Saturday, April 6, 2013

The Bookshop Sukhumvit 38 Review

The BookShop - Fantasy European Fusion Restaurant at The Ashton, Sukhumvit 38, Bangkok

เดอะบุ๊คช็อบ - ร้านอาหารยุโรป, ร้านอาหารฟิวชั่น, ค็อคเทล สุขุมวิท 38 BTS ทองหล่อ




Overall Score  8.5/10
Taste   4/5
Ambiance  4.5/5
Service  4.5/5
Value   3/5

The Bookshop - Modern European Restaurant on BumRes.com (For more pictures and menu)



ร้านอาหารที่ Theme ของร้านสุดโต่ง สุดกู่ Fantasy จ๋าสุด ๆ ในบ้านเรานั้นก็อาจจะยังมีไม่ค่อยเยอะเมื่อเทียบกับเมืองนอก (หรือเมืองนอกจริง ๆ ก็มีไม่ค่อยเยอะ แต่ที่อ่าน ๆ เจอบ่อย ๆ มันก็คือการดึงเอาร้านเด่น ๆ มาเท่านั้นจริง ๆ?) เท่าที่ผมนึกออกก็จะมีร้าน Iron Fairies , Five - K-Village และก็ Chocolate Ville อะไรประมาณนี้ ซึ่งร้านในรีวิวฉบับนี้ก็เป็นอีกหนึ่งร้านที่มี Theme แรง โดดเด่น ไม่แพ้กัน และใช้ designer คนเดียวกันกับ 2 ร้านข้างต้นที่ว่าไป นั่นก็คือร้าน The Bookshop - Sukhumvit 38 แห่งนี้นี่เอง

ร้าน The Bookshop หรือร้านหนังสือแห่งนี้ตัวชื่อร้านนั้นก็มาจาก theme ของร้านที่ตกแต่งร้านสไตล์ ร้านหนังสือในนิยายตะวันตก แนวพวกห้องสมุดของ Harry Potter อะไรประมาณนั้น ร้านตกแต่งได้ดีมาก คือเพียงแค่หลุดเข้าไปในร้าน 100 ทั้ง 100 ก็น่าจะชื่นชอบบรรยากาศของร้านที่มีชั้นหนังสือสูง ๆ , มีหนังสือขยับไปมา และบรรยากาศสลัว ๆ นี่ทั้งหมด ตัวร้านนี้ตั้งอยู่ที่ชั้นล่างของคอนโด Ashton, Ideo ในซอยสุขุมวิท 38 (ขับเข้าซอยไปสัก 300 - 400 เมตรก็จะเจอคอนโดอยู่ขวามือ) ร้านเป็นร้านขนาดเล็ก ๆ เหมือนจะเน้นให้ คนในคอนโดมานั่งดื่ม นั่งกิน นั่งอ่านหนังสือกันในห้องสมุดสุดแนวแห่งนี้ หรือจะเป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในคอนโด แต่อาจจะอยากเข้ามาสัมผัสบรรยากาศคอนโดสุดหรูแบบนี้ (แบบผม) ก็ยังได้ ผมล่ะชอบตัว Designer คนนี้จริง ๆ แต่งร้านได้แรง แต่ก็แรงแบบน่าเข้าไปนั่ง อยากเข้าไปนั่ง อะไรประมาณนั้น





ตัวอาหารของทางร้านนี้เนื่องจากตอนที่ไปยังเป็นช่วง pre-opening อยู่ก็เลย ยังมีอาหารให้เลือกไม่ค่อยเยอะเท่าไร แต่หลัก ๆ แล้วอาหารของร้านนี้จะเป็นอาหารตะวันตกจานเล็ก ๆ เน้นให้สั่งหลายจาน  หรือไม่ก็สั่งมากินเล่น ๆ เคล้าเครื่องดื่ม หรือหนังสือดี ๆ สักเล่มนึงอะไรประมาณนั้น อาหารของทางร้านจะเป็นอาหารที่ทางร้านน่าจะรังสรรค์ขึ้นมาเอง เพราะแต่ละเมนูนั้น เท่าที่ได้อ่าน เท่าที่ได้สั่ง เท่าที่ได้กินดูแล้วมันเป็นอะไรที่ไม่น่าจะหากินที่ร้านอื่นได้เลย เช่นเดียวกันกับเครื่องดื่มของทางร้าน ที่รู้สึกว่าจะใช้ตัว Mixologist คนเดียวกันกับ 2 ร้านข้างต้นที่ผมว่าก็เลยทำให้แต่ละแก้วนั้นมีทั้งความโดดเด่น, แปลกใหม่ หาดื่มที่ไหนไม่ได้เช่นเดียวกัน อืม ร้าน The Bookshop นีบอกตรง ๆ ว่าเป็นร้านที่แบบมีความเป็นเอกลักษณ์ มีอัตลักษณ์ของตัวเองสูงมาก ๆ จริง ๆ ไม่ว่าจะเรื่องบรรยากาศ, ความแปลกใหม่ของอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งจุดนี้ผมพยายามเขียนหลายทีแล้วว่า ถ้าอยากจะเปิดร้านอาหารสักร้านนึงให้คนที่ยังไม่เคยไปได้จดจำ, นึกถึง หรืออยากไปกิน มันก็ต้องทำอะไรประมาณนี้แหละ และยิ่งถ้าทำรสชาติอาหารออกมาดี บริการดี ๆ , เครื่องดื่มรสชาติเยี่ยม ราคาสมเหตุสมผลด้วยอีกแล้ว จากลูกค้าขาจรก็จะกลายเป็นลูกค้าขาประจำเอาได้ไม่ยากเลย อันนี้ไม่ใช่อะไรครับ เพราะหลัง ๆ นี่เห็นร้านที่เปิดตามกระแสกันเยอะมาก โดยเฉพาะพวกร้านเนื้อย่างและร้าน Cafe ทั้งหลาย ทุกท่านเห็นร้านที่เปิดใหม่พวกนี้แล้วอยากไปกินกันบ้างมั้ยครับถามจริง? (ยกเว้นว่าอยู่ใกล้บ้านจริง ๆ หรือไม่มีที่ไปอะไรประมาณนั้น?)

ขอ Review ตัวเครื่องดื่มก่อนละกันนะครับ เอาเป็นว่าไม่ขอบรรยายอะไรถึงรสชาติมากละกัน เพราะตัวผมเองก็ไม่ค่อยเชี่ยวชาญสักเท่าไร เครื่องดื่ม 5 แก้วในมื้อนี้ที่สั่งไปก็ list ตามข้างล่างนี่เลยครับ รวม ๆ แล้วอร่อยดีหมด หรือพูดตรง ๆ คืออร่อย(เกือบ)มากก็ว่าได้ คือเป็น cocktail ที่ไม่ได้สักแต่ว่าคิดขึ้นมา ทำขึ้นมาให้ไม่เหมือนใคร แต่ผ่านการลอง การชิมมาจนอร่อยดีแล้วประมาณนั้น อืม

  • Librarian (She' s a sexy librarian at that. Fresh crushed pineapple with pink peppercorn infused rum, French raspberry liquour, jasmine syrup and fresh lime, touched with basil essence drops. - 340 บาท) - แก้วนี้กินแล้วเปรี้ยว ๆ หน่อย และก็ได้กลิ่นหอมของรัมแตะจมูกทุกครั้งที่กิน อืม อร่อยดี
  • Romance Novel (A fragently lustful sipping experience. Fresh strawberry and homemade jasmine syrup carefully acrated with silver rum and fresh lime - 290 บาท) - กินแล้วได้ความโรแมนติีดีจริง ๆ ครับแก้วนี้ สีสวย ๆ กินแล้วเคลิ้ม ๆ ดีด้วย
  • Avid Reader (More comforting than a good book. An entire sour green apple is hand-crushed with kaffir-infused vodka, palm sugar, fresh lime and a watermelon coconut jelly cube - 340 บาท) - แก้วนี้รสชาติแหม่ง ๆ ครับ เหมือนผสมมายังไม่ค่อยลงตัวเท่าไร เหมือนรสของแอปเปิ้ลมันไม่ค่อยเข้ากับเหล้าอื่น ๆ ในแก้วยังไงก็ไม่รู้
  • The Edgar Allen Poe (For your tell-tale thirst. vodka, fresh citrus, palm sugar and pink grapefruit reduction over ice - 290 บาท) - แก้วนี้แรงมาก อร่อยมาก ผมชอบมากเลย ทางร้าน The Bookshop เอาเจ้าแก้วนี้อยู่ในหมวดปิดท้าย ซึ่งก็แบบลงตวดี ปิดท้ายแรง ๆ เมา ๆ กลับบ้านกันไปเลย ฮ่า ๆ
  • Latest Periodicals (The most recent issue to sooth your thirst. Fresh kiwi, cucumber, lime and sugarcane with tequila and French orange liqueur over crushed ice - 290 บาท) - แก้วนี้อลังการมาก ๆ  ออกแนวถ้าไม่รู้ว่าเป็น cocktail ก็คงคิดว่าเป็นน้ำผลไม้สักแก้วนึง แก้วนี้รสชาติจะออกแนวเบา ๆ กินเรียกน้ำย่อย กินกระตุ้นสมองประมาณนั้น












อาหารในมื้อนี้ก็จะมีทั้งหมด 6 อย่างครับ ไล่เรียงกันไปตามลำดับที่ได้รับเลยละกันนะครับ

  • Salmon tartar served in a waffle cone topped with spicy seafood sauce jelly - 220 บาท) - อันนี้ก็ทำมาได้แนวดีครับ คล้าย ๆ กินไอศครีม แต่เป็นไอศครีมองคาวแทน อร่อยดี เนื้อแซลมอนมาแบบเปียก ๆ แฉะ ๆ ฉ่ำ ๆ หน่อย ตัด ๆ กับโคนแห้ง ๆ และก็ตัวซอสที่ราดมาก็เผ็ด ๆ อร่อยดีครับ 
  • Crabmeat bites fried with northeastern Thai style spices - 190 บาท) - อันนี้ผมเองไม่ค่อยชอบเท่าไร ให้อารมณ์เหมือนกินพวกลาบหมูทอดตามร้านอีสานทั่ว ๆ ไป แทบจะทุกประการ จะขาดก็แค่ความเปรี้ยวที่ไม่เปรี้ยวมากแค่นั้น แต่เพื่อน ๆ ผมอีก 4 คนที่ไปด้วยกันในมื้อนี้ดูจะชอบเจ้าลูกชิ้นทอดนี่ดีนะครับ ผมอาจจะแค่ไม่ชอบอาหารแนวนี้อยู่คนเดียวก็เป็นได้ T_T
  • Mini French burger with caramelized onions, parmesan and mustard - 290 บาท) - จานนี้ผมไม่ค่อยชอบเท่าไรเพราะแบบ burger มาชิ้นเล็กมาก ๆ แล้วไส้ในก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากหัวหอม และมะเขือเทศฝานบาง ๆ มาแผ่นนึง แล้วก็กินไปแต่ละคำนี่ก็แบบเจอแต่ความแห้ง ๆ ครับ ทั้งตัวเนื้อ patty ที่บาง ๆ อยู่แล้วแต่ดันมาแห้งอีก, ตัวแป้งขนมปังที่มาแบบเรียบ ๆ ไม่ได้ทาอะไรมา ไม่ผ่านครับ burger ก้อนนี้
  • Crispy mushrooms seasoned with garlic and cayenne pepper - 150 บาท) - อันนี้ค่อนข้างธรรมดา ๆ อาจจะแปลกใหม่หน่อยตรงที่เอาเห็ดมาทำ แต่โดยรวมแล้ว มันก็คล้าย ๆ กิน french fries ทอดในแบบที่หน้าตาไม่ค่อยสวยหน่อย เนื้อแข็ง ๆ กว่าหน่อยแค่นั้น ได้ความแปลกใหม่ด้าน texture กับตัวซอสแค่นั้น เอาจริง ๆ กิน french fries ธรรมดาก็ไม่ต่างกันสักเท่าไรครับ
  • Spicy prawn spaghetti with tomato, garlic, chili and olive oil - 270 บาท) - สปาเก็ตตี้จานนี้อร่อยดีครับ ผัดมาแห้ง ๆ เลย แล้วก็ให้กุ้งให้เครื่องมาค่อนข้างเยอะ รสชาติจานนี้จะค่อนข้างเผ็ดร้อน และก็มีกลิ่นกระเทียมแรง ๆ หน่อย เป็นพาสต้าที่เหมาะสำหรับกินเคล้ากับเครื่องดื่ม alcohol และเหมาะกับลิ้นของคนไทยมากครับ เสียดายอย่างตรงที่ 270 บาทแต่ได้ปริมาณไม่เยอะเลย
  • Lamb ragu penne pasta topped with Japanese beans and parmesan cheese - 250 บาท) - จานนี้ผมชอบที่สุดในมื้อเลย รสชาติรวม ๆ กลมกล่อม ๆ แบบเข้มข้นดีมาก ตัวเส้นเพนเน่ก็ต้มมานุ่มกำลังดี, ถั่วแระญี่ปุ่นและพาร์มีซานชีสที่โรย ๆ มา วาง ๆ มาก็ส่งเสริมรสตัวซอสรากูแกะ ไม่ได้ไปแย่งซีนรสชาติหลักของจานนี้แต่อย่างใด เยี่ยมเลยครับ ให้เยอะดีด้วย จานนี้แนะนำ ๆ















สรุป ร้าน The Bookshop แห่งนี้เป็นร้านที่เจ๋งดีครับ สิ่งที่ผมชอบมาก ๆ ก็คือบรรยากาศร้านกับตัวเครื่องดื่มของทางร้านที่ทำมาได้เก๋ไก๋ โดนใจสุด ๆ ตัวอาหารของทงร้าน หลาย ๆ จานเหมือนจะพยายามสร้างความแปลกใหม่ให้ตัวเองมากเกินไป แต่ยังทำมาได้ไม่ค่อยดีนัก ในขณะที่บางจานนั้น ไม่ได้พยายามฝืนความเป็นตัวของตัวเองมากนัก อิง ๆ กับชาวบ้านเล็กน้อยก็กลับทำได้ดีกว่า ผมล่ะอิจฉาคนที่พักอยู่ที่คอนโด Ashton แห่งนี้จริง ๆ มีร้านอร่อย ๆ บรรยากาศดี ๆ อยู่ใต้คอนโดแบบนี้ แต่ก็อย่างที่บอกนะครับ ร้านนี้ไม่ได้รับเฉพาะลูกค้าในคอนโดเท่านั้น ใครสนใจอยากจะไปกินอาหารตะวันตกในห้องสมุดเทพนิยายแฟนตาซีก็ไปลิ้มลองกันได้ครับ เผลอ ๆ หลัง publish review นี้แล้ว อาหารของร้านนี้อาจจะมาเต็ม มาครบ ลงตัวกว่านี้อีกก็เป็นได้

--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment