Sunday, May 19, 2013

Enoteca Bangkok Review

Enoteca - Italian Restaurant at Sukhumvit 31, Bangkok

อีโนเตก้า ร้านอาหารอิตาเลียน สุขุมวิท 31 กรุงเทพ




Overall Score  9/10
Taste   4.5/5
Ambiance  4.5/5
Service  5/5
Value   2/5

Enoteca - Italian Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)








ร้าน Enoteca ในรีวิวฉบับนี้ก็เป็นร้านอาหารอิตาเลียนที่ผมได้ยินชื่อเสียงมาค่อนข้างนานแล้วว่าเป็นร้านที่แพงและอร่อย มีเพื่อนนักกินของผมเคยไปกินกันมาหลายคน, เพื่อนผม 2-3 คนที่เปิดร้านอาหารยุโรปก็แนะนำร้านนี้ว่าควรต้องไปลอง อย่างโน้นอย่างนี้ แต่กว่าจะได้ไปกิน หลังจากที่ได้รู้จักร้านนี้ เวลาก็ผ่านล่วงเลยไปเกือบ 3 ปีได้แล้ว ร้าน Enoteca หรือแปลได้ว่า ห้องเก็บไวน์ แห่งนี้ ก็เป็นร้านอิตาเลียนเล็ก ๆ ในซอยย่อยของซอยสุขุมวิท 31 อีกที ก็ถ้าจะเดินทางมาก็แนะนำให้ขับรถมาน่าจะ work ที่สุดเพราะอยู่ค่อนข้างลึกจากถนนใหญ่ และก็ทางร้านมีพนักงานรับรถ ที่จะกึ่ง ๆ คล้าย ๆ Valet Parking คือจะมาคอยช่วยเราถอยรถและรับรถให้ และถ้าจะให้ดีก็โทรมาจองหน่อยก็ดีครับ ตอนที่ผมไปเป็นช่วงสงกรานต์ ก็คิดว่าไม่น่าจะมีคนสักเท่าไร แต่ที่ไหนได้ ลูกค้าค่อนข้างจะเต็มร้านเลยล่ะครับ (ส่วนนึงเพราะร้านขนาดไม่ใหญ่มาก) และก็ขนาดผมไปสองทุ่มและกลับประมาณ 4 ทุ่ม ตอนประมาณเกือบ ๆ 4 ทุ่มก็ยังมีลูกค้ามาที่ร้านอยู่เลยล่ะครับ

ร้าน Enoteca หรือห้องเก็บไวน์แห่งนี้ พอเข้าไปในร้านก็จะเจอบรรยากาศร้านสไตล์อิตาเลียน คล้าย ๆ กับร้านช่วงหลัง ๆ ที่ผมไปกินมาเช่น L'Opera และ Rossano's คือบอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันคือยังไง แต่พอได้เข้าไปในร้าน มันก็แบบเป็นอะไรที่ใช้เลย อิตาเลียนชัวร์เลย สิ่งนึงที่โดดเด่นคือผนังฝั่งนึงของร้านนี้จะทำเป็น wine cellar ไว้และเป็นชั้นเก็บไวน์ที่ค่อนข้างจะอลังการอยู่ คือสูงเต็มผนังเลย และไวน์แต่ละขวดเราก็สามารถไปเดินดูและสั่งมาชิมได้เลยด้วย ก็เป็นไอเดียที่ค่อนข้างดีเหมือนกัน และก็ไวน์ของทางร้านนี้ก็มีให้เลือกค่อนข้างเยอะมาก ๆ สมกับชื่อร้าน และที่โดดเด่น (อีกแล้ว) จากร้านอื่นคือตัวไวน์ของทางร้านจะมีการให้ rating โดย Mr. อะไรสักอย่าง Nicholas ด้วย (น่าจะเป็นเชฟใหญ๋ประจำร้าน) คือแบบ มีทั้งคะแนนดาวความอร่อย และความคุ้มค่า คือคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องไวน์แบบผมนี่สบายเลย เลือกไวน์ได้ง่ายขึ้นเยอะ อืม (ร้านอื่น ๆ น่าจะทำตามบ้างนะ ผมว่ามีคนกินไวน์ไม่กี่คนหรอกที่จะรู้จักไวน์ที่ทางร้านมีอยู่ใน list) ส่วนตัวอาหารของร้าน Enoteca Bangkok แห่งนี้ก็จะเป็นอาหารอิตาเลียนขนานแท้ หรือ ไม่แท้รึเปล่าผมก็ไม่รู้ เพราะมันเป็นอาหารอิตาเลียนที่หน้าตา และการนำเสนอค่อนข้างจะ  modern กว่าหลาย ๆ ร้านที่กินมาช่วงหลังพอสมควร และตัวรายการอาหารก็มีให้เลือกไม่่ค่อยเยอะ น่าจะมีการปรับเปลี่ยนเรื่อย ๆ และนอกจากตัวเมนู a la carte แล้วก็จะมีตัว Degustation Menu หรือ Course menu ไว้บริการอีกด้วย ก็ตัว Course Menu นี่ผมก็เพิ่งจะเคยเห็นในร้านอิตาเลียนแท้ ๆ ในกรุงเทพร้านแรกนะเนี่ย เท่าที่เจอมาคือเจอแต่ร้านอาหารฝรั่งเศส ไม่ก็อาหาร Modern European อะไรแนวนั้นมากกว่า อืม






อีกสิ่งที่ผมประทับใจมาก ๆ เกี่ยวกับร้าน Enoteca Bangkok แห่งนี้ก็คือเรื่องการบริการครับ พนักงานบริการดีมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ดีมากจนน่าจะดีที่สุดในร้านอาหารที่ไม่ใช่ห้องอาหารในโรงแรมช่วงหลังที่เคยกินมาเลย (รู้สึกจะมีแค่ที่ Lord Jim ที่เดียวที่ผมรู้สึกว่าบริการดีกว่า) อืม ใครมาก็น่าจะติดใจการบริการของเค้านะ ก่อนจะรีวิวตัวอาหารก็ขอรีวิวตัวขนมปังของทางร้านก่อนละกันนะครับ ทางร้าน Enoteca นี้ก็ให้ขนมปังแบบค่อนข้างหลากหลาย แต่ก็ไม่อลังการมาก และก็ไม่ค่อยร้อนสักเท่าไร และก็ไม่ได้ให้เนยมา (แต่ถ้าขอก็น่าจะได้) มีแค่น้ำมันมะกอกกับ balsamic แค่นั้น อืม ขนมปังก็ผ่านเกณฑ์มานิดเดียวล่ะนะถ้าจะให้คะแนน

อาหารอย่างแรกนั้นเป็น Signature ของทางร้านที่พนักงานบอกว่าลูกค้าแทบทุกโต๊ะจะสั่งกันหมด Cappuccino al Nero di Massimifiano Alaimo - Black Ink Capuccino : 580 บาท - ตัวนี้มันก็เป็นประมาณครีมชีส, มูส ที่ใส่ซอสหมึกดำลงไป บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันคืออะไร มันจะคล้าย ๆ กินเยลลี่ กันครีมชีสอะไรประมาณนั้นอ่ะครับ คือหน้าตา, การกินนั้นเหมือนกินของหวานเลย แต่ว่ารสชาตินั้นมาแบบอาหารคาวสุด ๆ ครับ อร่อยมาก แปลก อร่อย ประทับใจ แนะนำเลย (จริง ๆ สั่งไปที่เดียว แต่ทางร้านบอกว่าแบ่งครึ่งมาให้สำหรับ 2 คนได้ แต่จะเสียเงินเพิ่ม 100 บาท พวกผมก็เลยเอาแบบแบ่งมา)








Nicoise Salad - 390 บาท : ตัวอาหารอย่างที่ 2 นั้นตอนแรกคิดว่าจะเอา Soup แต่ไป ๆ มา ๆ Soup ของร้าน Enoteca นี่ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร และก็ไม่ค่อยมีให้เลือก ก็เลยมาลงเอยที่สลัด ตัวสลัดก็ธรรมดา ๆ ไม่มีอะไรให้เลือกมากอีกเช่นกัน ก็เลยมาลงเอยกับเจ้า นิซัวส์ สลัด นี่ ก็เป็นสลัดมาตรฐานที่พบเจอได้ทั้งร้านอาหารฝรั่งเศสและร้านอาหารอิตาเลียน ตอนแรกนั้นสลัดมาแบบเปล่า ๆ มาก ไม่มีน้ำสลัด ไม่มีรสชาติใด ๆ เลย ผมกับแฟนกินกันไปก็แบบไม่ค่อยประทับใจเท่าไร แต่พอ ใส่ balsamic ลงไป ใส่ olive oil ลงไปเพิ่มแล้วก็คลุก ๆ กิน อืม คราวนี้อร่อยล้ำเลย เพราะว่าตัวผักนั้นมันสดอยู่แล้ว

Franziskainer Waiss Beer 500 ml - 290 บาท : มื้อนี้ตอนแรกว่าจะไม่ดื่ม alcohol ครับ (ส่วนนึงเพราะไวน์ร้านนี้แพงมาก ฮ่า ๆ) แต่แบบกินอาหารอร่อย ๆ แล้วมันก็อยากมีอะไรดื่มหน่อย ก็เลยมาลงเอยกับเบียร์ยี่ห้ออะไรก็ไม่รู้นี่ครับ (เบียร์เยอรมันสักเจ้า) เจ้าเบียร์ขวดนี้คล้าย ๆ เป็นเบียร์ ale + lager และก็เสิร์ฟใส่มาในแก้วไวน์ทรงสูง รสชาติดีมากครับ น่าจะเป็นเบียร์ที่ทาง Mr. Nicholas คัดเลือกมาให้กินกับอาหารของเค้าก็เป็นได้ แนะนำอีกเช่นกัน






Ravioli al Foie Gras con Salsa al Tartufo Nero - Ravioli filled with Foie Gras with Black Truffle Sauce : 690 บาท - พาสต้า Signature ของทางร้าน ที่หน้าตากับราคานั้นไม่สอดคล้องกันอย่างแรง ปริมาณที่ได้นั้นน้อยมาก ๆ แต่ก็นะ เล่นใช้ของแพงซะเต็มจานแบบนี้ รสชาติจานนี้ อร่อยมากครับ Foie Gras แน่นอน อร่อยสมกับเป็นตับห่าน a la carte อยู่แล้ว (แปลว่า พวกไลน์บุฟเฟ่ต์สู้ไม่ได้) ตัว Ravioli ยังยัดไส้ตับห่านเพิ่มเติมมาอีก แค่นั้นยังไม่พอยังราดซอสเห็ดทรัฟเฟิลที่แบบ หอม มัน เค็ม กำลังดีมาให้ด้วย แต่ละคำนั้นกิน พร้อมกันรวดเดียวแล้ว โอว ฟินครับ

ตัว Main Course ในมื้อนี้นั้นเป็น Guancia Brasata al Vino Rosso con Purea di Sedano Rapa e Mele - Veal Cheek Braised in Red Wine with Mushed Celery Root and Mushed Apple : 840 บาท - หรือแปลง่าย ๆ ก็คือแก้ววัวตุ๋นไวน์แดงนั่นเอง จานก่อนหน้านี้ 3 จานหน้าตาค่อนข้างสวยงามกว่าปกติ พอมาจานนี้ก็เป็นการ Return to Retro หรือย้อนกลับไปสู่ความเรียบง่าย ความดิบ เล็กน้อย เพราะทั้งจานนั้นมีแค่ก้อนแก้มวัว 2 ก้อนกับ Garnish เล็ก ๆ น้อย ๆ อีก 2 อย่างแค่นั้น จานนี้ บอกตรง ๆ ตัวแก้มวัวกับซอสอร่อยมากครับ ซอสมาแบบเค็ม ๆ กำลังดี ตัวแก้มวัวก็นุ่มมาก ๆ แทบจะละลายในปาก แต่ตัว garnish นี่สงสัยว่าทางร้านจะกลัวลูกค้าเลี่ยนกับความเค็ม ก็เลยทำมาแบบ เปรี้ยว ๆ อัน และก็ mash potato สุดหวานอันนึง ซึ่งผมกับแฟนไม่ค่อยชอบเท่าไร รสชาติมันตัดกับตัวแก้มวัวเกินไป







Panna Cotta all Anice Stellato - Panna Cotta with Star Anice - 260 บาท : จานที่แล้วว่าดิบแล้ว ว่า Return to Retro แล้ว จานนี้ยิ่งแล้วใหญ่ครับ ตัว Panna Cotta เสิร์ฟมาเป็นเต้าหู้เลย คือแบบ มั่นใจสุด ๆ ถึงนำเสนอมาแบบนี้ เหอ เหอ ส่วนซอสนั้นเราก็เอามาราดเอง ก่อนจะกินก็ราดซอสที่เหมือนจะใส่ passion fruit เยอะ ๆ ลงไป แล้วก็กินตัวเต้าหู้ เอ๊ย Panna Cotta พร้อมกันกับซอส รสชาติก็อร่อยดีนะครับ แต่ก็ไม่มากมายเท่าไร เหมือนจะเคยกิน Panna Cotta อร่อย ๆ กว่านี้มาเยอะพอสมควร สำหรับตัวผม

สรุป ร้าน Enoteca Bangkok แห่งนี้ ก็ไม่น่าแปลกล่ะครับที่ทำไมถึงเป็นร้านที่หลาย ๆ คนชื่นชมและซูฮกกัน องค์ประกอบแต่ละด้านนั้นทำมาได้อยู่ในระดับสุดยอดหมด ไม่ว่าจะ รสชาติอาหาร บรรยากาศ การบริการ ความหลากหลายของไวน์ และแน่นอนราคาอาหารก็สูงระยับเช่นเดียวกัน ใครกำลังมองหาร้านอาหารอิตาเลียนแบบ Fine Dining ดี ๆ มากินมื้อพิเศษกับคนพิเศษ ร้านนี้ ผมว่าพามาแล้วโดนแน่ ๆ (ส่วนโดนอะไรก็แล้วแต่อยากจะจัดละกันครับ ฮ่า ๆ)




--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment