อยล้ำมาก และทางร้านก็ไม่ได้เสิร์ฟแค่ไอศครีมครับมีการขนุนหั่นเป็นชิ้นยาว ๆ มาด้วย เข้าคู่กับไอศครีมได้เป็นอย่างดี
สรุป โอย ตอนแรกผมก็คาดหวังไว้ว่าร้าน Thompson Restaurant & Bar แห่งนี้จะต้องเจ๋งแน่นอน แต่ก็ไม่คิดว่าร้านจะเจ๋งได้เกินกว่าที่ผมคิดเอาไว้อีก ไม่ว่าจะความเป็นไทยทั้งตัวอาหารและตัวร้าน, ความวิจิตรงดงามของตัวอาหาร และรสชาติอาหารที่คงวิญญาณแห่งความเป็นไทยอยู่อย่างสุด ๆ อืม ช่วงหลัง ๆ นี่ผมแอบเซ็งเหมือนกันที่แบบร้านอาหารไทยดี ๆ กึ่ง ๆ fine dining แนว ๆ ร้านนี้มันหายไปไหนหมดในกรุงเทพฯ (หรือประเทศไทย?) ทำไมเราถึงคิดกันแต่ว่าจะกินข้าวข้างนอกดี ๆ กับอาหารสัญชาติอื่นอย่างเดียว ทั้ง ๆ ที่อาหารไทย หรือความเป็นไทยนั้นต่างชาติเค้าออกจะยกย่องกันซะขนาดนี้ ไปอุดหนุนร้านนี้กันเถอะครับ รับรอง ท่านจะรักในความเป็นไทยมากยิ่งขึ้น
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
No comments:
Post a Comment