Saturday, May 25, 2013

Kintarou

Kintarou Yakiniku - Japanese BBQ Restaurant at Sukhumvit 33, Bangkok

คินทาโร่ - ร้านเนื้อย่างญี่ปุ่น เนื้อวากิว สุขุมวิท 33 เบียร์สด BTS พร้อมพงษ์




Overall Score  7/10
Taste   3.5/5
Ambiance  4/5
Service  4.5/5
Value   3/5

Kintarou Yakiniku - Japanese BBQ Restaurant on BuMRes.com (For more pictures, menu, info)



ร้านเนื้อย่างสไตล์ญี่ปุ่น (หรือ เกาหลี) ก็เป็นร้านอีกหนึ่งสไตล์ที่ ชอบมีร้านเล็กร้านน้อย ซ่อนตัวอยู่ตามย่านต่าง ๆ หรือไม่ก็มีร้านน้องใหม่ผุดตัวขึ้นมาเรื่อย ๆ ทุกที กินเท่าไรก็ไม่เคยหมด ร้านในรีวิวฉบับนี้ก็เป็นร้านที่อยู่ในแบบแรกคือเป็นร้านเนื้อย่างญี่ปุ่นที่น่าจะเปิดตัวมานานแล้ว (ดูจากสภาพร้าน) แต่เนื่องจากร้านนั้นอยู่ในทำเลที่ถ้าขับรถผ่านยังไง ๆ ก็คงไม่เจอ ก็เลยทำให้กว่าผมจะได้มาลอง ก็เลยผ่านมาสักพักหลังจากที่เคยได้ยิน ๆ ชื่อร้านนี้มา ร้านที่ว่านี้ก็คือร้าน Kintarou Yakiniku นั่นเองครับ

ร้านนี้เอาจริง ๆ ก็จะมีทั้งหมด 2 สาขา โดยสาขาแรกนั้น (และเป็นสาขาในรีวิวฉบับนี้) จะอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 33 ก็จากปากซอยก็เข้าซอยมาประมาณสัก 50 - 100 เมตรก็จะมีเหมือนตรอกย่อยในซอยด้านขวามือ ก็เดินเข้าตรอกนั้นไปอีกประมาณ 10 เมตรก็จะเจอร้านอยู่ขวามือครับ ก็ถ้าใครเดินมาก็คงไม่เป็นปัญหา แต่ตัวผมนั้นขับรถมา ก็แอบมีปัญหาเล็กน้อย คือต้องไปจอดรถไว้ในวอยสุขุมวิท 33 ค่อนข้างลึกเลย แล้วก็เดิน ๆ มา ส่วนอีกสาขานึงนั้นจะอยู่ที่ซอยทองหล่อ 18 บริเวณตึกของเบนซ์ทองหล่อ (เปิดแทนร้าน Godzilla Yakiniku ที่ปิดตัวลงไป) ก็ทั้ง 2 สาขานี้ก็เหมือนกันหมดทุกอย่างครับ ไม่ว่าจะเวลาปิดเปิดที่เริ่มกันตั้งแต่ 17.00 น. และลากยาวไปจนถึง 02.00 น. (ร้านเนื้อย่างบ้าอะไรปิดตี 2 ฮ่า ๆ แต่ตอนผมไปผมก็ไปเกือบ ๆ สี่ทุ่มนะ และก็มีลูกค้านั่งกินกันอยู่อีกหลายโต๊ะเลย ตอนจะกลับก็มีลูกค้ามาเพิ่ม หรือว่าจริง ๆ แล้วคนญี่ปุ่นจะชอบกินเนื้อย่างตอนดึก ๆ กัน!) รวมถึงตัวอาหารด้วย





เมนูอาหารของร้าน Kintarou Yakiniku - สุขุมวิท 33 นี้ก็เหมือน ๆ กับร้านเนื้อย่างญี่ปุ่นแบบ a la carte ช่วงหลัง ๆ ที่ผมกินมาแทบจะทุกกระเบียดนิ้วเลยคือจะมีเนื้อวัวให้เลือกเยอะแยะหน่อย (ร้านนี้มีพวกจัดเป็น set มาให้ด้วย ก็สั่งง่ายดี) มีเนื้อหมู, อาหารทะเลให้เลือกอีกเล็กน้อย และก็พวกซุป, ข้าวหน้าต่าง ๆ , ผักแบบต่าง ๆ (พวกหลัง ๆ นี่จะเป็นสไตล์เกาหลีซะเยอะ) อะไรประมาณนี้ คือก็เป็นเมนูที่ Typical ๆ ที่พบเจอได้ในร้านเนื้อย่างญี่ปุ่น (หรือเกาหลี) แท้ ๆ ทั่วไปล่ะครับ ราคาของร้านนี้ก็จัดว่าอยู่ในระดับมาตรฐานร้าน เนื้อย่าง a la carte เช่นกัน คือเนื้อระดับกลาง ๆ จะเริ่มต้นที่ประมาณ 240 บาท ส่วนพวกของกินเล่นก็จะประมาณ 100 บาทส่วนพวกอาหารจานเดียวอื่น ๆ ก็จะประมาณ  200 บาทประมาณนั้น ก็ถ้ามากินกันแบบจัดเต็มหน่อยก็น่าจะอยู่ที่คนละ 1,000 บาทโดยประมาณครับ (ถ้าไม่ได้สั่งเนื้อแพง ๆ เยอะ ๆ นะ)

ช่วงหลัง ๆ มานี่กินร้านเนื้อย่างญี่ปุ่นแล้วเจอแต่พนักงานบริการดี ๆ ครับ ซึ่งร้าน Kintarou Yakiniku นี่ก็เช่นเดียวกัน แม้ว่าพนักงานของร้านนี้จะเป็นคนต่างชาติ (ติดกับประเทศเรา) พูดอะไรก็ฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องสักเท่าไร แต่ว่า service mind ของน้อง ๆ ในร้านนี้นี่เทพมากครับ ดีกว่าพนักงานคนไทยของหลาย ๆ ร้านเลย ดูแลดีมาก พยายามอธิบายอาหาร (ที่ฟังลำบากมาก) เป็นอย่างดี อืม ไม่รู้เจ้าของร้าน train ยังไงเหมือนกัน ก็เข้ารีวิวตัวอาหารเลยละกันนะครับ (เบียร์สดในมื้อนี้สั่งไปเหยือกนึงเป็น Asahi - 220 บาท)

- Family Set 1,380 บาท เซ็ทสำหรับครอบครัวที่เอาจริง ๆ ปริมาณก็ไม่ได้เยอะอะไรเลยกินคนเดียวก็กินได้ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องตั้งชื่อซะอลังการว่า Family Set (คงจะมีแค่ครอบครัวคนแคระเท่านั้นล่ะครับที่จะกินกันอิ่มกับเนื้อจานนี้ ในจานนี้ก็ประกอบด้วยเนื้อ 5 ประเภท ราคาที่ผมกำกับไว้คือราคาถ้าเกิดสั่งแยก ก็สำหรับแล้วสั่งเจ้า set นี้ก็ประหยัดไปประมาณ 60 บาท... แน่ะ แหม่ ทำไปได้







  • Shio Tang -240 บาท  : ลิ้นวัวลายสวย มีไขมันแทรกทุกอณู แล่มาบาง ๆ กำลังดี และขนาดกำลังดี อร่อยครับ อร่อยมากก็ว่าได้ อร่อยในระดับที่หากินได้ในร้านเนื้อย่าง a la carte เท่านั้นจริง ๆ
  • Rosu - 240 บาท : หรือเนื้อสันใน (หรือเนื้อสันเฉย ๆ ก็ไม่ทราบ) คือถ้ามันเป็นสันใน ก็เป็นสันในที่แปลกดีครับ เพราะมีลายไขมันแทรกตัวสวยงามมาก เนื้ออันนี้ก็อร่อยดี แต่ก็สู้เนื้อข้างล่างไม่ได้ครับ
  • Karubi - 240 บาท : หรือเนื้อติดกระตูด ติดมัน อะไรประมาณนั้น เนื้ออันนี้ อร่อยสุดในจานล่ะครับ เนื้อลายสวย ไขมันแทรกงดงาม กินแล้วละลายในปาก และทางร้านตัดเนื้อมาขนาดสี่เหลี่ยมจตุรัสกำลังดี พอดีคำ ปิ้งง่าย กินเพลิน แหล่มเลย
  • Honeduki Karubi - 480 บาท : อันนี้เนื้อติดกระดูกแผ่นใหญ่พิเศษอะไรสักอย่าง ที่ใส่มาในถ้วยแยกมา เจ้าซี่โครงอันนี้ปิ้งย่างมากครับ กว่าจะสุก และพอคิดว่าสุกแล้วจริง ๆ ก็ไม่สุก พนักงานต้องมาช่วยปิ้งต่อและใช้กรรไกรเลาะเนื้อออกมาให้อย่างสวยงาม อันนี้ ผมว่าเนื้อ Karubi ธรรมดาอร่อยกว่า อันนี้เหนียวไปหน่อย แต่ก็แบบได้ความเต็มเม็ดเต็มหน่วยกลับมาแทนครับ 
  • Harami - 240 บาท : หรือประมาณเนื้อเสือร้องไห้ นั่นเอง บอกตรง ๆ ว่าผมกิน Harami มากี่ที่ต่อกี่ที่ ก็ไม่เคยเจอที่ไหนที่มันอร่อยเลยสักที คือแบบเนื้อมันจะเหนียวกว่า, เหม็นกว่า และก็ไขมันแทรกน้อยกว่าเนื้อส่วนอื่น ๆ ซึ่งก็คงเป็นอะไรที่ผมไม่ชอบเองโดยส่วนตัว เพราะเห็นบางคนก็ชอบกัน และถ้ามันไม่ดีก็คงไม่มีเมนูนี้อยู่ในร้านเนื้อย่างญี่ปุ่นแทบทุกร้านหรอกเนอะ
Yukke - 180 บาท : หรือเนื้อดิบคลุกไข่ ช่วงหลัง ๆ ได้กินเมนูนี้บ่อยครับ ล่าสุดประทับใจมาจากร้าน ดูแร ตรง สุขุมวิทพลาซ่า มาของร้าน Kintarou Yakiniku นี่ก็ทำมาได้ดีเช่นกันครับ มาสไตล์เกาหลีแท้ ๆ เลย ใส่เมล็ดอะไรสักอย่างมาด้วย (ผมจำชื่อม่ได้) และก็สาลี่มาช่วยเพิ่มรสชาติ เพิ่มความหวานให้กับตัวเนื้อที่ได้ความหวานจากแค่ตัวไข่แดงอย่างเดียวอาจจะไม่พอ จานนี้ อร่อยดีครับ ถูกดีด้วยเมื่อเทียบกับร้านอื่น ๆ (เมนูนี้บางร้าน 300 บาท แหม่ ทำไปได้)






Senmai Sasi - 180 บาท : เมนูนี้แปลกหน่อยครับ ไม่เคยกินมาก่อนในชีวิต เป็นประมาณผ้าขี้ริ้ว (ลำไส้ส่วนสุดท้ายของวัว) เอาไปยำ ๆ กับน้ำมันงามา จานนี้เห็นหน้าตาแว่บแรก คิดเอาไว้ว่ารสชาติน่าจะเป็นประมาร แมงกะพรุนน้ำมันงา ซึ่งพอกินแล้ว ก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ครับ แมงกะพรุนคลุกน้ำมันงาชัด ๆ ! ต่างกันหน่อยตรงที่อันนี้จะเนื้อกรุบน้อยกว่าหน่อย แต่จะมีความมันมากวก่า ก็อร่อยดีนะครับ ผมกับแฟนกินกันจนเกลี้ยงเลย 

Kaketaki - 90 บาท : หรือกิมจิหัวไชเท้านั่นเอง อันนี้ไม่ค่อยอร่อยครับ สั้น ๆ ง่าย ๆ เป็นกิมจิที่รสชาติยังไม่ค่อยแรง ยังไม่ค่อยโดนเท่าไร

Crisp Seaweed - 60 บาท : ก็เพิ่งจะเคยสั่งสาหร่ายแผ่น ๆ มาปิ้งกินเองก็ครั้งนี้ครั้งแรกเหมือนกันครับ (คุณแฟนสั่ง) พอแบบเห็นเตาปิ้งแบบตั้งบนโต๊ะของทางร้านแล้ว บวกกับเห็นสาหร่ายแบบนี้แล้ว ผมก็เลยนึกถึงหนัง Jiro Dream of Sushi ที่ตาลูกชายมานั่งพัดสาหร่าย กับเตาประมาณนี้อยู่ ผมกับแฟนก็เลยเอาบ้าง เอาสาหร่ายคีบใส่ตะเกียบแล้วก็พัด ๆ ๆ แล้วก็กิน อืม อร่อยดีครับ อร่อยมากด้วยก็ว่าได้ หลังจากมื้อนี้แล้วอยากจะลองกลับไปทำเองจริง ๆ ฮ่า ๆ






Namaru Mori - 140 บาท : ผักยำสไตลืเกาหลี ที่มีถั่วงอก, ดอกไม้จีน และก็ปวยเล้งมาให้ อันนี้ยำมาได้ดีมากครับ รสชาติดีมากกกก และก็ให้มาเยอะดีด้วย (โอเคเมื่อเทียบกับราคาก็แพงไปอยู่ดี ถามจริงต้นทุนสักเท่าไร? น่าจะไม่เกิน 10 บาท -*-) จานนี้เป็นผักประจำมื้อนี้เลย ไม่ต้องสั่งผักมาย่างเพิ่มเติมกันเลยทีเดียว

พอเรียกเช็คบิล พนักงานก็ไปยกขนมหวานมาให้อย่างนึงเป็นมะเขือเทศญี่ปุ่นลูกใหญ่ยักษ์ ผ่า 4 ซีกมาและก็ราดนมข้นหวานมาให้ หน้าตาและความแปลกใหม่นี่เอาไปสิบกะโหลกครับ ส่วนรสชาตินี่เอาไป 5 กะโหลกพอ เพราะว่ามัน .. รสชาติประหลาดมาก โอเค มะเขือเทศ สดอร่อยดี แต่มันไม่เข้ากันเลยกับนมข้นหวานแม้แต่นิดเดียวครับ ฮ่า ๆ








สรุป ร้านเนื้อย่าง Kintarou Yakiniku นี่ก็เป็นร้านเนื้อย่างสไตล์ลูกผสมระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลี ที่ค่อนข้างจะเป็นร้านเนื้อย่างชั้นดีร้านนึงเลย โอเค ตัวเนื้อนั้นผมว่าร้านที่ผมเคยรีวิว ๆ มาหลาย ๆ ร้านทำได้ดีกว่า แต่ว่าพวกเมนู  non-เนื้อ ของร้านนี้นั้น ทำได้ดีกว่า ร้านอื่น ๆ ชัดเจน และราคาไม่แพง และมีเมนูแปลก ๆ เยอะด้วย และเมื่อบวกรวมกับการบริการของน้องพนักงานชาวต่างชาติอันแสนจะโดดเด่นเข้าไปอีก ร้านนี้ก็เลยยิ่งดูดีขึ้นมาเลย ก็ถ้าใครอยากกินเนื้อย่าง พร้อมของแกล้มที่แปลก ๆ หน่อย ราคาไม่แพง ร้าน คินทาโร่ แห่งนี้ น่าสนใจมาก ๆ เลยครับ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment