Monday, May 13, 2013

Signor Sassi Bangkok Review

Signor Sassi - Italian Restaurant at Anantara Sahtorn, Bangkok

ซินญอร์ แซสซี่ - ร้านอาหารอิตาเลียน โรงแรม อนันตารา สาทร กรุงเทพ




Overall Score  8/10
Taste   4/5
Ambiance  4/5
Service  4/5
Value   3/5

Signor Sassi - Italian Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)



ร้าน Signor Sassi ในรีวิวฉบับนี้ก็เป็นร้านอาหารอิตาเลียนสไตล์ต้นตำรับ ดั้งเดิม ที่เพิ่งเปิดตัวมาไม่ได้นาน (น่าจะประมาณปลาย ๆ ปีที่แล้วนี่เอง) ตัวร้านต้นตำรับนั้นจะอยู่ที่ London และเป็นร้านที่ขายดิบ ขายดี ค่อนข้างโด่งดังมากที่ London ส่วนสาขาในไทยสาขาแรกนี้ (ที่บอกว่าสาขาแรกก็เพราะว่าทางร้านบอกว่าจะมีการเปิดอีก 2-3 สาขาเร็ว ๆ นี้ ที่ Siam Paragon กับที่ไหนอีกผมไม่แน่ใจ) ตัวร้านนั้นจะตั้งอยู่ที่ชั้น 37 โรงแรม Anantara Sathorn โรงแรมขนาดกลาง ๆ ที่เพิ่งจะเปลี่ยนชื่อมาเป็นชื่อนี้ บริเวณถนนสาทรนั่นเอง

ร้าน Signor Sassi แห่งนี้ก็น่าจะเป็นร้านอาหารอิตาเลียนที่วิวดี, บรรยากาศดี ระดับท็อป ๆ ในบ้านเราก็คงไม่ผิดนักเพราะว่าร้านตั้งอยู่ที่ชั้น 37 ของตัวโรงแรมเลย แม้ว่าตัววิวของทางร้านจะไม่ได้เป็นแบบ panoramic view เพราะว่าที่นั่งด้านในถูกกั้นด้วยที่นั่งแบบ al fresco dining ด้านนอก แต่ว่าที่นั่งด้านในก็ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราไฮโซ สไตล์ Italian Contemporary (มั่วสุด ๆ) ที่แบบใครมาเห็นใครได้มานั่งกินในร้านนี้ก็น่าจะชอบก็น่าจะหลงรักกันหมด (มีตรงทางเข้าที่ทางร้านทำเป็นป้ายโลโก้ร้านให้ถ่ายรูปเหมือนเราเป็น celeb กันด้วย สาว ๆ น่าจะชอบ) ส่วนที่นั่งด้านนอกนั้นก็จะเป็น al fresco dining ที่ view ดี วิวสวย สูงกำลังดี สูงกว่าตึกข้าง ๆ แทบจะทุกติด แต่ก็แน่นอน สู้พวก roof-top restaurant แท้ ๆ อย่างพวก Vertigo , Sirocco, Mezzaluna ไม่ได้แน่นอน แต่ก็ยากที่จะหาร้านที่วิวดี ๆ แบบนี้มาสู้ได้ล่ะครับ ส่วนเรื่องการบริการของร้านนี้ หายห่วง ตามประสาร้านระดับบน บริการดีทุกระดับประทับใจจริง ๆ เลยล่ะครับ







อาหารของทางร้าน Signor Sassi - Bangkok แห่งนี้ก็ตามที่บอกไว้ตอนต้นว่าจะเป็นอาหารอิตาเลียนสไตล์ ดั้งเดิม Traditional ๆ หน่อย แต่ก็มีการตกแต่งจาน จัดจานมาค่อนข้างสวยงาม ไม่ใช่แค่ แบบวางหมก ๆ มาเหมือนร้าน Italian ยุคเก่าในบ้านเรา ตัวอาหารก็จะมีทั้ง set lunch ราคาประหยัด ที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบทั้ง แค่ Starters & Pasta (490 บาท) , Starters & Main Course (590 บาท) , Pasta & Main Course (650 บาท) หรือแค่ Main Course (450 บาท คือแบบมีให้เลือกได้ตามใจจริง ๆ สำหรับคนกินเยอะกินน้อย และตัว selection ของแต่ละหมวดหมู่นี่ก็ไม่ใช่น้อย ๆ นะครับ อย่าง Main Course ก็มีให้เลือกถึง 5 แบบ Starters , Pasta อีกอย่างละ 10 และ 8 แบบตามลำดับเลย คือแบบเป็น set lunch ที่อลังการงานสร้าง สามารถมากินได้เรื่อย ๆ ไม่รู้เบื่อประมาณนั้นเลย

คือตัว set lunch ที่ว่าอลังการแล้ว อาหารแบบ a la carte หรือแบบ dinner นั้นกลับอลังการยิ่งกว่าอีก อาหารแต่ละหมวดหมู่ไม่ว่าจะ antipasti (appetizer) , salad , main course, seafood นั้นมีให้เลือกแบบหลากหลายมาก ๆ และส่วนใหญ่เป็นเมนูแปลก ๆ ที่ไม่ค่อยพบเจอในร้านอาหารอิตาเลียนร้านอื่น ๆ สักเท่าไร เป็นแนวแบบ อิตาเลียนอะไรก็ไม่รู้ ผมอ่าน ๆ ดูแล้วเมนูหลายอย่างไม่คุ้นตา ไม่คุ้นหูเลย ตัว a la carte นั้นราคาจะค่อนข้างแพง ค่อนข้างโดดจากตัว set lunch เหมือนกับร้านอิตาเลียนอื่น ๆ คือถ้ามากินกันเต็มที่มื้อนึงก็น่าจะตกอยู่ที่คนละ 1,500 - 2,000 บาทได้อย่างไม่ยากเย็น (เมื่อเทียบกับ set lunch ที่ราคาถูกกว่ากันเกือบ 1 ใน 3) นอกเหนือจากนี้ทางร้าน Signor Sassi Bangkok ก็ยังมีอาหารพิเศษประจำเดือน ที่จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ อย่างเดือนเมษาในช่วงที่ผมไปก็จะเป็นช่วงเทศกาลเนื้อแกะ ซึ่งจากที่ดูรูปก็จะเป็นการเอาพวก lamb chop มาทำโน่นทำนี่หลากหลายแบบดี อืม อาหารของร้านนี้เค้าครบครัน ครบถ้วยจริง ๆ เลยครับ

มื้อนี้เริ่มต้นด้วยขนมปังของทางร้าน ก็จะเป็นขนมปังที่ดูไม่ค่อยอลังการงานสร้างสักเท่าไร ผมไม่รู้เหมือนกันนะว่าขนมปังแต่ละแบบแต่ละชิ้นนั้นเรียกว่าอะไรบ้าง รวม ๆ แล้วขนมปังของร้านนี้ก็ทำมาได้ค่อนข้างดีครับ ไม่แห้งไป, ไม่แข็งไป แต่จะแบบ นุ่ม ๆ ร้อน ๆ กำลังดี (บางร้านนี่แบบแข็งไปบ้าง แห้งไปบ้าง จนไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำมาให้ใครกิน ใครมันจะไปกินอะไรแห้ง ๆ แข็ง ๆ แบบนั้นได้ ทำมาประหนึ่งว่าจะไม่ให้กินขนมปัง เลยจะได้สั่งอาหารกันเยอะ ๆ ประมาณนั้น)

Prosciutto & Melone (Parma Ham & Melon - 420 บาท) : ปาร์มาแฮม เมล่อน จานนี้ก็เป็นจานที่ตกแต่งมาได้สวยงามน่ากินกว่า จานอื่น ๆ ของร้านอื่น ๆ ที่ผมเคยกินมานะครับ ตัวเมล่อนมีการฝานเอาเนื้อออกมาเพื่อเล่นสีทำเป็นกลีบดอกไม้ และก็เรียงมาเป็นดอกไม้สวยงาม ส่วนตัวแฮมก็กอง ๆ มาไว้อยู่ตรงกลางเหมือนเป็นบริเวณรังไข่ดอกไม้, ฐานดอกไม้แบบนั้น idea บรรเจิดดีครับ รสชาติของ จานนี้ก็ทำมาได้ค่อนข้างดีครับ เมล่อนหวานฉ่ำ ปาร์มาแฮม เนื้อนุ่ม แน่น เค็มกำลังดี กินพร้อมกันรสตัดกันลงตัว fin เปิดประเดิมมื้ออาหารกันเลยทีเดียว







Mozzarella in Carrozza (Mozzarella in Deep Fried Bread with Garlic & Anchovy Sauce - 240 บาท) : อย่างที่ 2 เป็นอะไรที่ผมชอบที่สุดในมื้อนี้ล่ะ คือก่อนหน้านี้ผมเคยกินเจ้าชีสมอสซาเรลล่าทอดนี่มาก็หลายที่นะครับ แต่ไม่เคยเจอที่ไหนที่ทำอร่อยเลย เอาใหม่ เจอแต่ที่ทำมาแล้ว "แหลกม่ายล่าย" ซะทั้งหมดเลย จนก่อนหน้านี้ผมก็งงว่าเจ้าเมนูนี้มันจะมีขึ้นมาในโลกนี้ทำไมถ้ามันไม่อร่อยแบบนี้ แต่คำถามที่ว่าก็มาโดนตอบเอาโดยเจ้า Mozzarella Cheese ทอดจานนี้นี่แหละครับ มันแบบ.. อร่อยมาก ๆ ตัวชีสทอดมาผิวนอกกรอบแต่ด้านในยังคงเยิ้ม ยังหนืด ยังคงความเป็นชีสอยู่ ตัวรสชาติชีสก็แบบเค็มกำลังดี ไม่เหม็นหืน กินแล้วเหมือนแบบกินอะไรหยุ่น ๆ กรอบ ๆ ที่ไม่พบเจอในอาหารแบบอื่น และทางร้านยังมีการเสิร์ฟพร้อมตัวขนมปังทอดที่ช่วยส่งเสริมความอร่อยและรสชาติเพิ่มเติมเข้าไปด้วย จานนี้แนะนำครับ ถูก และอร่อยจริง ๆ

Ravioli "Tino" (Homemade ravioli stuffed with ricotta cheese, spinach in cream & brandy sauce with prawns & rocket salad - 480 บาท) : จานนี้ก็เป็นอีกจานที่อร่อยมากครับ ๆ ตัวพาสต้า Ravioli นั้นยัดไส้ตัว ricotta cheese มา และก็ยัดมาแบบกำลังดี อวบ ๆ นูน ๆ กำลังดี และตัวซอสก็จะเป็นซอส สไตล์ ครีม ๆ หน่อย แต่ก็ไม่ใช่ครีมข้นคลั่ก เหมือนเป็นครีมผสมกับน้ำซึ่งเป็นอะไรที่ผมชอบดีนะ รสชาติรวม ๆ ของซอสก็จะเป็นแบบยังไงดี บอกไม่ถูกเหมือนกัน เอาเป็นว่า อร่อยมากครับจานนี้






Tornado "Rossini" (Fillet steak on crouton base topped with Pate & Madeira Sauce - 1080 บาท) : อาหารจานนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตกลงมันเป็นอาหารของชาติใดกันแน่ เพราะบางทีไปกิน Steakhouse ก็จะเจอ , กินร้านอาหารฝรั่งเศสบางร้านก็ยังเจอ กับเจ้าเนื้อทอร์นาโด หรือเนื้อสันในเสิร์ฟคู่กับตับห่าน จานนี้ จานนี้ยอดเยี่ยมมากครับ ผมกับเพื่อน 2 คนชอบกันมาก เนื้อสันในมาแบบนุ่มสุด ๆ และก็ย่าง มาได้ดีมาก ๆ ผิวนอกเกรียม ๆ กำลังดี แต่ด้านในยังฉ่ำไปด้วยน้ำ ยังเป็นสีชมพูระเรื่อสวยงาม ส่วนตัวตับห่านที่ให้มาด้วยกันก็เป็นตับห่านชิ้นใหญ่ เนื้อนุ่ม ละมุน หอมหวาน และทั้งหมดนี้ยังมีการราดมาด้วย Madiera Sauce ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือซอสอะไรแต่ก็เป็นซอสที่ทำให้รสชาติรวม ๆ ของจานนี้อร่อยและลงตัวยิ่งขึ้นไปอีก โอว ฟินครับ

Spaghettini e Gamberoni Piccanti (Spaghetti with King prawns, chili, anchovies, capers, olives, fresh parsley & sanmazano tomato - 750 บาท) : พาสต้าจานนี้ก็เป็น Seafood Pasta ที่ทำมาได้ค่อนข้างอลังการดีครับ แต่กลายเป็นว่าสวยแต่รูปจูบไม่หอมไปซะอย่างนั้นสำหรับจานนี้ คือตัว seafood อร่อยดี สดดี และก็ตัวใหญ่ดีอยู่หรอกล่ะครับ แต่ว่าตัวเส้นสปาเก็ตตี้นั้นมันแบบไม่ค่อยอร่อยเท่าไร เหมือนลวกมา ผัดมายังไม่ค่อยโดนนัก และที่เลวร้ายสุดก็คือตัวซอสที่แบบเป็นซอสมะเขือเทศจ๋ามาก ๆ แบบกินแล้วมันได้แต่ความเป็นมะเขือเทศอย่างเดียวเพียว ๆ เลยไม่มีอะไรอย่างอื่นแทรก ซึ่งผมกับเพื่อนมีความเห็นตรงกันว่า โอเคใครชอบมะเขือเทศจริง ๆ ก็คงชอบจานนี้ แต่สำหรับคนทั่วไปอย่างผมกับเพื่อนแล้ว อยากได้รสอะไรมากกว่ามะเขือเทศเพิ่มเติมอีกหน่อย ตามนั้น






หมดของคาวก็ไปเข้าของหวานกันบ้าง อย่างแรกเป็น Tiramisu - 360 บาท : อันนี้ทางร้านบอกว่าเป็น Signature Dessert ของทางร้าน หน้าตาของมันแม้ว่าจะมาแบบธรรมดา ๆ ไม่ได้มีลูกเล่นอะไรมากมายเหมือนกับร้านอื่น ๆ เดี๋ยวนีี้ที่บางทีนำเสนอมาได้แบบ ไม่คิดว่าจะทำมาได้แบบนี้เลย ประมาณนั้น แต่จานนี้แม้ว่าจะหน้าตาธรรมดา ๆ แต่รสชาตินั้นคนละเรื่องครับ อร่อย ประทับใจมาก Mascarpone cheese ใช้ของแพง ของดีเยี่ยมแน่นอน เพราะหอม หวาน อร่อยสุด ๆ ตัวผงกาแฟ, ตัว Lady Finger ที่ใส่มาก็อร่อยหมด อืม เป็น Tiramisu ที่อร่อยมาก ๆ ที่ไม่เจออร่อย ๆ แบบนี้มานานแล้วครับ

Tiramisu Ice cream & Rose Ice cream - 2 scoops - 200 บาท  จานนี้ก็เป็นอีกของหวานที่เจ๋งมากครับ คือแม้ว่าจริง ๆ แล้วตัวของหวานมันก็เป็นแค่ไอศครีมธรรมดา ๆ นี่แหละ แต่แบบทางร้านก็นำเสนอมาได้แบบอลังการงานสร้างสุด ๆ (รบกวนดูรูปประกอบ) คือสวยจนไม่อยากกิน ไม่กล้ากินเลยประมาณนั้น ตัวไอศครีมรสชาติดีมาก ๆ ครับ ทั้ง Tiramisu ทั้ง Rose เลย หวาน อร่อย ลงตัว






Signor Sassi Special Pancakes (Homemade thin pancakes filled with chantilly cream topped with chocolate sauce & Vanilla ice cream - 340 บาท) :  เจ้าของหวานที่เอาชื่อร้านมาตั้งจานนี้กลับทำได้ไม่ดีเท่าของหวานธรรมดา ๆ 2 อย่างก่อนหน้าน มันเป็นประมาณ pancakes ธรรมดา ๆ ที่ทอดออกมาหน้าตาไม่เหมือนกับ pancake ทั่วไปแล้วก็ราดช็อคโกแลตมาแค่นั้นเอง อืม จานนี้เฉย ๆ ครับ แพงก็แพง ไปสั่ง 2 อย่างก่อนหน้านี้คุ้มกว่ากันเยอะครับ

มื้อนี้มีปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มกันบ้าง อย่างแรกเป็น Caramel Latte - 115 บาท ที่อร่อยล้ำ หากินไม่ได้ตามร้านกาแฟทั่ว ๆ ไป (แม้แต่ starbucks ก็ทำไม่อร่อยเท่านี้) และ Il Limoncello - 200 บาท ที่แรงสะใจ แต่แบบผมชอบเสิร์ฟแบบเย็นเฉียบมากกว่า ซึ่งร้าน Signor Sassi เสิร์ฟมาแบบค่อนข้างจะอุ่นครับ เลยแอบผิดหวังเล็กน้อย





สรุป ร้าน Signor Sassi นี่พวกผมค่อนข้างจะประทับใจกันมาก ๆ เลย ทุก ๆ อย่างของร้านทำมาได้ในระดับ Top-notch ทั้งหมด ไม่ว่าจะบรรยากาศร้าน, การบริการ, รสชาติอาหาร และความหลากหลายของอาหาร และแน่นอนครับราคาก็ Top-notch ตามไปด้วยติด ๆ แต่ก็อย่างที่ผมพิมพ์ไว้หลายครั้งแล้วล่ะครับ ของดีแต่ถูก โอเคมันอาจจะมีอยู่ในโลกบ้างแต่ก็น้อยมาก ๆ ของแพงแต่ไม่ดีก็มีอยู่ถมไป ดังนั้นถ้าจ่ายแพงแล้วได้ของดีมา มันก็เป็นอะไรที่คนเราคาดหวังกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ซึ่งร้าน Signor Sassi Bangkok @ Anantara Sathorn แห่งนี้ก็ทำได้ดีตามราคาจริง ๆ ใครกำลังมองหาร้านอาหารอิตาเลียน อร่อย ๆ บรรยากาศดี ๆ อิตาเลียนแท้ ๆ ก็มาลิ้มลองร้านนี้กันได้เลยครับ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment