La Tavola - Italian Restaurant at Reinaissance Bangkok Ratchaprasong Hotel
ลา ทาโวล่า ร้านอาหารอิตาเลียน โรงแรม เรเนซองส์ ราชประสงค์
Overall Score 8.5/10
Taste 3.5/5
Ambiance 5/5
Service 5/5
Value 5/5
La Tavola - Italian Restaurant on BumRes.com (For more pictures and menu)
ร้านอาหาร, ห้องอาหารอิตาเลียนในกรุงเทพนั้นแทบทุกร้านก็จะมี set lunch ราคาคุ้มค่า (อ่านว่า ถูกกว่ามื้อเย็นมากมายนัก ส่วนใหญ่ทั้ง set จะเท่ากับราคา a la carte มื้อเย็นหนึ่งจานพอดี หรือเผลอ ๆ ถูกกว่าก็มี) ไว้คอยบริการลูกค้ากันแทบทั้งนั้น แต่ถ้าบอกว่า set lunch ราคา 350++ ได้อาหาร 3 Course + ขนมปังกินเล่นดี ๆ ในโรงแรม 5 ดาว บรรยากาศเลิศหรู การบริการดับอ๋องล่ะ พอจะนึกกันออกบ้างมั้ยว่ามีที่ไหนที่ offer อะไรแบบนี้ให้เราบ้าง ติ๊กต่อก ๆ ๆ ๆ ใช่ครับ ผมนึกไม่ออกเลยสักที่เดียว ถ้าไม่ได้ลองที่ร้าน La Tavola - ห้องอาหารอิตาเลียนของโรงแรม Reinaissance Bangkok แห่งนี
โรงแรม Reinaissance แห่งนี้ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเปิดมานานแล้วรึยัง แต่จำได้ว่าตอนเด็ก ๆ ที่ขับผ่านเส้นเพลินจิตนี้แทบทุกวันก็ยังไม่เห็นโรงแรมนี้ผุดขึ้นมาเลย + บรรยากาศโรงแรมที่ตกแต่งได้สุดแสนจะ เลิศหรู เรเนซองส์สมชื่อ และทุกอย่างดูยังใหม่ ๆ ไปหมด + ห้องอาหารของโรงแรมนี้ที่ไม่ได้ได้ยินชื่อมาเป็นสิบ ๆ ปีแต่ได้ยินมาช่วงสัก 4-5 ปีหลังนี้ ผมก็เลยขอมั่วว่า โรงแรมแห่งนี้น่าจะเป็นโรงแรมใหม่เปิดมาได้ไม่นานเท่านั้น ส่วนตัวห้องอาหารของโรงแรมนี้ก็จะมีหลัก ๆ อยู่ 3 ห้อง Flavors - ห้องอาหารนานาชาติที่มีบริการอาหารครบวงจรหมดทั้ง seafood dinner, sunday brunch หรือ buffet แบบธรรมดา | Fei Ya ห้องอาหารจีนชื่อดัง ที่โด่งดังเรื่องเป็ดปักกิ่ง และห้องอาหารอิตาเลียน La Tavola ที่ผมกำลังจะรีวิวในฉบับนี้ อ้อ อีกอย่างนึงที่ผมรู้สึกว่าโรงแรมนี้น่าจะเป็นโรงแรมใหม่ก็เพราะว่าส่วนใหญ่ โรงแรมที่เปิดมาในช่วง 10 ปีหลังนี้ จะพยายามไม่มีห้องอาหารเยอะแยะ ครบทุกสัญชาติเหมือนโรงแรมสมัยเก่า อันนี้ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร อาจจะบริหารจัดการง่ายขึ้น, สร้าง concept ของโรงแรมให้ได้ตรงขึ้น หรืออะไรก็ว่าไป แต่ส่วนใหญ่แล้ว ห้องอาหารอิตาเลียนก็มักจะมีประจำโรงแรมสมัยใหม่ในยุคนี้อย่างน้อยสักห้องนึงนะครับ อาจจะเพราะเป็นอาหารยุโรปที่กินง่ายถูกปากคนไทย (กว่าอาหารอื่น ๆ ) ก็เป็นได้
ตัวห้องอาหาร La Tavola แห่งนี้ก็เป็นห้องอาหารอิตาเลียนที่ตกแต่งได้เรียบหรู แต่ก็งดงาม และเป็นห้องอาหารขนาดกำลังดี โต๊ะแต่ละโต๊ะ จัดที่เว้น ๆ ที่กันพอสมควร คือแบบค่อนข้างใช้ที่เปลืองพอตัวเลย แต่ก็แลกมาด้วยความเป็นส่วนตัว ความโอ่โถ่งของห้องอาหาร ที่ผมรู้สึกว่าทำไมมันดูดีกว่าหลาย ๆ ห้องอาหารอิตาเลียนช่วงหลังที่กิน ๆ มาก็ไม่ทราบ และก็การตกแต่งของที่นี่ดูเหมือนจะมีการเล่นพวกลวดลาย, ต้นไม้ อะไรซะเยอะครับ ซึ่งก็ไม่ค่อย(หรือไม่เคย) เห็นที่ไหนอีกเช่นกัน เลยยิ่งทำให้โดดเด่นขึ้นไปอีก บรรยากาศสุดยอดมากครับที่นี่ เหมาะแก่ทั้งการพาสาว ๆ มาเดท, มากินครบรอบแต่งงาน หรือพาลูกค้ามาเลี้ยงรับรอง หรือโอกาสพิเศษอะไรก็ว่าไป มาได้หมด แต่เท่าที่ผมสังเกตคือที่นี่จะไม่มีห้องส่วนตัว ซึ่งก็ค่อนข้างปกติเมื่อเทียบกับห้องอาหารอิตาเลียนส่วนใหญ่ที่ไม่ค่อยมีห้องส่วนตัว จะว่าไปทำไมห้องอาหารจีน, ญี่ปุ่น หรือแม้แต่ไทย มักจะมีห้องส่วนตัวกันทั้งนั้น ก็อันนี้ก็เป็นอะไรที่อยากรู้เหมือนกันนะครับเนี่ย
การบริการของ La Tavola นี่หายห่วงครับ บริการทุกระดับประดับใจสมมาตรฐานโรงแรม 5 ดาวมาก ๆ (ตอนผมไปไม่ค่อยมีลูกค้าด้วยมั้ง) ส่วนตัวอาหารก็ตามที่เกริ่นไปด้านบนครับ ถ้าเราไปตอนกลางวันก็จะมี set lunch ราคาประหยัด 350++ 3 course ไว้คอยบริการ ซึ่งตัว set lunch นั้นจะเปลียนไปวันต่อวัน ครบ 6 วันต่อสัปดาห์พอดี (ทางร้านหยุดวันจันทร์) ซึ่งจุดนี้ก็อาจจะเป็นข้อดีกับทั้งตัวลูกค้า ที่ไม่ต้องเลือก และก็สามารถไปกินได้บ่อย ๆ เพราะอาหารเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ รวมถึงตัวครัวก็เตรียมอาหารง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก ได้วัตถุดิบที่ดีที่สุดและทำออกมาได้ดีที่สุดแบบวันต่อวัน (ที่ Il Cielo - Dusit Thani ก็เป็นอีกที่ครับที่ใช้ concept เปลี่ยนอาหารไปทุก ๆ วันแบบนี้) ส่วนตัวมื้อเย็นก็จะเป็นอาหาร a la carte ทั่ว ๆ ไปเหมือนที่อื่น ๆ ครับ ราคาอาหาร set lunch นั้นแน่นอนประหยัดเว่อร์ ส่วนตัวมื้อเย็นนั้นก็มาตรฐานเช่นกัน คนละประมาณ 1000 - 1500 บาทโดยประมาณถ้ากินกันครบ course
set lunch ในวันนี้เนื่องจากได้รับเชิญไปก็เลยได้เป็น 2 set ของ 2 วันครับ เป็นของ Wednesday และ Saturday ซึ่งตัวแรกของทุก ๆ หมวดในรีวิวนี้ก็จะเป็นของวันพุธนะครับส่วนตัวหลังก็จะเป็นของวันเสาร์ ตัว appetizer ตัวแรกนั้นเป็น Minestrone della case (Vegetable minestrone with tomato cruoton) ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกันครับ ช่วงหลังมานี่ ไปกี่ร้านต่อกี่ร้าน ก็จะได้แต่ซุปผักน้ำใส ๆ ลื่น ๆ ๆ ๆ มาทั้งนั้น (คือแบบเป็นซุปมัดมือชกใน set อะไรแบบนั้น) และส่วนใหญ่กิน ๆ มาก็ไม่เห็นจะมีเจ้าไหนทำได้ดีทำได้อร่อยซักที ซึ่งกับของ La Tavola นี่ก็เช่นกันครับ ก็เป็นซุปผักธรรมดา ๆ ที่ถ้ามีให้กินก็กิน แต่ถ้าให้สั่งกินก็ไม่ขอสั่ง ไปสั่งพวกซุปเห็ด, ข้าวโพด อะไรพวกนั้นมากกว่า ซุปถ้วยนี้เป็นประมาณซุปน้ำมะเขือเทศผสมกับผักซอย ๆ มาครับ คนชอบผักอาจจะชอบ แต่ผมและผองเพื่อน 2 คนเป็นคนชอบเนื้อก็เลยค่อนข้างเฉย ๆ
Appetizer อีกจานนั้นเป็น Arancini Siciliani (Deep fried rice ball with black olive, mashed anchovies, tomato sauce) หรือประมาณก้อนแป้งทอดกินเล่น ๆ นั่นเอง จานนี้ก็เป็นอีกจานที่ค่อนข้างเฉย ๆ ครับ คือแบบแป้งกับข้าวทอดมาแบบไม่รู้ว่าต้องการอะไร กินแล้วเหมือนกินข้าวทอดมาไม่สุกดี และก็จืด ๆ ไม่ค่อยมีรสชาติครับ ตัวผัก, น้ำมันมะกอก และอะไรต่าง ๆ นา ๆ ที่ใส่มาก็ไม่มีรสชาติใด ๆ เหมือนจานนี้เป็นจานแห่งความจืดประมาณนั้นเลย ไม่รู้ว่าเชฟต้องการให้มันเป็นจานเบา ๆ เรียกน้ำย่อยรึเปล่าเลยทำมาแบบนี้
ตัว Main Course ของ set lunch ก็จะเป็น pasta ทั้ง 2 จานครับ จานแรกเป็น Spaghetti Aglio, Olio, peperoncino (Grilled tiger prawns, spaghetti with aglio oilio peperoncino) First Impression ต่อตัวพาสต้าของที่ La Tavola นี่ต้องบอกก่อนเลยว่าตัว portion อาหารนั้น มัน..เยอะ(ใหญ่)..มาก ใหญ่จนแบบถ้าเป็นผู้หญิงกินคนเดียวแค่พาสต้าก็คงอิ่มกำลังดีแล้วประมาณนั้นเลย ส่วนตัวสปาเก็ตตี้กระเทียม, หัวหอม และกุ้งใหญ่นี้ อร่อยดีครับ รสชาติแบบไม่จัดมาก เป็นรสประมาณกินกันได้ทั่วโลก แต่อาจจะไม่ถูกปากคนไทยเท่าไร เส้นสปาเก็ตตี้ต้มและผัดมาได้ดี เส้นแบบ al dante พอดีตอนกิน ไม่ใช่เส้นสปาเก็ตตี้แห้ง ๆ กะโหลกกะลาแบบบางร้านที่ทำไม่เป็นแล้วพยายามทำ ตัวกุ้งลายเสือก็แบบใหญ่ยักษ์มากครับ ซื้อตามร้านอาหารทะเลก็คงตัวละ 100 บาทได้แล้ว จานนี้ คุ้มค่า อร่อยดีทีเดียว
พาสต้าอีกจานนั้นเป็น Linguini Cremosa (Linguini with crab meat, leek, creamy tomato sauce) จานนี้ก็จะเป็นคนละสไตล์กับจานแรก ตรงที่จะเป็นแบบซอส ๆ หน่อย creamy ๆ หน่อย และก็รสชาติจะไม่จัดเท่า แต่จะแบบ soft ๆ , อิตาเลียน ๆ ดี จานนี้ก็เป็นอีกจานที่ทำได้ดีมากครับ เส้นลิงกวินี่ไร้ที่ติ ซอสก็รสชาติดี ให้เนื้อปูมาเยอะ และก็รสชาติกลมกล่อมกำลังดี ผมกับเพื่อนชอบกันน่าดูเลยจานนี้
ตัวของหวานจานแรกนั้นเป็น Panna cotta ai frutti di bosco (Vanilla panna cotta with berries compote) และเป็น Panna cotta ที่อลังการงานสร้างมาก ๆ ครับ คือเห็นหน้าตามาอลังการแบบนี้ งดงามแบบนี้ แน่นอนว่ารสชาติก็มักจะตามหน้าตาไปติด ๆ (บางเจ้าก็มีเหมือนกัน สวยแต่รูปจูบไม่หอม แต่ไม่ใช่กับที่นี่) อาจจะไม่ได้อร่อยเทพแบบบางร้านที่ผมเคยกินมา แต่ด้วยความเยอะ ความแปลกใหม่ และความหลากหลายในจาน ขนมอิตาเลียนจานนี้ถือว่าทำได้ดีมากเลย
ส่วนของหวานอย่างสุดท้ายนั้นเป็น Millefoglie (Strawberry Millefuille with whipped cream and balsamic) จานนี้รู้สึกว่าผมเพิ่งจะได้กินที่ร้าน Le Beaulieu มาหมาด ๆ จำได้ว่าค่อนข้างชอบ ซึ่งของร้าน La Tavola นี่ก็ทำมาได้อร่อยพอ ๆ กัน ไม่หวานมาก แป้งที่ห่อ ๆ มา 2 ชั้นก็กรอบ ๆ นุ่ม ๆ กินเข้ากันดีกับไส้ในและวิปครีมที่ให้มา
มื้อนี้จริง ๆ มี Main course อีก 2 จาน จานแรกเป็น Lasagnette aperta consugo d'anatra (Braised duck open face lasagna, duck confit, creamy parmesan cheese) - 420 บาท เป็นลาซานญ่าแนวใหม่ที่ผมไม่เคยเจอที่ไหนคือมาแบบ .. ไม่ได้ห่อมาเป็นรูปร่างลาซานญ่าอ่ะครับ มาเป็นแผ่นแป้งเปิด ๆ เลย แล้วก็มีโฟม ๆ ใส่มาด้วย (เป็นโฟมที่ดูน่ากินนะครับ) และก็มีขาเป็ดทอดมาด้วย จานนี้ทุกอย่าง อร่อยลงตัวมาก ไม่ว่าจะตัวแป้งลาซานญ่า, ตัวขาเป็ด ไม่รู้จะไปติอะไรครับ เป็นลาซานญ่าที่ทั้งแนว, ทั้งอร่อย, ทั้งบรรเจิด ที่สุดในช่วงหลังที่กิน ๆ มาเลย
ส่วน Main Course อีกจานนั้นเป็น Pesce all' acqua pazza (Roasted snow fish acqua pazza style - fresh vegetables, herbs, Prosecco wine, red pepper coulis) - 750 บาท ผมล่ะเสียด๊าย เสียดาย เสียดาย Delicious streak (ความอร่อยต่อเนื่อง) ของ 3 จานก่อนหน้า + เสียดายเนื้อปลาหิมะที่มาแบบชิ้นใหญ่ อวบอูม นึ่ง หรือ ซูวีดส์มาดีมาก ๆ เพราะเมื่อมันมารวมกับซอสมะเขือเทศ หรือซอสอะไรสักอย่างที่กะให้มากินด้วยกันกับเนื้อปลาแล้ว มัน.. ไม่อร่อยลงไปเยอะเลยครับ คือซอสมันแบบมะเขือเทศจ๋า แบบ จะ ketchup ก็ไม่ใช่ คือมันเป็นอะไรไม่รู้ครับ กินเนื้อปลาเปล่า ๆ ยังอร่อยกว่าเลย (ผมกับเพื่อนเห็นตรงกัน) ส่วนผักที่ให้มาในจานนี่ก็พอโอเคอยู่ครับ ช่วยทำให้จานนี้อร่อยขึ้น เฮ้อ เสียดาย
สรุป อาหารที่กิน ณ ร้าน La Tavola - Renaissance Bangkok Hotel ก็ถือว่าค่อนข้างประทับใจนะครับ อาจจะมีจานที่ lame ๆ ไปบ้าง แต่รวม ๆ แล้วถือว่าทำมาได้ดีกว่า ห้องอาหารอิตาเลียนช่วงหลัง ๆ ที่กินมาหลายห้องเลย เมื่อรวมกับราคาอาหาร set lunch ที่แสนจะถูกแสนถูก, บรรยากาศร้านที่เลิศหรูอลังการ, การบริการทีสุดยอดด้วยแล้ว ทำไมจะไม่ลองสละเวลามื้อเที่ยงของทุกท่านมากินอาหารอิตาเลียนดี ๆ กันสักมื้อ หรือสองมื้อ หรือ 6 มื้อ 6 วันกันบ้างล่ะครับว่ามั้ย?
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
No comments:
Post a Comment