Tuesday, June 25, 2013

Vivaldi Amari Atrium Bangkok Review

Vivaldi - Italian Restaurant at Amari Atrium Hotel Review

วิวัลดี ร้านอาหารอิตาเลียน บุฟเฟ่ต์ อาหารญี่ปุ่น เบียร์ + ไวน์ บุฟเฟ่ต์ โรงแรม อมารี เอเทรียม เพชรบุรีตัดใหม่




Overall Score  8/10
Taste   3.5/5
Ambiance  4/5
Service  4.5/5
Value   4.5/5

Vivaldi - European Restaurant at Amari Atrium Hotel, Bangkok on BumRes.com (For more pictures, menu and info)



ห้องอาหาร Vivaldi (ชื่อนักประพันธ์เพลงชาวอิตาเลียน ที่หนึ่งในผลงานของเขาคือบทเพลง Four Seasons อันโด่งดัง แต่ไม่รู้ว่าเกี่ยวอะไรกับชื่อร้านรึเปล่านะครับ) เป็นห้องอาหารอิตาเลียน ประจำโรงแรม Amari Atrium โรงแรมเก่าแก่บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ในกรุงเทพเมืองฟ้าอมรของเรา ห้องอาหารนี้ก็เป็นห้องอาหารเล็ก ๆ ตอนก่อนที่ผมมาก็นึกว่าจะเป็นห้องอาหารที่ใหญ่โตกว่านี้ เหมือนห้องอาหารอิตาเลียนของโรงแรมห้าดาวอื่น ๆ โดยบรรยากาศของห้องนี้ก็จะเป็นแนว classic ๆ หน่อย มีส่วนครัวเปิดเล็ก ๆ ที่เอาไว้เตรียมอาหารเย็น ๆ พวกสลัด หรือเครื่องดื่ม พร้อมกับโต๊ะอีกไม่กี่โต๊ะ บรรยากาศของห้องนี้ค่อนข้าง unique แตกต่างจาก ที่อื่น ๆ ที่ผมเคยกินมาพอสมควร คือมีความเป็นอิตาเลียนแบบ classic ๆ มากกว่าที่อื่นอย่างไรไม่ทราบเหมือนกัน

การบริการของห้องอาหาร Vivaldi - Amari Atrium แห่งนี้ ก็แน่นอนครับ อยู่ในระดับ top-notch หรือระดับที่ไม่รู้จะไปติอะไรตามประสาห้องอาหารในโรงแรมดี ๆ ห้องนึง ส่วนตัวอาหารของที่นี่ ตามปกติแล้วก็จะเป็นอาหารอิตาเลียนแบบ a la carte ให้บริการทั้งมื้อเที่ยงและมื้อเย็น ตัวอาหารก็จะเป็นอาหารแนว traditional Italian หรืออิตาเลียนแบบยุคเก่า classic ๆ ที่ไม่ได้เน้นการตกแต่งจานอะไรมาก คล้าย ๆ กับร้านอิตาเลียนเก่าแก่ ๆ หลาย ๆ ร้านในกรุงเทพนี่เอง แต่ว่าถ้าไปกินที่ร้1านนี้ในวันเสาร์เที่ยง หรือ Saturday Brunch ก็จะได้พบกับมื้อพิเศษที่แตกต่างจากมื้ออื่นคือจะเป็น all-you-can-eat a la carte Italian หรือ บุฟเฟ่ต์อิตาเลียนแบบนั่งสั่งจากโต๊ะ พร้อมทั้งมีไลน์อาหารให้ไปตักนั่นเอง






โดยตัวไลน์อาหารนั้นก็จะมีพวก appetizer สไตล์อิตาเลียนให้เราไปตักกันเอาเองแบบค่อนข้างหลากหลาย โดยจะเน้นเป็นพวก สลัด , cold cut, ขนมปัง ประมาณนี้ พร้อมกันนั้นยังมีไลน์ของหวานอีกนิดหน่อยที่จะมีการแบ่งเป็นจาน, ถ้วยเล็ก ๆ ให้เราหยิบกันได้ตามสะดวก นอกเหนือจากอาหารอิตาเลียนแล้ว ในไลน์ buffet ก็จะมีตัวอาหารญี่ปุ่น ให้เราไปเลือกสั่งเลือกหยิบได้ตามใจ โดยถ้าเป็นแบบสั่งก็จะมีเป็น  sashimi ที่มีปลาไหล, ปลาซาบะ, ปูอัด และ ปลา, อาหารทะเลแบบ local ให้เลือกสั่ง ส่วนถ้าจะหยิบเองก็จะมีพวก roll และ sushi ที่ทำเตรียมเอาไว้ให้กิน สาเหตุที่ทางห้องอาหาร Vivaldi - Amari Atrium แห่งนี้ มีตัวอาหารญี่ปุ่นอยู่ในไลน์ด้วยก็เนื่องจาก มีลูกค้าชาวญี่ปุ่นค่อนข้างเยอะ จากทำเลของโรงแรมที่อยู่ใกล้ ๆ ย่านชุมชนชาวญี่ปุ่นแบบ พร้อมพงษ์และทองหล่อแบบนี้ ส่วนตัวอาหารอิตาเลียนแบบ a la carte นั้น ก็จะเป็นการสั่งแบบนั่งอยู่กับโต๊ะ โดยเราสามารถเลือกได้ประมาณ 30 - 40 อย่าง จากหลากหลายหมวดหมู่เมนูอาหารอิตาเลียน เช่น soup, appetizer, pasta, pizza หรือ main dishes อะไรประมาณนี้ รวมถึงอาหารญี่ปุ่นจากครัวร้อนด้วย เช่น tonkatsu, ปลาแซลมอนย่างซอสเทริยากิอะไรประมาณนี้ คือแบบ concept ของตัว Saturday Brunch นี่ก็ตามชื่อ "Saturday Brunch with Japanese Twist at Vivaldi" เลยจริง ๆ ครับ

ส่วนตัวเครื่องดื่มนั้น ทางร้านจะมีบริการน้ำเปล่าที่เติมได้ฟรีให้อยู่แล้ว แต่ก็สามารถสั่ง พวกเครื่องดื่มมาตรฐานทั่ว ๆ ไปได้เพิ่มเติมไม่มีปัญหา หรือว่าถ้าอยากจะจัดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แบบ free flow ทางห้องอาหาร Vivaldi ก็มีไว้บริการด้วยโดยจะแบ่งเป็น Beer Package @ 299 บาท | Wine Package @ 499 บาท | Free flow sake @ 100 บาท ให้เลือก คือสามารถเมากันได้หลากหลายรูปแบบเลยล่ะ








อาหารในมื้อนี้พวกผมก็สั่งกันไปเยอะครับ ส่วนนึงก็เพราะว่าเป็นบุฟเฟ่ต์ด้วย และก็มีไปกินกันหลายคนด้วย ก็ขอพูดถึงส่วนอาหารญี่ปุ่นก่อนเลยละกัน

ตัว Sashimi ของห้องนี้ก็ค่อนข้างโอเคเลยครับ ปลาแซลมอน, ไข่หวาน, ซาบะ, hamachi หรือ unagi ที่สั่งไป ถือว่าดีกว่าที่คิด ดีกว่าที่จะเป็นของจากไลน์บุฟเฟ่ต์ คืออยู่ในระดับร้านอาหารญี่ปุ่นแบบบ้าน ๆ ราคาไม่แพงแต่เป็น a la carte (เช่น Fuji, Zen) อะไรประมาณนั้นเลย อันนี้พวกผมสั่งกันไปหลายจานครับ เพราะว่าอร่อย และเบา และคุ้มค่าดี





ส่วนอาหารญี่ปุ่นแบบอื่น ๆ ที่สั่งไปก็จะมี กุ้งเทมปุระ กับ ปลาแซลมอนทอดมาพร้อมซอสเทอริยากิ (Ebi Tempura (deep fried shrimps in crisp batter) สองอันนี้ก็ค่อนข้างธรรมดา ๆ ไม่ได้อะไรมาก คือถ้าแบบให้สั่งเป็นจาน ๆ เสียเงินก็คงจะไม่ค่อยประทับใจสักเท่าไร แต่พอคิดว่าเป็นแบบบุฟเฟ่ต์แล้ว ก็เลยโอเคขึ้นมา ประมาณนั้น อาหารญี่ปุ่นที่กินในมื้อนี้ก็มีอีกอย่างซึ่งก็คือตัว  Sushi, Roll ซึ่งทางก็ทำมาได้ค่อนข้างดีกว่าที่คาดเช่นกันครับ ตัวซูชิและ roll ปั้นมาได้ดี ไม่แตก เป็นส่วน ๆ และเนื้อปลาก็ใช้แบบเดียวกันกับ Sushi ก็เลยไม่เป็นปัญหาใด ๆ

ส่วนอาหารอิตาเลียนในไลน์บุฟเฟ่ต์บอกตรง ๆ ว่าผมไม่ได้กินสักเท่าไร เพราะเนื่องจากอยากจะลองอาหารแบบ a la carte มากกว่า แต่เท่าที่เห็นจากหน้าตาที่ตัก ๆ มา และจากคำพูดของเพื่อนที่ได้กินแล้ว ก็เห็นบอกว่า โอเคหมด กินได้ดี อยู่ในเกณฑ์ไลน์บุฟเฟ่ต์อิตาเลียนของห้องอาหารในโรงแรมหรูกว่านี้ก็คงไม่ผิดนัก




อาหาร a la carte ในมื้อนี้เท่าที่สั่ง ๆ ไปก็ประมาณนี้ครับ

White Tomato Cream - served with hint of truffles : หรือซุปมะเขือเทศที่มาแบบเป็นสีขาว และก็มีโรยทรัฟเฟิลมานิดหน่อยให้มีกลิ่นหอม ๆ เตะจมูก ก็เป็นซุปที่หน้าตาสวยงาม แตกต่างจากที่เคยเห็นมาทั้งหมดเลย รสชาติก็เบา ๆ เหมาะเป็นซุป เรียกน้ำย่อยดีครับ






Uova Alla Fiorentina (poached eggs with spinach and parmesan cheese) : อันนี้หน้าตาและรสชาติ คล้าย ๆ ตัว egg Benedict ของอเมริกา (หรืออังกฤษหว่า?) ดีครับ ไข่มาแบบกึ่งดิบกึ่งสุก ปรุงมากับชีส และผักโขมและก็วางมาบนขนมปัง ก็เหมาะเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยอีกหนึ่งจาน

Linguine Al Salmone (with smoked salmon, tomato sauce and cream) : พาสต้า ที่ธรรมดา ๆ ไม่มีอะไรมาก ซอสแอบแห้งไปหน่อย และก็รสชาติคลุมเครือ ๆ นิด ๆ ยังดีที่ให้ปลาแซลมอนมาค่อนข้างเยอะ และมาเป็นชิ้นใหญ่ ๆ เป็นเนื้อเป็นหนังดี






Gnocchi Al Sugo D'anatra (potato gnocchi with duck morsels on tomato essence) : จานนี้ไม่ค่อยผ่านสักเท่าไร ทั้งตัว พาสต้า ที่แบบ  texture แปลก ๆ ไม่ได้หนึบ ๆ เด้ง ๆ เหมือน gnocchi ที่เคยกินมา ส่วนตัวซอสก็คล้าย ๆ ตัวจานแซลมอน ที่จะคลุมเครือ ๆ แห้ง ๆ กินแล้วไม่ค่อยประทับใจ

Red Wine Braised Lamb Shanks (on leek risotto with vine ripened tomatoes) : จานนี้ทางร้านบอกว่าเป็นตัว Signature ของทางร้าน แขกทุกโต๊ะที่มาจะสั่งกันแทบทั้งนั้น ซึ่งพอผมเห็นหน้าตาแล้ว ก็น่าจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ เพราะว่า มันใหญ่โต อลังการมาก ตัวขาแกะ ปรุงมาได้ค่อนข้างดี รสชาติเค็ม ๆ กำลังดี แต่ว่าเหมือนกับจะตุ๋นมายังไม่นานพอ เนื้อยังไม่ค่อยนุ่ม ไม่ค่อยร่วน ยังติด ๆ กระดูกอยู่ ไม่เหมือนกับขาแกะของร้านที่ทำดี ๆ ที่ใช้ช้อนบิออกมาได้ประมาณนั้น คือแค่นี้จริง ๆ ที่จานนี้ไม่ผ่าน เพราะว่าตัวซอสที่ราดมา และเครื่องเคียงที่เป็น risotto นั้น อร่อยใช้ได้เลยล่ะครับ






Australian Beef Tenderloin with Barolo (barolo wine sauce, glazed shallots and sauteed baby spinach and grilled polenta) : จานนี้  ตัวเนื้อทำมาไม่ค่อยดีสักเท่าไร เนื้อมันแบบแห้งไปและก็มาแบบ well done ด้วย (คือตอนสั่งเหมือนพนักงานจะถามนะ ผมก็ตอบไปว่า medium rare แต่ก็ยังคงได้ well done มาเหมือน ๆ กับร้านที่ไม่ใช่ร้านสเต็กชั้นดีทั่วไปที่ชอบทำเนื้อมาสุกเกินไปแบบนี้) เนื้อแข็ง และแห้งจนกินไม่อร่อย ยังดีที่ได้ผักโขมฉ่ำ ๆ แฉะ ๆ มาช่วยเพิ่มความ juicy ให้ในแต่ละคำที่กินไป ก็เลยอร่อยขึ้นมานิดนึง

Calzone Alla Ricotta (folded pizza filled with ricotta cheese spinach, and herb mushrooms) : จานนี้เป็นจานที่ค่อนข้างอร่อยเลยครับ และก็แปลกดีด้วย เป็นประมาณแป้งห่อผักโขมและชีสมา และก็เอาไปอบมาพอให้ชีสมันเยิ้ม ๆ เหลว ๆ อร่อย ๆ จานนี้รสชาติดี ครับ อารมณ์คล้าย ๆ ผักโขมอบชีส แต่ตัวแป้งจะกรอบกว่า ประมาณนั้น







สรุป Saturday Brunch with Japanese Twist at Vivaldi ณ โรงแรม Amari Atrium แห่งนี้ ก็เป็นมื้อที่ค่อนข้างจะคุ้มค่ามาก ๆ เลย ถ้าคิดว่าจะมาจัดเต็มอาหารอิตาเลียนแบบหลากหลาย ๆ สักมื้อนึง แถมยังมีอาหารญี่ปุ่นในระดับมาตรฐานให้เลือกสั่งเพิ่มเติมลดความเลี่ยนอีกด้วย กับราคา 999 บาทสุทธิ กินได้ตั้งแต่ 11.00 - 15.00 น. และมีอาหารให้เลือกเยอะขนาดนี้ และนั่งกินในบรรยากาศคลาสสิค ๆ สบาย ๆ สไตล์อิตาเลียนแบบนี้ด้วยแล้วล่ะก็ ยากที่จะหาร้านไหนที่จะคุ้มได้เท่านี้อีกแล้วล่ะครับ ถ้าใครอยากจะจัดหนัก จัดเต็มให้อิ่มไปทั้งวัน ในวันเสาร์ วันหยุดแบบชิล ๆ แล้วล่ะก็ ห้องอาหารอิตาเลียน Vivaldi แห่งนี้ก็น่าสนมากเลยล่ะครับ (จะเมาปลิ้นกันแต่หัววันด้วยเลยก็ได้ เพราะราคา free flow alcohol drink ไม่แพงเลย)

--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment