Tuesday, May 14, 2013

Millet Bistro & Bar Review

Millet Bistro & Bar - Fusion Food - Pub & Restaurant at Vibhavadhi Soi 30, Bangkok

มิลเล็ท บิสโทร แอนด์ บาร์ - ร้านอาหารฟิวชั่น ดนตรีสด เบียร์สด วิภาวดีรังสิต 30, กรุงเทพ




Overall Score  8/10
Taste   3.5/5
Ambiance  4.5/5
Service  4.5/5
Value   3.5/5

Millet Bistro & Bar on BumRes.com (For more pictures and menu)



แม้ว่าร้านแนวนั่งชิล นั่งดื่ม นั่งคุยเล่น เฮฮากับเพื่อนฝูง ในบ้านเรามันจะมีกันค่อนข้างเยอะแล้ว แต่ส่วนใหญ่ร้านแนว ๆ นี้ก็จะไปกระจุกตัวกันอยู่แถว ๆ ทองหล่อ, อารีย์ หรือไม่ก็เลียบทางด่วนรามอินทรา (อันนี้คือย่านที่ผมรู้จักและคุ้นเคยนะครับ จริง ๆ น่าจะมีอีกหลายย่านนอกเหนือจากนี้) แต่ว่ากับย่านอื่น ๆ ในกรุงเทพ ร้านแนว ๆ นี้กลับจะไม่ค่อยมีสักเท่าไร จะมีก็คงเป็นร้านห้องแถวบ้าน ๆ อะไรพวกนั้นแทน ซึ่งร้านใน Review ฉบับนี้ก็เป็นร้านแนวที่ว่าที่มาตั้งตัวเองอยู่ในทำเลที่ยังไม่ค่อยมีร้านแนวนี้เท่าไร กับร้าน Millet Bar & Bistro ร้านแนวนั่งชิล นั่งดื่มกับเพื่อน ๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณ ซอยวิภาวดีรังสิต 30 แห่งนี้ ร้านนี้สามารถเข้ามาได้ทั้งจากทางถนนวิภาวดีรังสิตเอง หรือว่าจะเข้ามาจากทางฝั่งพหลโยธินก็ได้เพราะว่าเป็นซอยที่ทะลุถึงกัน ส่วนที่จอดรถก็มีเป็นที่จอดรถของทางร้านเอง สะดวกสบาย (พร้อมเด็กโบกรถด้วย)

สิ่งแรกที่สะดุดตาก่อนเลยก็คือบรรยากาศของทางร้านนี้ เป็นร้านที่แบบบรรยากาศชิลมาก ๆ ผมและเพื่อนเห็นแว่บแรกก็แบบ "เฮ้ย เจ๋งจัง อยากมานั่งชิลแล้ว" อะไรงี้ คือด้านหน้าร้านจะตกแต่งเป็นแนวสนามหญ้า (หญ้าจริงไม่ใช่หญ้าเทียม) และการจัดโต๊ะก็จะจัดวางกันแบบห่าง เน้นความปลอดโปร่ง โล่งสบายเป็นส่วนโต๊ะ ซึ่งหาไม่ค่อยได้ในร้านอาหารสมัยนี้ที่จะวางกันแบบ ชิด ๆ ติด ๆ กันเพื่อเพิ่มจำนวนโตีะให้มากที่สุดมากกว่าอะไรงี้ ส่วนถ้าใครไม่ชอบนั่งร้อน ๆ ด้านในของทางร้านก็จะเป็นที่นั่งส่วนติดแอร์ ที่ตกแต่งสไตล์ เรียบ ๆ ไม่ได้หรูหราอะไรมาก แต่ก็ได้ความดิบ ความเท่ไปอีกแบบ รวมถึงทางร้าน Millet Bar & Bistro ยังมีโต๊ะพูลไว้คอยบริการลูกค้าอีก และก็ตั้งแบบเป็นเอกเทศ ๆ เป็นสัดเป็นส่วนไม่ได้ มากองกระจุกอยู่ใกล้ ๆ โต๊ะอาหารแบบนี้ คือรวม ๆ แล้วบรรยากาศร้านนี้ทำได้ดีมากครับ คือคำนึงถึงความรู้สึกของลูกค้าเป็นหลัก มากกว่าจะแบบจับยัด ๆ ทุกอย่างมาใส่ในร้าน เพื่อให้ได้พื้นที่เยอะสุด, ได้โต๊ะเยอะสุดอะไรแบบนั้น








อาหารของร้านนี้ก็จะเป็นแนว อาหาร ไทย-อาหารฝรั่งแบบ Modern, Fusion ตามสไตล์ร้าน Bistro & Bar เก๋ ๆ ในสมัยนี้ แม้ว่าอาหารของทางร้านจะไม่ได้มีเยอะแยะอะไร แต่สำหรับร้านแนวเน้นให้ลูกค้ามานั่งดื่มนั่งชิลมากกว่าแบบนี้ จำนวนอาหารเท่านี้ก็เรียกได้ว่าเพียงพอแล้วล่ะครับ อาหารของทางร้านนี้เอาจริง ๆ จะเป็นพวกอาหารฝรั่งซะมากกว่า แต่จะมีการมา fusion กับอาหารพวก Asian จนออกมาเป็นจานอาหารที่ไม่เหมือนใคร หากินที่ร้านอื่นไม่ได้ โดยพวกอาหารแบบไทย ๆ นั้นจะมีให้เลือกน้อยมาก ๆ แต่รวม ๆ แล้วเท่าที่ผมกิน มันก็รู้สึกว่ายังไงอาหารร้านนี้มันก็คืออาหาร Asian อยู่ดีล่ะ ส่วนราคาอาหารก็จะอยู่ที่ประมาณ 200 บาทเป็นหลัก ถูกกว่าร้าน Bar & Bistro แบบเดียวกันอยู่พอสมควร (ทางร้านมี vat + service charge ตามพิมพ์นิยมปัจจุบัน) ส่วนพวกเครื่องดื่มของทางร้านก็จะมีให้เลือกครบครัน โดยจุดเด่นจะเน้นไปที่เบียร์เป็นหลัก คือจะมีเบียร์สดอยู่ยี่ห้อเดียวคือ Weihenstephaner เบียร์เยอรมันที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และก็พวกเบียร์ขวดนำเข้าหลากหลายยี่ห้อ ส่วนพวกเครื่องดื่มอื่น ๆ ผมรู้สึกว่ายังไม่ค่อยโดดเด่นอะไรมาก หากินที่ร้านไหนก็ได้เช่นพวก เหล้าขวด, พวก classic cocktail ต่าง ๆ เครื่องดื่มของร้านนี้ก็จัดได้ว่าค่อนข้างถูกกว่าร้านอื่น ๆ แนวเดียวกันอีกเช่นกัน ถูกกว่าซัก 20% ได้ ประมาณนั้น

อีกหนึ่งจุดเด่นของร้านนี้ก็คือการบริการของเด็กเสิร์ฟครับ บริการดีมาก ๆ บริการดีกว่าร้านแนว ๆ นี้แบบคนละระดับเลย พวกผมประทับใจจริง ๆ เจ้าของร้านบอกว่าเด็กเสิร์ฟของทางร้านจะมีการ train , การติว อยู่เรื่อย ๆ เพราะแบบอยากให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่ากับค่า Service Charge ที่บวกเพิ่มเข้าไป อืม ถ้าเจ้าของร้านทุกคนคิดได้แบบนี้ก็โอเค เพราะว่าหลัง ๆ มีหลายร้านเหมือนกันที่เจอคิดค่า service charge แต่ดันบริการเหมือนแบบไม่มี อะไรงี้

อาหารอย่างแรกในมื้อนี้นั้นเป็น สปาเก็ตตี้ซอสต้มยำกุ้ง (Tom-Yum Sauce with prawns spaghetti - 200 บาท) อาหารจานเด่นของทางร้านที่เป็นการผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตกได้อย่างลงตัวสุด ๆ จานนี้หน้าตาน่ากิน รสชาติยอดเยี่ยมครับ คือผมเคยกินมาหลายทีล่ะ ไอ้พวกพาสต้าที่พยายามยัดเอาความเป็นไทย ยัดเอาความเป็นตะวันออกลงไปเยอะ ๆ แบบนี้ แต่กินมากี่ทีก็ Fail ทุกที แต่ของร้าน Millet Bar & Bistro นี่ไม่เลยครับ ผสมผสานกันอย่างลงตัว ได้ความเป็นต้มยำกุ้ง และความเป็นพาสต้า แบบไม่น้อยหน้ากัน และกุ้งที่ให้มาก็เป็นกุ้งตัวใหญ่ดีด้วยชอบ ๆ






หอยแมลงภู่อบเบียร์ไวท์เบียร์ (Baked NZ mussels in white beer - 260 บาท) : อันนี้หอยแมลงภู่แอบตัวเล็กไปหน่อย และก็ยังไม่ค่อยสดดีนัก บางชิ้นเหมือนจะมีกลิ่นเหม็น ๆ กลิ่นคาว ๆ ล่ะ แต่ก็ยังดีที่ได้ตัวซอสไวท์เบียร์ของทางร้านมาช่วยกลบ และช่วยเพิ่มรสชาติเข้าไป จานนี้เลยกลายเป็นจานที่ค่อนข้างจะโอเคขึ้นมาหน่อย รวม ๆ ก็เป็นจานเบา ๆ เป็น appetizer ที่ดีล่ะครับ

แซลมอนแช่น้ำปลา (Fresh salmon served with spicy seafood sauce - 180 บาท) : อีกหนึ่งอาหาร Fusion ในมื้อนี้ เมนูนี้ผมเริ่มเห็นหลาย ๆ ร้านทำออกมาขายกันเยอะแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะรสชาติคล้าย ๆ กันจะมาวัดความแตกต่างกันที่น้ำยำว่าใครแซ่บมากแซ่บน้อย และตัวเนื้อแซลมอนว่าสดมากสดนักต่างกันแค่ไหน ซึ่งของร้าน Millet Bistro & Bar แห่งนี้ก็ทำได้ดี แต่ก็ยังไม่ได้แบบกินแล้วประทับใจอะไรมากครับ Salmon เหมือนจะยังไม่ใช่เกรด Sashimi เป็นประมาณเกรดไว้เอาไว้ทอดทำ fillet อะไรพวกนั้นมากกว่า






ลาบเห็ดชิเมจิเผา (Mixed mushroom mint leaves salad - 120 บาท) : จานนี้แน่นอนความบรรเจิดของไอเดียเอาเป็น 5 กะโหลก แต่รสชาติที่ได้รับเอาไป 2 กะโหลกพอ ไม่ค่อยอร่อยครับ รสชาติมันแปลก ๆ มั่ว ๆ เหมือนกับความเป็นลาบ, ข้าวคั่ว, สมุนไพร ต่าง ๆ นา ๆ มันดูไม่เข้ากับเห็ดชิเมจิสักเท่าไร พวกผม 4 คนไม่มีใครชอบจานนี้กันเลยสักคน

แองเจิ้ลแฮร์วาซาบิครีมซอสแซลมอนและไข่กุ้ง (Wasabi Cream Sauce Angel Hair - 240 บาท) : จานนี้พวกผมคงเลือกเส้นผิดไป คือดันไปเลือกเส้นแองเจิ้ลแฮร์ซึ่งเป็นเส้นเล็ก มากินกับครีมซอสที่แบบข้นคลั่ก มันก็เลยแบบทำให้แต่ละคำที่ตักขึ้นมากินนั้นเส้นมาก็โหบเอาครีมซอสขึ้นมาด้วยเยอะเกินไป คือตัวซอสนั้นอร่อย โอเคเลย ตัวแซลมอนที่ให้มาก็มีการไปทอดจนเกรียม ๆ นิด ๆ อร่อยดีมาด้วย แต่แบบตัวเส้นพาสต้ามันแค่ไม่เข้ากับครีมซอสนี่เอง ตัวเส้นน่าจะเป็นเส้นใหญ่กว่านี้ หุ้มซอสน้อยกว่านี้จานนี้ก็น่าจะอร่อยกว่า






ข้าวหมูคุโรบูตะอบครีมซอสเห็ด (Baked kurobuta with rice - 180 บาท) : จานนี้หน้าตาอาจจะดูไม่ค่อยน่ากิน เพราะเป็นอะไรที่ดูธรรมดา ๆ มาก แต่เอาจริง ๆ ตัวซอสเห็ด ที่ให้มาคู่กับหมูคุโรบูตะที่แล่มาเป็นชิ้นกำลังดีนี่มันเป็นอะไรที่กินเข้าคู่กับข้าวสวยเป็นอย่างดีเลยนะ อร่อยดีทีเดียวเลยจานนี้

ยำแปอเปิ้ลปูนิ่มทอดกรอบ (Soft shell crab with green apple salad - 240 บาท) : จานนี้ก็เป็นอีกจานที่อร่อยครับ ตัวปูนิ่มให้มาตัวค่อนข้างใหญ่ แต่ไม่รู้เหมือนกันช่วงหลังที่ไปกิน ๆ มานี่ 240 บาทจะได้ตัวใหญ่กว่านี้แทบทั้งนั้น ซึ่งผมก็เคยเขียน ๆ ไปล่ะว่า่ส่วนใหญ่ 240 บาทมันก็จะได้ประมาณนี้กัน ตัวปูนิ่มทอดมาดี ปรุงรสมาดี และก็ตัวยำแอปเปิ้ลที่ให้มาด้วยกันก็รสชาติดีครับ กินแยกกัน หรือกินพร้อมกันก็อร่อยหมดทุกอย่างเลยจานนี้






ไส้กรอกเยอรมันย่างเสิร์ฟกับมันบด (Mixed grilled German Sausage - 350 บาท) - ไส้กรอกจานนี้หน้าตาน่ากินมากกก มีมาให้ 5 แบบ 5 สไตล์ ผมไม่แน่ใจว่ามีอะไรบ้างหลัก ๆ ก็จะเป็น vienna สอดไส้ชีส, smoked, pepper และก็ไส้กรอกแท่งใหญ่ ๆ ผมจำชื่อมไ่ได้ล่ะว่ามันสะกดยังไง ไส้กรอกก็เป็นของ premium ครับ อร่อยทุกชิ้น , อันที่มีชีสก็ชีสเยิ้ม อันที่เป็นเนื้อก็เนื้อแน่น ๆ มัน ๆ อร่อย จานนี้ work มาก แต่พอดูราคาแล้วก็แอบแพงไปนิด (รึเปล่า?)

อกไก่เสิร์ฟกับโรสแมรี่ซอส (Roasted chicken breast rosemary sauce - 230 บาท) จานนี้หน้าตาดูดี แต่รสชาติไม่ได้เรื่องเลย อย่างแรกเลยคือตัวเนื้อไก่ที่เป็นส่วนอกไก่ ที่มาแบบแห้งแก๋แด๋มาก ไม่อร่อยเลยสักนิดเดียว ตัวซอสที่ราดมาที่ควรจะช่วยเพิ่มความอร่อย ก็ดูไม่ค่อยจะช่วยสักเท่าไร เพราะซอสมันยังไม่ได้ซึมเข้าเนื้อเลย และตัวซอสเองก็ไม่ได้อร่อยเท่าไรด้วย






ฟิลโลบานานา (Phyllo wrapped bananas with camembert cheese - 150 บาท) : ของหวาน Signature ของทางร้าน ที่ทางร้านบอกว่าทำยากมากเพราะตัวแป้งฟิลโลนั้นแบบจะทำยากสุด ๆ ทิ้งไว้แปบเดียวก็แห้งแล้ว แข็งแล้วอะไรงี้ และก็แบบหากินที่อื่นไม่ค่อยได้ สำหรับพวกผม จานนี้มันก็คือประมาณเปาะเปี๊ยะหวาน ๆ นั่นเอง คือแป้งจะกรอบน้อยกว่าตัวเปาะเปี๊ยะหน่อย ยัดไส้ในมาด้วยกล้วย และก็เสิร์ฟพร้อมตัว camembert cheese มา อืม ตัวชีสนี่อร่อยครับ เข้มข้นดีมาก ชอบ ๆ จริง ๆ ไม่ต้องมีตัวปอเปี๊ยะจานนี้ก็อาจจะ work แค่ตัว cheese โดยตัวมันเองก็ได้นะเนี่ย

Vanilla tartufo ice-cream (วานิลลา ทรัฟเฟิลไอศครีม - 140 บาท) : จานนี้อร่อยมากครับ ไอศครีมเป็นไอศครีมวานิลลาที่แบบแช่เย็นมาจนแข็งโป๊ก แล้วก็ราดซอสบลูเบอรี่มาเพิ่มเติม อร่อยครับ พวกผมชอบกันทุกคนเลยจานนี้ แนะนำ ๆ






จะมีอีกอย่างนึงที่ถ้าไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ซึ่งก็คือตัวเบียร์สดของทางร้าน Weihenstephaner (Hefeweissbier, German 5.4% - 200 บาท) เบียร์สดยี่ห้อนี้ก็เป็นเบียร์สดที่ หากินไม่ค่อยได้สักเท่าไรในกรุงเทพฯ มีน้อยร้านที่ขาย ซึ่งมันก็เป็นเบียร์ wheat ที่อร่อยดี (wheat รึเปล่าไม่แน่ใจนะแต่ผมว่าน่าจะใช่) ใครเป็นคอเบียร์สดยี่ห้อนี้ แก้วนี้ก็ไม่น่าจะผิดหวังครับ ซึ่งทางร้าน  Millet Bar & Bistro ก็มีโปรโมชั่นประมาณว่าสมัครสมาชิก จ่ายกี่บาทก็ไม่แน่ใจ แล้วจะได้เบียร์ 10 แก้ว พร้อม french fries ฟรี 1 ถาด แล้วเบียร์จะราคาลดลงมาเหลือแก้วละ 160 บาทแค่นั้น ก็ถ้าแบบไปกันกับเพื่อนสักกลุ่มนึง ซื้อเจ้าตัว package นี้มากินครั้งเดียวก็หมดก็คุ้มล่ะครับผมว่า

สรุป ร้าน Millet Bar & Bistro @ วิภาวดีรังสิต ซอย 30 แห่งนี้ ก็เป็นร้านที่ผมและเพื่อน ๆ ค่อนข้างชอบกันมากเลยนะครับ บรรยากาศร้านแนว ชิล ปลอดโปร่งโล่งสบาย อาหารส่วนใหญ่ก็รสชาติค่อนข้างดี พร้อมยังได้รับการบริการอันแสนจะเลิศเลออีกต่างหาก ใครกำลังมองหาร้านนั่งชิล ๆ อาหารและเครื่องดื่มราคาไม่แพง และไม่อยากเดินทางฝ่ารถติดไปยังย่านที่มีร้านแนว ๆ นี้เยอะ ก็จัดร้านนี้ได้เลยครับ


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment