Friday, January 4, 2013

Johann Bistro Bangkok Review

Johann Bistro - Modern French Restaurant at No. 88 Thonglor, Bangkok

โจฮัน บิสโทร ร้านอาหารฝรั่งเศส ทองหล่อ




Overall Score  /10
Taste   /5
Ambiance  /5
Service  /5
Value   /5

Johann Bistro - European (French) Bistro on BumRes.com (For more pictures and menu)



ในย่านทองหล่อ สวรรค์ของร้านอาหารประจำเมืองกรุงเทพฟ้าอมรของเรา แม้ว่าจะมีร้านอาหารอยู่เยอะมาก เยอะระดับที่กินสักเดือนนึงก็น่าจะกินยังไม่ครบทุกร้าน แต่ร้านอาหารส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหารญี่ปุ่น, อิตาเลียน หรือ อาหารไทย ซึ่งร้านที่จะรีวิวในฉบับนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นร้านอาหารฝรั่งเศสหนึ่งในไม่กี่ร้าน (ที่ผมนึกออก) ในย่านทองหล่อแห่งนี้ก็ว่าได้ (ร้านอื่น ๆ ที่นึกออกคือ Surface และ Little Beast) กับร้านที่มีนามว่า Johann Bistro แห่งนี้ ร้านนี้รู้สึกว่าจะเปิดมาได้ 1-2 เดือน (เขียนเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2556) ร้านตั้งอยู่ที่โครงการ No. 88 ตรงบริเวณทางเชื่อมระหว่างทองหล่อซอย 5 กับ ทองหล่อซอย 9 complex เล็ก ๆ ที่ตอนนี้กลายเป็น complex แห่งร้านอาหารไปเรียบร้อยแล้ว

ร้านนี้ผมไม่แน่ใจว่าตัวเชฟใหญ่ประจำร้านนั้นชื่อ Johann รึเปล่า รู้แค่ว่าเขาเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเชฟใหญ่แห่งร้าน Le Normandie - Mandarin Oriental ร้านฝรั่งเศสที่ขึ้นชื่อถึงความสุดยอดที่สุดใน South East Asia เรา  ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าตัวเชฟนั้นไปฝึกฝีมือที่ไหนมาก่อนที่จะมาเปิดร้านนี้รึเปล่า แต่แบบอ่านการ์ตูนทำอาหารมาเยอะ พ่อทำอาหารเก่งก็มักจะสอนลูกให้ทำอาหารตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วลูกก็มักจะเก่งไปโดยปริยาย ร้านนี้ก็เป็นอีกหนึ่งร้านที่ใช้คำว่า Bistro พ่วงท้ายชื่อ ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วผมก็ไม่รู้ว่ามันจะ Bistro ตรงไหนไม่ว่าจะความสวยงามของทางร้านที่ตกแต่งดูดี modern ๆ และใหญ่โตโอ่โถง, ราคาอาหารที่กินมื้อเย็นก็น่าจะคนละ 1000 บาทโดยประมาณ และอะไรต่าง ๆ นา ๆ ที่บ่งชี้ถึงความเป็น Restaurant ทั้งนั้น







ทางร้าน Johann Bistro นี่จะมีจุดเด่นอย่างนึงคือทางร้านจะมีวัตถุดิบแช่แข็ง (หรือไม่แช่แข็งด้วยไม่แน่ใจ) ซึ่งแบบเราสามารถไปเดิน ๆ ดูแล้วก็สั่งให้เชฟไปปรุงมาให้เราได้ถ้าเราสนใจตัวไหน ส่วนอาหารของทางร้านนั้นก็จะมี set lunch ราคาประหยัดไว้บริการลูกค้าที่ไม่ค่อยมีตังค์แต่ริจะกินอาหารฝรั่งเศสแต่ต้องฝ่าแดดฝ่าลมมากินที่ร้านตอนเที่ยงด้วย (แบบผม) โดย set lunch จะมี 2 courses 270++ บาท และ 3 courses 350++ บาท คือแบบเห็นราคาตอนแรกแล้วแอบตกใจครับว่ามันจะถูกไปไหน! หลัง ๆ นี่ผมก็กิน set lunch มาเยอะ เจอแต่แบบเกือบ ๆ พันแทบทั้งนั้นมาเจอราคาของร้านนี้เข้าไปนี่ก็ทึ่งรวมถึงแอบเซ็งพวกร้านอื่น ๆ ที่แบบจะตั้งราคากันมหาโหดไปไหน ส่วนอาหารมื้อเย็นหรือ a la carte นั้น ร้านนี้ก็มีให้เลือกค่อนข้างจะเหมือน ๆ ร้านฝรั่งเศสอื่น ๆ มีให้เลือกไม่เยอะนัก ราคาพวกที่ไม่ใช่ Main ก็ 200 - 300 บาท ส่วน Main ก็ 500 - 1500 บาทโดยประมาณครับ (ก็บอกแล้วมัน Bistro ตรงไหน)

อ้อ ร้านนี้พนักงานยังดูงง ๆ เรื่องลำดับการบริการ, การดูแลลูกค้าอยู่ครับ อาจจะเพราะเพิ่งเปิดร้านใหม่ ยังฝึกกันไม่นานพอ แต่เรื่องมารยาทการตกแต่งถือว่าชั้นดีครับ

เข้ากันที่ตัวอาหารกันเลย มื้อนี้เริ่มต้นด้วย Amuse-bouche (ของกินเล่นคำเดียวหมดจากเชฟ หรือ Chef's complimentary นั่นเอง) (คือแบบ set lunch ถูกแสนถูกแล้วยังจะมีขนมปังมาให้กินเล่น (อร่อยพอใช้ได้ด้วย) และมี Amuse-bouche นี่อีกนะ ยอดไปเลยคุณโจฮัน!) เป็นประมาณเนื้อปลาแซลมอนเอาไปใส่ในเยลลี่, เจลาตินครับ หน้าตาน่ากิน ส่วนรสชาติก็ยอดเยี่ยมครับ อร่อยดี แต่เสียดาย มันกิน 2 คำหมดครับ








อาหารจานแรกจริง ๆ นั้นเป็น Mixed salad with orange and ginger dressing จานนี้ก็ไม่มีอะไรครับ เป็นผัก สด ๆ เปล่า ๆ ปลี้ ๆ ผักหลัก ๆ นั้นเป็นผักอะไรไม่ทราบผมจำชื่อไม่ได้แล้ว คล้าย ๆ lettuce (oakleaf and redoak  รึเปล่า?) และก็มีผักอย่างอื่นเสริมมาเล็กน้อย และก็ราดมาด้วยน้ำสลัดเปรี้ยว ๆ เล็กน้อย จานนี้มันก็สลัด basic อ่ะครับไม่มีอะไรมาก และอาหารเรียกน้ำย่อยที่ตามมาอย่างที่ 2 คือ Soup of the Day อันนี้เป็นซุปผักครับ จำไม่ได้แล้วว่ามีผักอะไรบ้าง รสชาติก็กลาง ๆ ธรรมดา ๆ ผัก ๆ คล้าย ๆ ซุปเห็ดผสมซุปน้ำใสผักอ่ะครับจานนี้

อ้อ 2 อย่างแรกเป็น course แรกของ set lunch นะครับ อาหารจานต่อมาเป็น Pork Ravioli - 300 บาท เป็นอาหาร Special of the day (ร้านนี้เสิร์ฟอาหารตามลำดับที่ควรจะเป็นจริง ๆ ผมล่ะเซ็งเวลาไปกินร้านกาก ๆ แล้วแบบเสิร์ฟอะไรต่อมิอะไรมาไม่มี order แต่ดันอยากจะขายอาหารฝรั่ง) จานนี้หน้าตาดูดีมาแบบผู้ดี ๆ ravioli ชิ้นไม่ใหญ่มาก แต่ว่าแต่ละชิ้นอัดแน่นมาด้วยเนื้อหมูจนพูน และก็ซอสจะแบบข้น ๆ หน่อย ไม่รู้ส่วนผสมมีอะไรมากแต่เข้ากันดีครับตัวพาสต้ากับซอส แต่ทีเด็ดจริง ๆ นั้นเป็นมะเขือเทศลูกเล็ก ๆ ที่อยู่ในจานครับ มัน..อร่อยมาก อร่อยจนกลบรัศมีของตัว ravioli ไปเลย (ฮา) จานนี้ทำได้ดีครับ อร่อยชอบ






ส่วนจานถัดมานั้นเป็น Main Course ของ Set Lunch กับ Red mullet with ratatouille, zucchini and pesto จานนี้อร่อยสุด ๆ ผมชอบที่สุดในมื้อล่ะ ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าปลา Red Mullet นี่คือปลาอะไร แต่ดู ๆ แล้วมันคล้าย ๆ กระพงแดงบ้านเรา ซึ่งทางเชฟนั้นหั่นมาเป็น Fillet บาง ๆ (ถ้าหนา ๆ จะยิ่งเทพกว่านี้) และก็ไม่รู้ไปทำอะไรกับเกล็ด เกล็ดมาแบบเต็ม ๆ ผิวหนัง ไม่ได้มีขูดออก และก็ฟู ๆ คล้าย ๆ แบบเกล็ดมันขนลุกอ่ะครับ เจ๋งมากปลาเสิร์ฟทั้งเกล็ด ส่วนรสชาตินั้นก็สุดยอด ตัวเกล็ดนั้นจะคล้าย ๆ กินแป้งบาง ๆ ไม่ค่อยกรอบเท่าไรแต่กัดแล้วเหมือนได้รู้ว่ากัดอะไรเข้าไป ส่วนเนื้อปลาก็นุ่ม สด อร่อย ตัดกันเป็นอย่างดี โอยชอบมากครับจานนี้

Main Course ใน set lunch อีกอย่างนั้นเป็น Pork loin with potato, spinach and mustard sauce หรือประมาณหมูสามชั้นเอาไปนึ่ง หรือต้ม หรืออะไรสักอย่างแล้วก็เคลือบ ๆ ผงมาที่ด้านนึงให้ดูคล้าย ๆ หมูกรอบบ้านเรา จานนี้ผมค่อนข้างเฉย ๆ นะ เพราะแบบหมูมันไม่ได้อร่อยเท่าไร และก็ตัวผงที่คลุกมา, ตัวซอสที่ให้มา รสชาติก็บ้าน ๆ ไม่ได้เสิรมรสหมูแต่อย่างใดด้วย







อาหารจานหลักนั้นมีอีกอย่างซึ่งสั่งของเมนู a la carte มานั่นก็คือ Braised Wagyu Beef Cheeks marinated in Carbernet Sauvignon, presented with Carrot Puree and Market Vegetables - 650 บาท จานนี้ก็แบบถือว่าราคาไม่ค่อยแพงนะครับเพราะให้เนื้อแก้มวัวมาถึง 2 ก้อนขนาดกำลังดี หน้าตาก็เหมือนจานเนื้อตามร้านอาหารยุโรปทั่ว ๆ ไปครับจานนี้ เนื้อไปตุ๋นมาแล้วก็ราดซอสมา ซึ่งสิ่งที่แตกต่างกันส่วนใหญ่นั้นจะไม่ได้อยู่ที่หน้าตาแต่เป็นรสชาติหลังได้กินต่างหาก ซึ่งทางร้าน Johann Bistro นี่ผมถือว่าทำได้ดีกว่าหลาย ๆ ร้านครับ เนื้อแม้ว่าจะหนาแต่ก็นุ่ม อร่อยและตัวซอสก็รสชาติเบา ๆ แต่ก็เป็นรสที่ช่วยเพิ่มความอร่อยของเนื้อได้เป็นอย่างดี โอเคเลยครับจานนี้

ของหวานในมื้อนี้ปิดท้ายด้วย Mango shot และ Vanilla New Zealand Premium ice-cream (ไม่รู้ยี่ห้ออะไร) ตัว Mango Shot นั้นตอนแรกผมนึกว่ามาเป็นแบบแก้ว shot กินคำสองคำหมด แต่ที่ไหนได้มาในแก้ว cocktail เลย แล้วก็ทำมาแบบน่ากินดี ดูใส่เครื่องใส่อะไรมาเยอะดี รสชาติก็แบบมะม่วง ๆ ดีครับ กินแล้วสดชื่นดี แต่ยังไม่ถึงกับอร่อยมากจนอยากกินอีก ส่วนตัวไอศครีม ผมไม่รู้ว่ายี่ห้ออะไรนะ (New Zealand Natural รึเปล่า?) ก็อร่อยดีครับ อร่อยสมกับที่โพะคำว่า premium อยู่ด้านหน้า ระดับเดียวกับพวก Movenpick, Haggen Dazs อะไรเทือกนั้นเลยครับ







สรป มื้อนี้ค่าเสียหาย 2,330 บาทกินกัน 3 คน อาหารจริง ๆ ไปแพงเอาตัว a la carte 2 อย่างที่แค่นั้นก็ซัดไปพันต้น ๆ บาทแล้ว แล้วก็มีค่าน้ำแร่อีกขวดละ 60 บาท! (กินไป 4 ขวด อืม Bistro มากน้ำเปล่าขวดละ 60 บาท) เฮ้อ ผมก็สงสัยแต่แรกอยู่แล้ว set lunch มันจะถูกไปไหน มีตอดเล็กตอดน้อยอะไรแบบนี้นี่เอง แต่โดยรวม กับร้านอาหารฝรั่งเศสมื้อนึง จ่ายไปคนละ 800 บาทโดยประมาณก็ถือว่าไม่แพงมากว่ามั้ยครับ ร้าน Johann Bistro นี่ก็สมกับเป็นร้านของลูกชายเชฟ Le Normandie จริง ๆ ทุกอย่างมืออาชีพไปหมด ไม่ว่าจะรายการอาหาร, พนักงาน, บรรยากาศร้าน และที่สำคัญที่สุด รสชาติอาหารและความแปลกใหม่ของอาหาร ร้านนี้ก็น่าจะเป็นหนึ่งในร้านอาหารฝรั่งเศสที่จะผงาดอยู่ที่ทองหล่อนี่ได้ครับ ผมขอฟันธงเลย!

ปล. กาแฟร้านนี้อร่อยเว่อร์ครับ อร่อยกว่าทุก ๆ กาแฟที่ผมเคยกินมาตั้งแต่จำความได้เลย เพื่อนผมก็เห็นด้วยเช่นเดียวกันกับผม เพื่อนผมสั่ง Espresso - 90 บาท ผมสั่ง Hot Latte - 100 บาท ซึ่งอันนี้ไม่รู้เพราะสั่งตอนกินอาหารเสร็จแล้ว, ไปนั่ง al fresco dining หน้าร้าน สูบบุหรี่ไป กินกาแฟไปด้วยรึเปล่า มันเลยอร่อยเว่อร์ไปเลย!


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment