Saturday, August 3, 2013

Seoul Dakgalbi - Korean Restaurant at Piman 49 Review

Seoul Dakgalbi - Korean Restaurant at Piman 49, Sukhumvit 49, Bangkok Review

โซล ทักคาลบี้ - ร้านอาหารเกาหลี พิมาน 49 สุขุมวิท 49




Overall Score  8/10
Taste   4/5
Ambiance  4/5
Service  4/5
Value   4/5

Seoul Dakgalbi - Korean Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)



ช่วงเดือนสองเดือนนี้ผมกับทีมงานก็ไปกินใน community mall แห่งใหม่นามว่า พิมาน 49 ณ ซอย สุขุมวิท 49 กันค่อนข้างบ่อยครับ ในรีวิวนี้ก็เป็นอีกครั้งนึงในเวิ้งนี้กับร้าน Seoul Dakgalbi ร้านอาหารเกาหลีแบบแท้ ๆ บนชั้น 3 ของตึกนึงในเวิ้งนี้ คำว่า Dakgalbi นั้นหลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว จากกระแส Korea Fever ในช่วงหลัง ๆ ในบ้านเรา และทัวร์เกาหลีราคาประหยัดที่หลาย ๆ คนเคยใช้บริการ และทัวร์ทุกทัวร์ก็จะต้องมีแวะพาไปกินเจ้าเมนูเกาหลีแท้ ๆ นี้กันทั้งนั้น

Dakgalbi นั้นมีต้นกำเนิดมาจากเมือง Chuncheon จังหวัด Gangwon โดยจะเป็นการนำเนื้อไก่ที่หั่นเป็นชิ้น ๆ ไปผัดบนกระทะเหล็กขนาดใหญ่ คลุกกับ gochujang (โคชูจัง หรือ พริกแป้งเปียก , น้ำพริกสไตล์เกาหลี) กับผักต่าง ๆ เช่น ผักกะหล่ำ, มันเทศ, หัวหอม อะไรแบบนี้ เจ้าเมนูนี้ผมเคยกินครั้งนึงตอนไปทัวร์เกาหลี จำได้ว่าไม่ค่อยชอบสักเท่าไร ออกแนว ไม่ปลื้มเลยก็คงไม่ผิดนัก มางวดนี้ก็เลยแอบเตรียมใจมาเล็กน้อย






ร้าน Seoul Dakgalbi ณ Piman 49 แห่งนี้เข้าร้านไปแว่บแรกอาจจะไม่ค่อยรู้สึกถึงความเป็นเกาหลีมากนักเพราะว่าไม่มีของประดับ หรืออะไรที่บ่งบอกความเป็นเกาหลีสักเท่าไหร่ นอกซะจากกระทะเหล็กขนาดยักษ์ที่เจ้าของร้านสั่งมาเองโดยตรงจากเมือง Chuncheon ที่เป็นต้นตำรับของเมนู Dakgalbi นี้  โดยเจ้ากระทะนี้มีความพิเศษตรงที่หนัก (หนัก 10 กว่ากิโล) และเก็บความร้อนไว้ได้นาน ซึ่งเจ้าของร้านบอกว่าถ้าจะกิน Dakgalbi แท้ ๆ ต้องใช้กระทะแบบนี้เท่านั้น

ร้าน Seoul Dakgalbi แห่งนี้ได้รับการดูแลและจัดการจากเจ้าของร้าน คุณฮัน สาว(ใหญ่นิด ๆ) ชาวเกาหลีแท้ ๆ ผู้ซึ่งเคยเป็นอดีตแอร์ของสายการบินไทย และคุ้นเคยกับเมืองไทยเป็นอย่างดี และมีความชอบในเมืองไทย เลยอยากจะเปิดร้านอาหารเกาหลีแท้ ๆ ขึ้นมาให้คนไทยได้ลิ้มลองกัน จึงเป็นที่มาของร้านนี้นี่เอง อาหารของร้านนี้อาจจะยังมีไม่ค่อยเยอะสักเท่าไรเพราะว่าเพิ่งจะเปิดมาได้ไม่นาน โดยมีเมนูหลัก ๆ ให้เลือกแค่ 5-6 อย่างแค่นั้น ซึ่งทางคุณฮันบอกว่าจะค่อย ๆ ทำการเพิ่มเมนูไปเรื่อย ๆ ทีหลัง

มื้อนี้กินไป 4 อย่างครับ ตามนี้เลย

- ชุดไก่ผัดซอสทัคคาลบี้ (Spicy stir-fried chicken with vegetable - สะโพกไก่ คัดพิเศษหั่นขนาดกำลังดีหมักอย่างพิถีพิถัน เริ่มต้น 2 ชุดขึ้นไป 275 (x2) ) : เมนูหลักของทางร้านและเป็นชื่อร้านเลยแบบนี้ แน่นอนว่าทางร้านต้องภูมิใจนำเสนอสุด ๆ ล่ะครับ ทางร้านเลือกเอาแต่เฉพาะสะโพกไก่มาทำ ซึ่งเป็นส่วนที่ผมชอบที่สุด เพราะว่ามันจะนุ่ม จะฉ่ำ ที่สุดในตัวไก่ตัวนึงแล้ว และทางร้านยังให้มาแบบติดหนังด้วยอีกต่างหากยิ่งโดนใจเข้าไปใหญ่ | ตัวผักนั้นก็จะมีมาไม่ค่อยหลากหลายชนิดเท่าไร แต่จะค่อนข้างเยอะในแง่ปริมาณ มีเห็ดออรินจิ, กะหล่ำปลี, ต้นหอมญี่ปุ่น, มันเทศ และพอทุกอย่างพร้อมแล้ว พนักงานก็จะมาลงมือผัดให้เรา






เจ้า ทัคคาลบี้กระทะนี้ พนักงานก็ยืนผัดให้เราอย่างขยันขันแข็ง จากตอนแรกที่ทุกอย่างดูแยกส่วนกัน ไก่, gochujang , ผัก แต่ตอนหลังนี่คือผสานกันเป็นถาดอาหารสีแดง ๆ ส้ม ๆ ถาดเดียวเลย ซึ่งพอสุกแล้วพร้อมกิน ทางพนักงานก็จะปิดไฟแล้วเราก็คีบนั่งกินกันต่อเลย บอกตรง ๆ ว่าเห็นหน้าตาแว่บแรกแล้วผมก็ยังรู้สึกไม่ค่อยอยากกินอยู่เหมือนเดิม แต่พอได้กินเข้าไปแล้ว โอ้โห อร่อยคนละเรื่องกับที่เคยกินที่เกาหลีเลยครับ ไก่เนื้อนุ่ม ซอสรสชาติดี ผักก็นุ่ม ๆ กรอบ ๆ บ้าง อร่อยดี และก็ทั้งเนื้อไก่และผักนี่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำหมด ออกแบบมาให้ใช้ตะเกียบคีบกินจริง ๆ







และพอกินไปสักพัก พร่องไปสักครึ่งนึงแล้ว ทางร้านก็มีการนำ ข้าวผัดชีส (Fried rice with cheese - 120 บาท) มาใส่เพิ่ม โดยเจ้าข้าวนี้ก็จะมาผัดเคียงคู่กันกับตัว ทัคคาลบี้ที่เคยผัดเอาไว้แล้วนี่แหละ โดยข้าวนี้จะเหมือนกับคลุกกับซอสมาแล้ว ผัดรวมกับผักกาดหอมและสาหร่าย และก็เพิ่มมอซซาเรลล่าชีสเข้าไปอีกหน่อยนึง พอเอาข้าวผัดร้อน ๆ หุ้มปิดทับชีสไว้ ชีสก็จะละลายเยิ้ม ๆ ยืด ๆ ข้าวก็จะแฉะขึ้น อร่อยในระดับนึงเลย แต่ผมว่าตัว ทัคคาลบี้นั้นอร่อยกว่า แต่มีเจ้าข้าวนี่มาก็ช่วยแก้เลี่ยน ปรับเปลี่ยนรสชาติดีครับ

พิซซ่าเกาหลี (Onion pancake - 295 บาท) - เมนูนี้เกิดมาก็เพิ่งเคยกินครับ มันคล้าย ๆ พิซซ่าญี่ปุ่น หรือ Okonomiyaki นี่แหละ แต่จะใช้ผักต่างกัน ใช้เป็นหัวหอมและต้นหอมเยอะ ๆ แทน ผสมกับปลาหมึกหั่นเป็นเส้นเล็ก ๆ และก็จะใช้แป้งน้อยกว่าก็เลยมาแบบแห้ง ๆ กรอบ ๆ กว่านั่นเอง จานนี้ เป็นรสชาติ และ texture ที่แปลกไปอีกแบบครับ คนละเรื่องกับตัวพิซซ่าญี่ปุ่นที่เคยกินมาเลย ก็แปลกและอร่อยดีเหมือนกันครับ ทานคู่กับน้ำจิ้มรสเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ ผสมงาขาว ซึ่งปรุงขึ้นมาเอง และทางคุณฮันเจ้าของร้านบอกว่าเป็นเมนูที่ขายดีของเค้าเลยล่ะ ภูมิใจนำเสนอมาก ๆ อะไรทำนองนั้น

บูลโกกิ (320 บาท) เมนูนี้ชอบที่สุดในมื้อนี้เลยครับ คำว่า Bulgogi นั้นแปลว่าเนื้อย่าง (เนื้อไฟ) ซึ่งที่ผมเคยกินมาจะเป็นแบบเป็นเนื้อย่างมากกว่า แต่จานนี้ที่ทางคุณฮันนำมาให้นี่เหมือนจะออกแนวเป็นเนื้อชาบู ๆ หม้อไฟมากกว่า คือเป็นเนื้อแล่บาง ๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับผักสด ๆ ชนิดต่าง ๆ ซึ่งผมก็ไม่กล้าไปแย้งคนเกาหลีแท้ ๆ หรอกครับว่ามันคือ Bulgogi จริง ๆ เป็นยังไงกันแน่ จานนี้อร่อยครับ น้ำซุป รสชาติดี, ผักสดอร่อย และก็เนื้อนุ่ม ๆ อร่อยดีมาก










มื้อนี้ปิดท้ายด้วยไอศครีม Melona หรือไอศครีมเมลอนเกาหลียอดนิยมที่ช่วยเติมเต็มมื้อนี้ได้เป็นอย่างดีครับ

สรุป อาหารเกาหลีแท้ ๆ ในแบบที่หากินไม่ค่อยได้กับ Dakgalbi ณ ร้าน Seoul Dakgalbi ในมื้อนี้นี่ก็ค่อนข้างประทับใจเลยล่ะครับ อาหารอร่อย ราคาก็ไม่ค่อยแพง การบริการก็ดี จะมีติดก็ตรงที่เมนูอาหารน้อยไปหน่อยนี่แหละครับ ไม่ใช่อะไร เพราะว่า ผมอยากจะลองกินเมนูอื่น ๆ จากฝีมือของคุณฮันมากกว่านี้แค่นั้นล่ะครับ ใครที่เบื่อ ๆ อาหารเกาหลีที่มีแต่แนวปิ้งย่างในบ้านเรา แล้วอยากลองเมนูใหม่ ๆ แล้วล่ะก็ มาจัดกันได้เลยครับ


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment