Wednesday, March 13, 2013

Rossano's Bangkok Review

Rossano's - Italian Restaurant at Asoke Soi 3, Bangkok

โรสซาโน - ร้านอาหารอิตาเลียน อโศก ซอย 3 พิซซ่า พาสต้า เสต็ก ไวน์




Overall Score  9.5/10
Taste   4.5/5
Ambiance  5/5
Service  5/5
Value   3.5/5

Rossano's - Italian Restaurant on BumRes.com (For more pictures and menu)



ร้านอาหารอิตาเลียนนามว่า Rossano's แห่งนี้ก็เป็นร้านที่เปิดมาได้ 30 ปีพอดิบพอดีแล้ว (เปิดมาตั้งแต่ปี 1983) ร้านนี้จะว่าผมเชยก็คงเชยเพราะว่าเพิ่งมารู้จักเมื่อไม่นานมานี้นี่เอง ร้านนี้ตั้งอยู่ในซอย อโศก ซอย 3 เข้าซอยไปประมาณ 10 เมตรก็จะเจอร้านอยู่ซ้ายมือเลย หาไม่ยาก แต่ว่าถ้าใครที่ไม่คิดจะมากินร้านนี้ถ้าไม่สังเกตก็คงจะไม่เห็น เพราะว่าปากซอยก็ไม่มีป้าย และซอยนี้ก็ไม่ได้เป็นซอยที่แบบรถจะใช้เดินทางเป็นทางลัดระหว่างซอยสุขุมวิท 19 กับอโศกซักเท่าไร

แม้ว่าร้านนี้จะเปิดมาได้ 30 ปีแต่ทุก ๆ อย่างของทางร้านก็อยู่ในสภาพดีหมด ไม่ว่าจะบรรยากาศร้านที่จะออกแนวยุโรป หรืออิตาเลียนสไตล์ Tuscany (เดาเองแบบมั่วสุด ๆ) ที่แม้จะดูเก่า ๆ แต่ก็เก่าแบบคลาสสิค ไม่ได้เก่าแบบเสื่อมโทรมแต่อย่างใด , พนักงานของร้านที่แต่งตัวเนี้ยบ และบริการได้อย่างโดนใจมาก บริการได้ไร้ที่ติเลยก็ว่าได้ ร้านนี้ที่ผมว่าผมเชยไม่รู้จักมาก่อนก็เพราะว่าจริง ๆ แล้วร้านนี้เค้าคงเป็นร้านดังมาเนิ่นนานแล้ว เพราะอย่างวันที่ผมไป (เย็นวันเสาร์) ก็มีลูกค้ามากันเต็มร้าน และส่วนใหญ่โต๊ะที่มาก็แบบเหมือนจะเป็นขาประจำกันอยู่แล้ว เพราะเหมือนพนักงานจะจำได้ ทักทายกันอย่างเป็นกันเองสุด ๆ รวมถึงแต่ละคนก็หิ้วไวน์, หิ้วแชมเปญมากันเองแบบเหมือนมากินข้าวที่บ้าน มาร้านที่คุ้นเคยอะไรแบบนี้ , ป้ายจองโต๊ะของที่ร้านก็มีสลักชื่อแขกขาประจำแบบเยอะมาก ๆ น่าจะเยอะที่สุดในบรรดาร้านต่าง ๆ ที่ผมเคยเห็นแล้ว ร่วม ๆ 100 ป้ายได้ คือแบบ โอว โน ร้าน Rossano's แห่งนี้มันสุดยอดขนาดนี้เลยหรือว่าอย่างไร? (สิ่งนึงที่สงสัยคือ ร้านนี้เค้าไม่คิดค่าเปิดขวดรึเปล่า เพราะส่วนใหญ่แทบทุกโต๊ะจะหิ้วไวน์มาเองกันหมด ซึ่งไวน์ของทางร้านเองจริง ๆ ก็มีให้เลือกค่อนข้างเยอะ ก็เลยแบบสงสัยอ่ะครับ เพราะถ้าไม่คิดค่าเปิดขวด ครั้งหน้าผมก็กะจะหิ้วมาเองเหมือนกัน พอดีลืมถามด้วย)






อาหารของร้านนี้ ก็จะเป็นอาหารอิตาเลียนแนว... classic หรือ traditional (มั้ง) ไม่ได้เป็นอาหาร fusion ๆ หรือ modern Italian เหมือนกับร้านอิตาเลียนช่วงหลัง ๆ ที่ผมไปกินมาสักเท่าไร ซึ่งอันนี้ก็เข้าข่ายมั่วอีกแล้วเพราะว่าเอาจริง ๆ อาหารอิตาเลียนหน้าตามันก็สวยงามอยู่แล้ว อาหารยุคเก่ากับยุคใหม่มันก็เลยแยกยากโดยตัวมันเอง แต่ที่ผมบอกว่าร้านนี้ออกแนว traditional ๆ หน่อยก็เพราะว่าไม่ค่อยมีเครื่องปรุง, วัตถุดิบของเอเชีย ๆ หลุดเข้าไปอยู่ในองค์ประกอบในจานสักเท่าไรแค่นั้นเอง อาหารของร้านนี้มีให้เลือกครบครัน appetizer, salad, soup, pizza, pasta หรือ steak แต่จากที่ถาม ๆ พนักงานแล้ว อาหารจานเด่น ที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะสั่งกันจะเป็นตัวเสต็ก ที่ทางร้านมีให้เลือกเยอะมาก มีเนื้อหลากหลายแบบ หลากหลายส่วน มีเสต็กหลายสไตล์ มีกระทั่วเนื้อ premium ๆ ที่แบบขีดละ 300 - 400 บาทไปจนถึงเนื้อ Wagyu MS 7-8 ราคา 600 บาทก็มี อาหารประเภทเด่น ๆ ของทางร้านอีกอย่างก็คือตัว Seafood ที่จะรับตัวปลาสด ๆ เข้าร้านทุกวัน (อย่างวันที่ผมไปก็เห็นรถ supplier ชื่อ gourmet Italia อะไรสักอย่างมาส่งของอยู่หน้าร้านพอดี ซึ่งแม้จะเป็นวันเสาร์ก็ยังมีของมาส่ง ก็น่าจะเป็นอะไรที่บ่งบอกว่าร้านนี้เค้าใส่ใจเรื่องวัตถุดิบจริง ๆ นะเนี่ย) อาหารโดยรวมของร้านนี้ก็ราคาอาหารอิตาเลียนหรู ๆ ทั่วไปล่ะครับ ถูกกว่าห้องอาหารอิตาเลียนในโรงแรม 5 ดาวส่วนใหญ่เล็กน้อย (แต่พวกในโรงแรมก็มักจะมีบัตรโรงแรมที่ลดเยอะ ๆ) ก็คือไปกินกันจริง ๆ จัง ๆ หน่อยไม่มีไวน์, ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็น่าจะคนละประมาณ 1,000 - 1,500 บาทได้ ประมาณนั้น

มื้อนี้ของพวกผมเริ่มต้นกันด้วย Bruschetta ที่จะเสิร์ฟให้คนละชิ้น (จริง ๆ น่าจะขอเพิ่มได้) คือปกติผมจะไม่ค่อยเขียนถึงขนมปังกินเล่นก่อนอาหาร หรือ Bruschetta อะไรพวกนี้สักเท่าไรหรอก เนื่องจากหลาย ๆ ร้านเหมือนจะทำมาอย่างนั้น ๆ อย่างนั้น ไม่ได้ใส่ใจรสชาติ ทำมาให้คนกินเล่นรองท้องเฉย ๆ แต่กับของร้าน Rossano's นี่ต่างออกไปครับ อร่อยจนอยากจะขอเพิ่มเลยทีเดียว (ถ้าไม่ติดเรื่องที่กลัวจะไม่มีพื้นที่ในกระเพาะกับอาหาร 6 อย่างสำหรับ 3 คนที่สั่งไปล่ะก็นะ)





อาหารจริง ๆ ในมื้อนี้เริ่มต้นด้วย Imported Italian Buffalo Mozzarella and Fresh Tomatoes, Black - Green Confit Olives and Sun Dried Tomatoes (Insalata con Bufalo Mozzarella, Pomodoro, Olive Confit - 350 บาท) หรือง่าย ๆ ก็คือ Capease Salad นั่นเอง สลัดมะเขือเทศกับชีสควาย จานนี้ ส่วนใหญ่ผมก็มักจะสั่งอยู่เสมอถ้าเห็นอยู่ในเมนู เพราะมันจะเป็นเมนูที่บ่งบอกความเป็นอิตาเลียนได้ดีสุด ๆ และใช้ทดสอบได้ค่อนข้างจะแม่นยำว่า ร้านอิตาเลียนร้านนี้ อาหารจานที่เหลือมันจะทำมาได้ดีมั้ย ซึ่งร้าน Rossano's แห่งนี้ก็เปิดตัวได้ดีมาก ๆ ครับ ตัวที่เด่น ๆ เลยก็คือตัวชีส Mozzarella ที่แบบ อร่อยมาก ชิ้นหนา ใหญ่ นุ่ม อร่อย อร่อยสุดในช่วง 1-2 ปีนี้ที่กินมาเลย แต่ว่ามันไปถูกลดทอนความอร่อยโดยรวมลงจากตัวมะเขือเทศที่ไม่ค่อยฉ่ำ ไม่ค่อยอร่อยเทียบเท่าตัวชีสเท่าไร แต่เหมือนกับตัวผัก green oak, red cabbage (รึเปล่า?) ที่ให้มาด้วยกันจะอร่อยกว่าตัวมะเขือเทศที่มันควรจะอร่อยเด่นกว่าซะแทน

จานต่อมาเป็น Home Made Ravioli Stuffed with Ricotta Cheese, Ham, Parmesan with Cream and Ham Sauce (Cappelletti Romagnoli alla Panna o Sugo di Carne - 330 บาท) - จานนี้อยู่ในรายการ Chef Special (ที่ไม่รู้เปลี่ยนบ่อยมั้ย แต่เมนูร้านนี้เป็นแบบกระดาษเสียบ ๆ ก็น่าจะมีการเปลี่ยนบ้างอะไรบ้างนะถ้าให้เดา) ก็เป็น Ravioli ที่อร่อยมาก ๆ จานนี้ครับ ไส้ใน ravioli ยัดตัวชีสและแฮมมา อร่อยโดยตัวมันเอง โดยไม่ต้องมีซอส หรือเครื่องมาแต่งก็ว่าได้ แต่นี่ยิ่งมีซอสครีม + แฮม และ Parmesan ที่โรย ๆ มาอีกแล้วด้วย โอย ยิ่งอร่อยเข้าไปใหญ่ครับ กิน Ravioli มาก็หลายร้าน ส่วนใหญ่ตัว Ravioli มักจะไม่อร่อย แต่จะได้ตัวครีมซอสช่วย แต่ของร้าน Rossano's นี่อร่อยแบบครบวงจรเลย







จานต่อมาเป็น Angus Beef Tartar Home Style - 600 บาท) จานนี้ไม่อยู่ในเมนู แต่จะอยู่ในกระดาน Chef Special (คือจะมี Chef Special อะไรเยอะแยะครับถามจริง) จานนี้พอสั่งแล้วทางร้านก็จะให้พนักงาน (ที่สามารถคลุก ๆ ปรุง ๆ ตัว beef tartar นี่กันได้ทุกคน) มาปรุงให้ข้าง ๆ โต๊ะ ตามสไตล์ beef tartar แท้ ๆ (รึเปล่า) ซึ่งผมเคยเจอที่ร้าน Indigo มาแล้วเหมือนกัน ตัว beef  tartare นี้พวกผมสั่งไปว่าให้ทำมาแบบจัดจ้าน ๆ หน่อยตามสไตล์คนไทย แต่เหมือนกับทางร้านจะทำมาจืดกว่าที่บอกไป ก็เลยต้องไปสั่งมาให้ทำมาอีกรอบ ซึ่งพอกลายเป็นว่าต้องไปคลุกเนื้อมาสองรอบแล้ว เนื้อมันก็เลยเหมือนจะแห้งไป ไม่ค่อยอร่อยแบบที่ควรจะเป็น ก็เลยทำให้รู้สึกว่าร้าน Indigo ทำได้ดีกว่า (และถูกกว่า) ไปโดยปริยาย แต่โดยรวม ๆ ก็อร่อยดีครับ เป็นความชอบส่วนตัวจากเนื้อดิบ ๆ เองอยู่แล้ว

Fillet Mignon Black and White 1. Topped with Bearnaise Sauce and Asparagus 2. Topped with Foie Gras and Truffle Red Wine Sauce (Filet Mignon a 2 Sapori - 760 บาท) - จานนี้ก็เป็น Chef Special อีกแล้ว และก็เห็นหลาย ๆ โต๊ะสั่งกัน ก็น่าจะเป็นอาหารจานเด็ดของร้านเค้าเหมือนกัน ตัว tenderloin หรือเนื้อสันในนั้นมา 2 ก้อนขนาดมาตรฐาน มาแบบ black and white ด้วยตัวซอสกับเครื่องที่โปะมาด้านบน ตัวเนื้อนั้น medium rare มาตามที่สั่งแบบเป๊ะ ๆ เลย (สมกับเป็นร้านที่พนักงานเค้าคุยไว้ว่าดังเรื่อง steak) เนื้ออร่อย หนา นุ่ม ไม่มีอะไรให้ต้องติ ขนาดเป็นเนื้อธรรมดา ๆ ไม่ใช่เนื้อ premium ๆ ของทางร้านนะเนี่ย ส่วนตัว foie gras ที่โปะมาในเนื้อสันในชิ้นนึง ก็พอโอเคอยู่ครับ อร่อยดี ติดแค่ว่าย่างมาซะจนผิวด้านบนมันเกรียมจนไหม้ดำไปหมด จนผมไม่ค่อยกล้ากิน ต้องติด ๆ ผิวออกไปแค่นั้น (เหมือนทางร้านกะทำมาให้ black สมชื่อ) ส่วนอีกชิ้นนึงก็จะใส่ white asparagus ชิ้นใหญ่มา ก็อร่อยดี เข้ากับเนื้อดี และก็พวก garnish ที่ให้มาก็อร่อยดี ไม่ได้แต่ง ๆ มาโง่ ๆ เหมือนบางร้านที่กินไปคำแรกก็ไม่ต้องกินแล้วไรงี้ จานนี้ ยอดเยี่ยมสมกับเป็น Chef Special ครับ








Black Ink Tagliolini with Lobster and Brandy Bisque Sauce (Tagiolini Neri con Bisque all' Aragosta - 400 บาท) - จานนี้เหมือนผมจะเคยกินของหลาย ๆ ร้านมาแล้ว ทำมาสไตล์ เส้นพาสต้าเรียว ๆ หมึกดำ ใส่ซอสมะเขือเทศ และก็มะเขือเทศลูกเล็ก อะไรประมาณนี้ แต่ของร้าน Rossano's นี่เด่นกว่าหน่อยตรงใส่เนื้อ lobster มา และไม่ได้ให้มาเป็นวิญญาณ ให้มาเยอะ เป็นชิ้นเป็นอันมาก จานนี้รู้สึกไม่ค่อยเด่นเท่าตัว Ravioli ก่อนหน้า เหมือนกับกินของร้านอื่นมันก็ทำมาได้ประมาณนี้ ๆ ทั้งนั้น อืม ตามนั้น

อาหารคาวจานสุดท้ายเป็น Fresh Imported from France "Sea Bass" Oven Baked in Rock Salt Crust - 700 บาท จานนี้ทางร้านก็จะเอาปลากระพงนำเข้าจากฝรั่งเศส (คือกระพงไทยไม่ได้ว่างั้น? ต่างกันตรงไหนอยากรู้ หรือกระพงไทยรึเปล่า ก็ไม่มีทางรู้ ฮ่า ๆ) ไปอบกับเกลือมาจนกลายเป็นก้อนเกลือก้อนนึง แล้วก็ค่อยมาเลาะ ๆ หนัง เลาะ ๆ ก้างออก เสิร์ฟเป็นเนื้อปลาอย่างเดียวให้เรา (จริง ๆ ก็เลาะไม่เนียนเท่าไรครับ มีก้างนับได้ 3-4 ก้างได้) จานนี้อร่อยอีกแล้วครับ อบมาดีมาก เนื้อสุกทั่วถึง รสเค็มจากเกลือซึมเข้าเนื้อปลาอย่างสม่ำเสมอ เนื้อปลาก็สดมาก ๆ กินแล้วเพลินดีสุด ๆ และตัว Garnish ของจานนี้ก็เช่นเดียวกันกับจาน steak ไม่ได้แค่แต่งมาเฉย ๆ แต่จงใจทำมาให้กิน เยี่ยมไปเลย






ของหวานในมื้อนี้เป็น Custard Tart with Caramel Fresh Figs Topped with Vanilla Panna Cotta (Tartino di Fichi e Panna Cotta - 240 บาท) ก็เป็นของหวานหนึ่งเดียวที่ผมไม่เคยกินมาก่อน จากของหวานประมาณ 15 อย่างที่ทางร้านมีให้เลือก โดยรวม ๆ ก็..อร่อยดีครับจานนี้ เพื่อนผม 2 คนเหมือนจะชอบกัน (ไม่ได้ถาม แต่เห็นกินกันเพลิน) ส่วนตัวผมเองก็ค่อนข้างโอเค ดีกว่าของหวานของร้านอิตาเลียนหลาย ๆ ร้านที่กินกันมา

สรุป ร้าน Rossano's ณ อโศก ซอย 3 แห่งนี้ก็เป็นร้าน ที่สมกับที่เปิดมา 30 ปีดีดักแล้วล่ะครับ (มีร้านอิตาเลียนในไทยร้านไหนเก่ากว่านี้อีกมั้ย?) องค์ประกอบทุก ๆ อย่างของร้านผ่านการบ่มเพาะ , กลั่นกรองออกมาจนกลายเป็นความสมบูรณ์แบบในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะรสชาติอาหาร, ความหลากหลายของอาหาร, บรรยากาศร้าน และการบริการ ทุกอย่าง top-notch จนผมก็งงเหมือนกันว่าผมพลาดร้านนี้มาตลอด 29 ปีได้อย่างไร ใครจะไปร้านนี้ก็จอง ๆ โต๊ะกันหน่อยละกันนะครับ เพราะร้านเค้าคนเต็มทุกวันจริงอะไรจริง หรือถ้าใครอยากประหยัดตังค์หน่อย ทางร้านก็มี set lunch ราคาประหยัดไว้บริการด้วยเช่นกันครับ



--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment