Thursday, February 7, 2013

Zuma St. Regis Valentine Day Review

Zuma - St. Regis Bangkok : Valentine Day Menu

เมนูวันวาเลนไทน์ ซูม่า เซนต์รีจีส ร้านอาหารญี่ปุ่น ซาซิมิ ซูชิ สาเก

Zuma - Japanese Restaurant on BumRes.com (For more pictures and menu)


For more yummy review of Bangkok restaurants please Click Here!




ในวันวาเลนไทน์ 2013 ที่จะถึงนี้ หลาย ๆ ร้านก็มี set menu สำหรับคู่รักไว้คอยบริการให้คู่รักไปสวีทวีดวิ้วกันนอกบ้านแบบเก๋ ๆ กันแทบจะทุกร้าน ร้าน Zuma - Modern Japanese Izakaya ร้านโปรดของผมแห่งนี้ก็มี Valentine Day Menu ไว้รองรับคู่รักคู่ต่าง ๆ เช่นกัน โดยรายละเอียดหลัก ๆ นั้นจะเป็น 12 course set menu ราคาคนละ 3,800++ บาท อาหารจะมีทั้งแบบที่กินแชร์กันบ้างหรือไม่ก็เป็นจานเดี่ยวของแต่ละคนบ้าง ก็มาลองไล่เรียงดูรายการอาหารอันสุดแสนจะอลังการงานสร้างของร้าน Zuma แห่งนี้กันไปทีละอย่างละกันนะครับ

เอ๊ะ ก่อนจะเข้าถึงเรื่องอาหาร ขอพูดถึงเครื่องดื่มของร้านนี้ก่อนละกัน คือสำหรับผมแล้ว ร้านอาหารที่จะเทพจริงนั้นนอกจากบรรยากาศของร้านต้องยอด, การบริการต้องเยี่ยม และรสชาติอาหารต้องเลิศแล้ว เดี๋ยวนี้มันจะมีอีก 1 factor ที่จะมาเป็นองค์ประกอบในการ differentiate ร้านดี กับร้าน ดีมาก เจ๋งโคตร ออกจากกันก็ด้วยเครื่องดื่มนี่แหละครับ เพราะถ้าร้าน ๆ นึงองค์ประกอบเบื้องต้น 3 ข้อจะเทพเพียงไร แต่ถ้าไม่มีเครื่องดื่มอร่อย ๆ ที่รังสรรค์มาเป็นของทางร้านเอง, เป็นสูตรของตัวเอง หาดื่มที่ไหนไม่ได้แล้ว มันก็เหมือนขาดอะไรไปล่ะเดี๋ยวนี้ ซึ่งร้าน Zuma นี่ผมพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าเป็นร้านที่มีเครื่องดื่มของตัวเองเป็นหนึ่งในร้านที่เจ๋งที่สุดที่ผมเคยลองมาเลย (รบกวนอ่านรีวิวฉบับก่อนหน้าของร้านนี้ประกอบ) ซึ่งวันที่ไปลอง Valentine Day Menu นี้ก็ได้ลองเครื่องดื่มใหม่ของทางร้านที่เพิ่งออกมาอีก 4 ตัว ประกอบด้วย

Old Fashioned Orange Habit (Black Nikka whisky, umeshu, candied orange and a hint of almonds)

Tokyo Dream (vanilla infused Suntory Kakubin whisky, umeshu, premium dry sake, lemon sorbet and fresh lime)

Mandarin Fizz (Brokers gin, Ichiko Mugi shochu, fresh mandarin, mandarin sorbet and fresh apple, topped with ginger ale)

Yuzu and Mandarin Cosmopolitan (Grey Goose Citron, fresh yuzu and mandarin, with a touch of cranberry)










ซึ่งทั้ง 4 ตัวนี้ก็เป็นอะไรที่เจ๋งเป้งไม่เสียชื่อร้าน Zuma อีกแล้ว ทั้ง 4 แก้วนี้หน้าตาน่าดื่มและก็รสชาติดีหมด และเหมือนกับว่า cocktail ใหม่ 4 แก้วนี้จะเน้นรสเปรี้ยว ๆ กันแทบทั้งหมด ซึ่งก็เป็นรสชาติหลักที่หลาย ๆ คนรวมทั้งสาว ๆ ชอบกัน อืม เมื่อรวมกับเครื่องดื่มที่มีให้เลือกแทบจะทุกชนิดบนโลกนี้ที่ทางร้านมีอยู่แล้ว และ Signature Cocktails แก้วต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ที่ผมได้ลองในรีวิวฉบับที่แล้วเข้าไปอีก ร้านนี้ คงยากที่จะหาใครที่จะมีเครื่องดื่ม อร่อย ครบครัน สวยงาม อลังการ มาต่อกรแล้วล่ะครับ

เข้ากันถึงเรื่องอาหารบ้าง ตัวผมเอง เคยกิน full course menu มาก็ไม่เคยกิน 7-8 อย่าง แต่แบบมางวดนี้ ทางร้าน Zuma จัดเต็มให้ถึง 12 course ซึ่งก็เรียกได้ว่าเยอะที่สุดในชีวิตที่เคยกินมาเลยล่ะครับ คือถ้าเพิ่มอีก 5 อย่างเป็น 17 course นี่ก็จะกลายเป็น 17 course classical French menu แบบเต็มรูปแบบเลยนะเนี่ย (ว่าแต่ในเมืองไทยมีที่ไหนมีเจ้า 17 course ที่ว่ามั้ยครับเนี่ยฮ่า ๆ) คือการกินอาหารแบบ course ๆ นี่ตอนแรกผมก็ไม่ชอบหรอกครับ ก็นะเป็นคนไทย โตมากับการมีอาหารกองอยู่เต็มโต๊ะ กินทุกอย่าง(แม่ง)พร้อม ๆ กัน แต่หลัง ๆ เริ่มได้กินอาหารพวก course ๆ นี้มากขึ้นก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมสัญชาติอาหารที่ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดของโลก ไม่ว่าจะอาหารฝรั่งเศส, อาหารอิตาเลียน หรือ อาหารญี่ปุ่นถึงจัดให้พวก full course menu แบบนี้เป็นที่สุดแห่งอาหารของพวกเขากัน เพราะว่า การกินอาหารแบบนี้มันจะทำให้ได้เพลิดเพลินกับอาหารในทุก ๆ รูปแบบของการปรุง (เท่าที่ทางร้านจะทำได้และนึกออก), ได้กินอาหารตามลำดับความเหมาะสม และทำให้ได้ความอร่อยของทุก ๆ อย่าง อย่างเต็มที่ (ไม่ใช่ว่าไปกินอะไรเผ็ดจี๊ดแล้วไปกินอะไรจืด ๆ แบบบ้านเรา แล้วของจืดก็กลายเป็นไม่อร่อยไปเลย), เครื่องดื่มที่จะมาช่วยชูรสอาหารก็จัดได้ง่าย pair เป็นจาน ๆ ไป รวมถึง ได้นั่งคุย นั่งสวีท เสวนา กับคนที่ร่วมโต๊ะกับเราได้อย่างเพลิดเพลินดีด้วย  ครับ ข้อดีมีเยอะ แต่อาจจะแค่ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการกินแบบของชาวเอเชียกันสักเล็กน้อยสำหรับการกินแบบนี้

อาหารอย่างแรกเป็น หอยนางรมจาก Kumamoto หรือจากที่ไหนในน่านน้ำญี่ปุ่นสักที่นี่แหละครับ ผมจำไม่ได้ และในเมนูก็ไม่ได้มีเขียนบอก อืม ก็อร่อยดี หอยตัวไม่ใหญ่ ปรุงรสมาเล็กน้อย ใส่เครื่องเคียงมาให้แล้ว เราไม่ต้องทำอะไรเลย มีหน้าที่หยิบเข้าปากอย่างเดียว






อาาหารอย่างที่ 2 ในมื้อนี้ก็เป็นอีกหนึ่งจานเบา ๆ เรียกน้ำย่อย กับ ปลากระพงขาวแล่บางกับซอสยูซูนำมันเห็ดทรัฟเฟิล (Sliced seabass with truffle oil and yuzu) จานนี้ก็ไม่อร่อยมากครับ ปลาสด ๆ คลุกมากับซอสเปรี้ยว ๆ เล็กน้อย แล้วก็มีไข่ปลาแซลมอนเอามาให้กินคู่กัน ก็เปิดประเดิมกระเพาะได้อย่างลงตัวดี

อาหารอย่างที่ 3 นั้นเป็น สลัดมิสุนะเสิร์ฟพร้อมกับไข่ลวกออนเซ็นและเกล็ดปลาแห้ง (Mizuna salad with slow cooked egg and bonito flakes) จานนี้อยากจะบอกว่า อร่อยมากครับ หน้าตาอาจจะดูเป็นสลัดกะโหลกกะลา บ้าน ๆ หากินที่ไหนก็ได้ แต่รสชาติที่ได้รับ มันไม่บ้านเลย มันล้ำลึกและอร่อยจนแบบ อยากจะขอสั่งเพิ่มอีกจานจะได้มั้ยอะไรอย่างนั้น






อาหารอย่างที่ 4 เป็น Sashimi ปลาดิบ - ปลาโกลเด้นอาย, ปลาทูหางแข็ง และปลาหมึก (Golden eye bream, shima aji and squid) ก็ประกอบด้วยปลา 3 อย่างที่อาจจะเป็นอะไรที่ไม่ค่อยพบเจอตาม sashimi 3 ชนิดตามร้านอาหารญี่ปุ่นบ้านเราสักเท่าไร (ส่วนใหญ่จะ Salmon, Tuna, Hamachi) การตกแต่งจานก็ทำได้สวยงามน่ากิน ส่วนความสดของปลา ความอร่อยของปลาก็ไร้ที่ติครับ คือร้าน Zuma เนี่ย ผมกิน Sashimi เค้ามา 3 ที (รวมครั้งนี้) ทุกทีก็ประทับใจทุกที แม้ว่าจะเป็นปลาบ้าน ๆ หรือไม่บ้าน ไม่รู้ทำไมเหมือนกันครับ ไม่รู้เพราะวัตถุดิบดี สด ของมาส่งทุกวัน หรือว่า เชฟเก่ง แล่เทพ อะไรก็ว่าไป รู้แค่ว่า ถ้าราคา Sashimi ของร้านนี้ไม่ได้แพงแบบที่เป็นอยู่ในเมนูปัจจุบัน ผมคงมากินเป็นร้านประจำไปล่ะ

อาหารอย่างที่ 5, 6, 7 เป็น Nigiri กับ Maki ผสม ๆ กัน ประกอบด้วย ข้าวปั้นหน้าแซลมอนลนไฟพร้อมไข่ปลาและหนังปลาย่างกรอบ (Zuma Nigiri Sushi) + ข้าวห่อปลาแซลมอนและอโวคาโด + ข้าวห่อสาหร่ายไส้สไปซี่ทูน่า (Spicy tuna roll) พร้อมด้วยเกล็ดเทมปุระ (Salmon avocado maki) เจ้าจานนี้ หน้าตาก็ไม่ได้อะไรมากหรอกครับ เหมือนร้านอื่น ๆ ทั่วไปเหลือเกิน แต่พอจับเข้าไปแค่นั้นล่ะครับ รสชาติมันคนละเรื่องกับที่คิดไว้เลย (อย่างนี้เค้าเรียกว่าโดนปลาหลอก) โอเคเจ้า Salmon Nigiri อาจจะไม่อะไรมาก หลาย ๆ ร้านทำได้อร่อยพอ ๆ กัน แต่เจ้า Maki บ้าน ๆ 2 อันที่ใครจะไปคิดว่ามันจะอร่อยนี่สิ ที่จริง ๆ แล้วมันโคตรอร่อยเลย อร่อยแบบเป็นเสียงเดียวกันทั้งโต๊ะเลยล่ะครับ






อาหารอย่างที่ 8 เป็น หอยเชลล์ฮอกไกโดย่างเสิร์ฟพร้อมซีอิ๊วหวานและซอสแอปเปิ้ลวาซาบิ (Grilled hokkaido scallops with grated apple and wasabi) จานนี้แม้ว่าหอยจะไม่ได้ตัวโตอลังการมาก เพราะเป็นหอยจากฮอกไกโด (หอยญี่ปุ่นจะเล็กกว่าหอยอเมริกาครับ ฮ่า ๆๆๆ) แต่ความเล็กก็ไม่ได้ทำให้ความอร่อยนั้นลดทอนลงไปแต่อย่างใด จานนี้รสชาติ ครบครันมาก หอยมาแบบ นุ่ม ๆ หวานเล็กน้อย ตามประสา scallop ชั้นดี และเคลือบมาด้วยความหวานของซีอิ๊ว และความเปรี้ยวและเผ็ดจากซอสเพิ่มเติม จานนี้มีให้ติอยู่อย่างเดียวคือ .. ให้เยอะกว่านี้ได้ป่ะเพ่

อาหารอย่างที่ 9 เป็น เทมปุระอลาสก้าเสิร์ฟพร้อมดาชิซอส (Alaskan king crab tempura with red chilli dashi) จานนี้ผมได้กินเมื่อคราวที่แล้วไปแล้ว ประทับใจจอร์จมาก ๆ งวดที่แล้ว มางวดนี้ความอร่อยความประทับใจก็ลดลงไปเล็กน้อยครับ ตามประสาการกินอาหารจานที่เคยกินมาแล้ว แต่ถ้าใครที่ยังไม่เคยกิน ระหว่างจะหลงใหลไปกับมันเหมือนกับที่ผมเป็นเมื่อคราวที่แล้วเอาล่ะครับ






อาหารอย่างที่ 10 เป็น  เนื้อวากิวย่างเสิร์ฟพร้อมวาซาบิสดและเกลืออาทิซัน (Robota grilled kamichiku wagyu with fresh wasabi and artisan salts) คราวที่แล้วผมมาจำได้ว่ากินเนื้อวากิวแล่บางยำ ๆ อะไรสักอย่างแล้วไม่ค่อยอร่อยเท่าไร มางวดนี้เห็นเมนูเนื้ออีกแล้วก็เลยคิดว่าคงไม่อะไรเท่าไร แถมหน้าตาที่ยกมามันก็แค่เนื้อย่างจิ้มแจ่วบ้านเราแค่นั้นนี่หว่า อะไรงี้ แต่พอกินคำแรกเข้าไปเท่านั้นแหละ OMFG! นี่มันเนื้อย่างที่อร่อยที่สุดในชีวิตนี่หว่า กินแล้วแบบตกใจมากครับว่าทำไมมันถึงอร่อยได้ขนาดนี้ คำแรกที่กินก็จิ้มซอสก็อร่อยล่ะ พอคำที่สองกินเปล่า ๆ ยิ่งอร่อยขึ้นไปใหญ่ คำต่อ ๆ ไปเลยกินเปล่า ๆ อย่างเดียวเลยครับ โอย พอเขียนถึงแล้วยังนึกถึงอยู่เลยครับ คนร่วมโต๊ะทุกคนชอบกันหมด

อาหารอย่างที่ 11 จริง ๆ แล้วควรจะเป็น หอยวีนัสในซุปมิโซะขาว (White miso soup with clams) แต่ว่าไม่รู้เพราะของหมด หรือว่าจะเปลี่ยนเมนูหรือว่าอะไรเลยกลายเป็น ปลาแบล็คค็อดหมักมิโซะเสิร์ฟพร้อมใบโฮบะ (Saikyo miso marinated black cod wrapped in hoba leaf) อาหารจานปลาอันแสนจะเลอเลิศที่ผมเคยได้ลิ้มลองเมื่อคราวที่แล้ว มางวดนี้ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ไม่ว่าจะตัวเนื้อปลาที่มาแบบสีอม ๆ เหลืองหน่อยเพราะไปผ่านการหมักมาถึง 3 วัน หมักจนรสชาติมันซึมเข้าไปในเนื้อปลาทั่วกัน และถูกห่อมาในใบโฮบะขนาดใหญ่ ที่ให้เรามาคลี่กันเอาเอง รสชาติคราวนี้ก็คล้าย ๆ จานที่ 9 ล่ะครับที่แบบกินครั้งแรกแล้วจะอร่อยกว่า แต่ครั้งนี้ก็ยังคงเยี่ยมอีกเช่นกัน บอกตรง ๆ จานนี้ยากที่จะหาจานปลานึ่งที่จะทำมาได้อร่อยขนาดนี้จริง ๆ









ของคาวจบลงไปก็ไปต่อกันที่ของหวานอีก 2 อย่างเป็น สตรอเบอรี่ครีมทาร์ตเสิร์ฟพร้อมกับไอศครีมโยเกิร์ต (Strawberry hokkaido cream tart with yoghurt ice cream) และ ราสเบอร์รี่ช็อคโกแลตมูสเสิร์ฟพร้อมกับข้าวพองอบกรอบและไอศครีมนมสด (Valentine day dessert - chocolate raspberry mousse, roasted rice biscuit and milk ice cream) ของคาวผมว่าทุกจานก็อลังการแล้ว มาเจอของหวานเข้าไปนี่อลังการยิ่งกว่าอีกครับ ส่วนรสชาติ เนื่องจากผมไม่ค่อยสันทัดในของหวานมากเลยบอกอะไรมากไม่ได้ และก็อิ่ม ๆ จากอาหารคาวทั้ง 11 อย่างที่กินเข้าไปแล้วด้วย แต่เหมือนกับคุณผู้หญิงทั้งหลายบนโต๊ะ จะชอบกันมากครับ กินกันจนเกลี้ยงทั้ง 2 จานเลย แล้วก็ระหว่างกินก็กรี๊ดกร๊าด อร่อยอย่างโน้นอร่อยอย่างนี้กันหมด ก็น่าจะเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความอร่อยได้ในระดับนึงล่ะมั้งว่ามั้ย?

ครับ Valentine Set Menu ของร้าน Zuma อันสุดแสนจะอลังการ งานสร้างแห่งนี้ก็มีรายละเอียดตามนี้แหละ ใครที่กำลังมองหาร้านไว้ไปสวีทหวานแหววกัน ร้านนี้ผมว่าก็เป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างจะ perfect เลยนะ อาหารอร่อย, อาหารสวย, บรรยากาศร้านดี romantic ๆ จะนั่ง al fresco dining หรือจะ air-conditioning ก็ได้ รวมถึงกินกันเสร็จ ดื่มกันหมด กรึ่ม ๆ ขึ้นไปเปิดห้องกันข้างบนต่อก็ได้เลยนะเนี่ย อิอิ (18+ ไปมั้ยเนี่ยประโยคหลัง)




--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment