Saturday, March 23, 2013

Mei Jiang Peninsula Bangkok Review

Mei Jiang - Chinese Restaurant at Peninsula Bangkok Hotel Review

เหมย เจียง - ร้านอาหารจีน บุฟเฟ่ต์ ติ่มซำ โรงแรม เพนนินซูล่า ริมแม่น้ำ




Overall Score  9.5/10
Taste   4.5/5
Ambiance  5/5
Service  5/5
Value   3/5

Mei Jiang - Chinese Restaurant on BumRes.com (For more pictures and menu)



ห้องอาหารจีน เหมย เจียง หรือ Mei Jiang ก็เป็นห้องอาหารจีนหรูหราระดับโรงแรม 5 ดาวประจำโรงแรม Peninsula, Bangkok ที่ทุก ๆ อย่างนั้นละม้าย คล้ายคลึงกันกับห้องอาหารจีนในโรงแรม 5 ดาวอื่น ๆ แทบจะทุกประการ ไม่ว่าจะตัวบรรยากาศของทางร้านที่จะเน้นห้องส่วนตัวมากกว่า โต๊ะธรรมดาทั่วไป เพื่อเอาไว้ใช้เลี้ยงรับรองทางธุรกิจ หรือกินเลี้ยงทั่ว ๆ ไป , ขนาดของห้องอาหารก็มีขนาดไม่ใหญ่นัก ขนาดพอ ๆ กับห้องอาหารจีนอื่น ๆ ทั่วไป

การบริการของทางร้านก็ top-notch ไม่มีอะไรให้ต้องติตามประสาห้องอาหารในโรงแรม 5 ดาวเช่นกัน น้ำชาไม่เคยมีให้พร่อง จานชามไม่เคยมีให้ต้องมาบอกให้เก็บ การพูดการจาทุกอย่าง คือ ไม่รู้จะไปติอะไรอ่ะครับพูดง่าย ๆ คือไปกินอาหารระดับนี้ก็ควรจะได้การบริการอันดีเยี่ยมในระดับนี้ ถ้าต่ำกว่านี้ถึงจะค่อยมีมาให้บ่นกันอะไรประมาณนั้น

ใช่ครับ ผมไม่รู้จะเขียนอะไรเกี่ยวกับห้องอาหาร Mei Jiang แห่งนี้สักเท่าไรเนื่องจากว่ามันก็เป็นอะไรที่มาตรฐานสูงเหมือนที่อื่น ๆ ก็ขอเข้าตัวอาหารเลยละกัน ห้องอาหารจีนแห่งนี้ ตามปกติมื้อเที่ยงก็จะเน้นตัวติ่มซำ แต่จะเป็นแบบ a la carte ไม่เหมือนที่อื่น ๆ ส่วนมื้อเย็นก็จะเป็นอาหารจีน a la carte สไตล์  Modern Cantonese ที่หน้าตาอาหาร, รายการอาหารจะไม่ค่อยเหมือนกับภัตตาคารอาหารจีนเหลา ๆ ในกรุงเทพทั่วไปสักเท่าไร คือจะมีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เป็น signature dish ของตัวเองที่แบบคนที่อยากกินอาหารของร้านนี้ก็ต้องเดินทางมากินที่ร้านนี้เท่านั้น ซึ่งจะแตกต่างจากพวกร้านอาหารจีนที่มีอยู่ดาษดื่นตามบ้านเราทั่วไปที่จะ แบบคล้าย ๆ กัน เหมือน ๆ กันหมด แข่งกันด้านความสดของตัววัตถุดิบ (โดยเฉพาะตัว seafood) , ความใหญ่ของวัตถุดิบ ​(ขนาดของกุ้ง, ปู, ปลา อะไรพวกนี้) ส่วนรสชาติอาหารนั้นก็ไม่ค่อยหนีกันมาก ซึ่งแต่ละร้านก็จะมีแต่ละจานที่ตัวเองทำได้อร่อย ถนัด และโด่งดังต่าง ๆ กันไป แต่ก็ไม่ใช่ว่าห้องอาหาร เหมยเจียง แห่งนี้จะมีแต่อาหารที่รังสรรค์กันขึ้นมาเอง ก็มีอาหารที่แบบหากินได้ทั่วไปบ้างอะไรบ้าง แต่ถ้าให้เดา ผมว่าก็น่าจะมีการ twist โน่นนี่ ไม่ว่าจะด้านหน้าตาหรือรสชาติอาหารให้มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองบ้างล่ะ (คือไม่ได้สั่งพวกที่พบเจอตามที่อื่นอ่ะครับเลยไม่รู้ แต่เดาจากที่สั่ง ๆ ไปในมื้อนี้ก็น่าจะประมาณนี้)






แต่วันที่ผมได้ไปกินร้าน Mei Jiang แห่งนี้ ทางร้านเพิ่งจะมี Menu ใหม่ขึ้นมานามว่า Dim Sum - Bottomless Basket หรือประมาณบุฟเฟ่ต์ติ่มซำมื้อเย็นนั่นเอง โดยจะมีตัวติ่มซำให้เลือก 6 อย่าง ซึ่งอันนี้ก็ตามชื่อคือไร้ก้นบึ้งจริง ๆ สั่งได้เรื่อย ๆ แล้วก็จะมีพวกซุป, ข้าวผัด, ของหวาน ให้สั่งกันอีกคนละ 1 อย่าง ก็คือเป็นประมาณบุฟเฟ่ต์ลูกผสม ที่เหมือนเอาบุฟเฟ่ต์ติ่มซำไปผสานกับอาหาร course แบบตะวันตกนั่นเอง ราคาของตัวบุฟเฟ่ต์นี้ก็จะอยู่ที่ 999++ บาท ก็เป็นราคาที่เหมาะสมดีกับอาหารมื้อเย็นแบบจัดหนักดีนะครับ ก็รีวิวในมื้อนี้จะแบ่งเป็นตัว Dim Sum - Bottomless Basket นี่กับตัว a la carte ของทางร้านนะครับ จะได้อ่านกันง่าย ๆ เห็นกันง่าย ๆ

Dim Sum - Bottomless Basket

- ฮะเก๋า (Crystal Prawn Dumplings) - ฮะเก๋าอันนี้ชิ้นโตมาก ๆ ครับ แล้วก็ยัดกุ้งมาทั้งตัวในฮะเก๋าเลย เป็นฮะเก๋าที่อร่อย ประทับใจ คำโต กินแล้วแบบลืมพวกฮะเก๋าตามร้านอาหารจีนทั่ว ๆ ไปแบบลืมไปเลย กินอันนี้แล้วมันแบบได้ความเป็นฮะเก๋าจริง ๆ กว่ามาก เนื้อกุ้งอัดแน่น แป้งนุ่ม ๆ ฟินครับ
- ขนมจีบ (Traditional Siu Mai) - ขนมจีบอันนี้อาจจะธรรมดา ๆ ไปหน่อยไม่มีอะไรมาก แต่ก็เป็นขนมจีบคุณภาพ ที่กินได้ไม่รู้เบื่ออีกเช่นกัน
- ซาลาเปาหมูแดง (Barbecued Pork Buns) - จากที่คราวก่อนผมเคยกินหมูแดงของ afternoon tea ที่นี่ ก็เลยคิดเอาไว้ก่อนกินว่าเจ้าซาลาเปาหมูแดงนี่ต้องอร่อยแน่ ๆ ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นครับ เนื้อหมู texture กำลังดีไม่ได้ปั่นมาจนเละ ซอสผสมผสานเข้าไปในเนื้อหมูดี แป้งซาลาเปาก็นุ่ม คือยอดเยี่ยมอ่ะครับ
- เกี๊ยวปูเจี๋ยน (Pan-fried crabmeat dumplings) - อันนี้บอกตรง ๆ ว่าก่อนจะกินผมไม่รู้หรอกครับว่ามันคือเกี๊ยวปู เพราะหน้าตาและรสชาติมันเหมือนกับเกี๊ยวซ่าแบบญี่ปุ่นมากกว่า แต่แบบพอได้กินเข้าไปแล้ว อืม มันอร่อยจริง ๆ ครับ อร่อยจนอยากให้ร้านราเมน หรือร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีเกี๊ยวซ่าอยู่ในเมนู มาลองกิน แล้วลองเอาไปปรับใช้ดูว่า เกี๊ยวซ่าบ้าน ๆ รสชาติบ้าน ๆ ขอร้านพวกเขานั้นควรจะพัฒนาตรงไหนบ้าง อันนี้ อร่อยมากครับ ชอบกันทั้งโต๊ะ
- ขนมจีบเซี่ยงไฮ้ (Shanghainese Pork Dumplings with Shaoxing Wine) - อันนี้ก็เป็นอะไรที่แปลกหน่อย เป็นขนมจีบมาในสไตล์เซี่ยงไฮ้ หากินไม่ค่อยได้ อันนี้ค่อนข้างธรรมดา ๆ พวกผมไม่ค่อยชอบกันเท่าไร
- ซาลาเปาไส้ครีมนึ่งหรือทอด (Steamed or Deep-fried custard buns) - อีกหนึ่งซาลาเปาที่มีให้เลือก อันนี้ผมชอบมากกว่าไส้หมูแดงซะอีก ตัวแป้งซาลาเปา นุ่มอร่อยเหมือนกัน แต่ว่าตัวไส้นี่แบบทำมาได้ครีมมี่ ๆ มาก ๆ คือไส้แบบไม่ได้มาเป็นขุย ๆ ผง ๆ เหมือนตามร้านธรรมดา ๆ ทั่วไป แต่มาแนวเนื้อเนียน ๆ จนเกือบจะเละเป็นครีม กินไปแต่ละคำนี่แบบอืม อร่อยกว่าซาลาเปาไส้ครีมทั่วไปมากมายจริง ๆ









Soups

- ซุปประจำวันสไตล์กวางตุ้ง (Soup of the day traditional Cantonese-style) - ผมไม่รู้ว่าวันอื่น ซุปอันนี้เป็นซุปอะไร แต่วันที่ผมไปนั้นเป็นซุปไก่น้ำใส ประมาณซุปโสมเกาหลีอ่ะครับ เป็นซุปที่ไม่ค่อยมีรสชาติสักเท่าไร ตามแนวซุปเพื่อสุขภาพ บำรุงกำลังอะไรพวกนั้น ผมเฉย ๆ กับถ้วยนี้นะ แต่เพื่อน ๆ ผมไม่ค่อยชอบกัน เพราะแบบมันเหมาะเป็นซุปสำหรับคนแก่มากกว่า ประมาณนั้น
- ซุปข้นผักโขมกับเห็ดรวม (Braised spinach soup with chicken and mushrooms) - อันนี้อร่อยกว่าอีกถ้วยครับ ทางร้าน เหมย เจียง ให้ผักโขมมาเยอะ จนแทบจะแบบเหมือนกินผักโขมมากกว่าซุปเลย เนื่องจากปริมาณผักโขมที่มากมายนี้ ตัวซุปก็เลยแบบเป็นซุปที่เข้มข้นอรอ่ยดีมากเลยครับ จานนี้โอเคเลย






Rice & Noodles

- ข้าวผัดหยางโจว (Fried rice Yueng chow-style) - เหมือนกับว่าเจ้าข้าวผัดหยางโจวนี่จะกลายเป็นข้าวผัดมาตรฐานสำหรับร้านอาหารจีนไปแล้วนะครับ ทุกร้านมีเมนูนี้กันหมด และมันเป็นเมนูที่สามารถใช้แบ่งแยกได้เลยว่าร้านไหนเจ๋งไม่เจ๋ง เพราะถ้าร้านไหนอาหารอย่างอื่นอร่อยก็จะทำเจ้าตัวข้าวผัดหยางโจว นี่อร่อยด้วยเช่กัน ซึ่งของร้าน Mei Jiang นี่ก็เป็นแบบนั้นครับ ข้าวผัดอร่อยมาก ข้าวแห้ง ร่วน ให้เครื่องเยอะ และเครื่องก็ชิ้นใหญ่ เต็มเม็ดเต็มหน่วย เต็มปากเต็มคำ โอย ชอบ
- บะหมี่ผัดแห้งกับผักรวม (Stir-fried egg noodles with mixed vegetables) - อันนี้ก็ถือว่าเป็นผัดหมี่แบบแห้ง ๆ ที่อร่อยดีใช้ได้ครับ แต่ไม่รู้เนื่องด้วยข้าวผัดหยางโจวขั้นเทพ ถ้วยก่อนหน้านี้ด้วยรึเปล่า เจ้าหมี่ผัดแห้งอันนี้ก็เลยดูเหงา ๆ ไปโดยปริยาย






Desserts

- บัวลอยงาแปะก๊วยน้ำขิง (Sesame dumplings and ginkgo nuts in ginger tea) บัวลอยรสชาติดี ก้อนไม่ใหญ่ แต่อัดแน่นไปด้วยรสชาติดี ๆ น้ำขิงก็รสชาติไม่แรงมาก แต่ก็ยังมีความแรงของขิงอยู่ อร่อยครับ เป็นบัวลอยน้ำขิงที่ไม่ lame เลย ไม่เหมือนกับบางร้านที่น้ำซุปหวานไปจนไม่เป็นน้ำขิงบ้าง หรือไม่ก็ตัวบัวลอย มันเม็ดใหญ่ แต่ไส้ในเละ ๆ ไม่อร่อยบ้าง อะไรแบบนั้น
- พุดดิ้งมะม่วง (Mango pudding) - อันนี้ก็อร่อยครับ พุดดิ้งหวาน ๆ เนื้อเนียน ๆ มีเนื้อมะม่วงมาให้กินเคล้ากับตัวพุดดิ้ง กินถ้วยนี้ปิดท้ายนี่ฟินดีแท้เหลาเลยล่ะครับ






A la carte Dinner 

- ปลิงทะเลน้ำแดงกับเต้าหู้ซอสพริก (Braised sea cucumber with tofu in mild chilli sauce - 800 บาท) จานนี้แม้ว่าจะให้ตัวเนื้อปลิงมาน้อยไปหน่อย แต่แบบจากความแปลกของซุปที่ทำมาซะแบบเกือบ ๆ จะเป็นซุปไร้น้ำซุปไปแล้วคือน้ำซุปข้นมาก มันก็เลยทำให้แต่ละคำที่กินนั้นต่างจากตัวปลิงทะเลน้ำแดงที่ผมเคยกินมาที่จะเป็นซุปน้ำใสน้ำเยอะ ๆ พอสมควร ตัวปลิงนั้นให้มากับเห็ดหอม กับเต้าหู้ ในสัดส่วนที่ค่อนข้างจะลงตัว ๆ คือปลิงชิ้นนึงกินกับเต้าหู้และเห็ดรวม ๆ กันในคำเดียวก็จะหมดพร้อม ๆ กันไปพอดี จานนี้อร่อยครับ เป็นปลิงทะเลน้ำแดงสไตล์ใหม่ที่กินแล้วไม่อยากกลับไปกินสไตล์เก่าเลย คือแบบเก่ามันเหมือนจะกินแค่น้ำซุป แต่แบบนี้มันเหมือนกับได้อะไรมากกว่าน้ำซุปเยอะ







- ทอดมันกุ้งกับหอยเชลล์ (Pan-seared scallop, minced shrimp and crispy shanghainese cabbage - 620 บาท) - อันนี้เอาจริง ๆ มันไม่ใช่ทอดมันกุ้งเลยสักนิดเดียวครับ เป็นแนวพิซซ่าเกาหลีอะไรพวกนั้นมากกว่า คือหน้าตาตอนเห็นตอนแรกนี่คนละเรื่องกับทอดมันกุ้งที่พบเจอในบ้านเราจริง ๆ ตัดเรื่องหน้าตาออกไป รสชาติอร่อยมากครับ อันนี้ แป้งกรอบ ๆ เนื้อกุ้งกับหอยเชลล์ให้มากำลังดี กินแต่ละคำนี่ลืมทอดมันกุ้งแบบ traditional ในบ้านเราไปเลย (ตกลงมันคือทอดมันกุ้งสไตล์กวางตุ้ง?)

- ปลาหิมะทอดผัดพริกเกลือ (Deep-fried crispy fillet of snow fish with home-made dried shrimps and chilli salt - 680 บาท) จานนี้ก็เป็นอีกจานที่แปลก ไม่เหมือนร้านอื่น ๆ หรือเอาจริง ๆ ก็คือไม่เหมือนร้านไหน ๆ ที่เคยกินมาก่อนในชีวิตน้อย ๆ ของผมเลย จานนี้ก็อร่อยอีกแล้ว หรือเอาจริง ๆ คืออร่อยมากก็ได้ครับ ปลาหิมะแบบเอาไปชุบแป้งทอดมาทั้งชิ้นแล้วเอาไปทอดมาจนกรอบ แล้วก็รอยพริกเกลือมาเยอะมาก ๆ พอกินไปแต่ละคำนี่คือได้ทั้งรสชาติ, texture แบบที่ไม่เคยพบเจอในการกินปลาหิมะมาก่อนเลย คือมาแบบ เค็ม ๆ เผ็ด ๆ กรอบ ๆ นุ่ม ๆ แบบ โอ้โห ผสมผสานกันมาแบบลิ้นงงเลยว่าจะส่งสัญญาณประสาทไปที่สมองอย่างไรดี






- เนื้อออสเตรเลียผัดพริกไทยเสฉวน (Australian beef with szechuan pepper and spicy chilli oil - 800 บาท) ผมล่ะไม่อยากจะเขียนเลยว่าจานนี้มันก็อร่อยมากอีกแล้ว เพราะมันจะดูเชียร์ over ไปรึเปล่า แต่มันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เนื้อจานนี้นุ่มอร่อยมาก นุ่มจนแบบไม่รู้ว่าทำมานุ่มแบบนี้ได้ยังไง แต่ก็ไม่ได้นุ่มจนเนื้อเละ เนื้อเสีย  texture ไปแบบพวกที่ใส่ผงหมักเนื้อนุ่มมาเยอะ ๆ อะไรแบบนั้นครับ ตัวซอสจานนี้ก็เป็นซอสสไตล์เปรี้ยว ๆ เผ็ด ๆ น้ำเยิ้ม ๆ คือเอาจริง ๆ จานนี้ก็คล้าย ๆ เนื้อผัดน้ำมันหอยนี่แหละ แต่แค่เปลี่ยนเป็นเนื้อนุ่มขั้นเทพ กับซอสเปรี้ยว ๆ เผ็ด ๆ แทน อร่อยมากครับ

- แกะสันนอกเจี๋ยนซอสตะไคร้ (Lamb chops wok-seared with lemongrass sauce - 900 บาท) - จานนี้ผมรู้สึกดีใจมาก ที่จะสามารถมอบนิยามคำว่า กลาง ๆ ให้ได้แล้ว (หลังจากที่อร่อยมากมาทุกจาน) เนื้อแกะมาแบบไม่ค่อยแหล่มเท่าไร มาแบบออกแนวเนื้อไปตุ๋น, ไปต้มมา ไม่ได้ไปย่าง หรือไปทอดมา มันก็เลยแบบขาดความเกรียม, ความหอมของเนื้อไป เนื้อแกะก็ไม่ค่อยมันเท่าไร กินแล้วยังไม่ค่อยโดน ส่วนตัวซอสก็งั้น ๆ ครับรสชาติแปลก ๆ ไม่รู้ว่าต้องการจะชูรสด้านไหนกันแน่ ประมาณนั้น




สรุป ร้าน เหมยเจียง - Mei Jaing @ Peninsula Hotel, Bangkok แห่งนี้ แม้ว่าครั้งนี้จะเป็นการมากินครั้งแรกของผม แต่ก็เรียกได้ว่าประทับใจไปแบบสงสัยจะไม่รู้ลืมเลยก็ว่าได้ ทุกอย่างของทางร้านทำได้ประทับใจสุด ๆ ไม่ว่าจะบรรยากาศร้าน, การบริการ, รสชาติอาหาร, ความแปลกใหม่และ identity ของตัวอาหาร, ความคุ้มค่าของตัว course bottomless basket dimsum อืม อ่าน ๆ รีวิวนี้อาจจะเหมือนผมอวยมากไป ยังไงก็ลองไปดูกันละกัน สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบปากเห็นไม่เท่ามือคลำ สิบมือคลำไม่เท่าลองกินดูกันเอาเองนะครับบบบ




--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment