กอสซิบ ร้านอาหารยุโรป เมดิเตอร์เรเนียน ทองหล่อ ซอย 15
Overall Score /10
Taste /5
Ambiance /5
Service /5
Value /5
Gossip - French & Mediterranean Restaurant on BumRes.com (For more pictures and menu)
รีวิวฉบับนี้ก็เป็นอีกฉบับที่เป็นการ "กินตามดีล" ครับ กับร้าน Gossip ร้านอาหารสวย ๆ เก๋ ๆ แนว ๆ แห่งใหม่ (รู้สึกจะเปิดมาได้เดือน สองเดือน เขียนเมื่อวันที่ 8 Jan 2013) ตั้งอยู่สุดซอยทองหล่อ 15 ติด ๆ กับ J-Avenue (จอดรถได้ที่ J-Avenue ได้เลยครับ แต่ว่าก็อย่าไปคาดหวังอะไรมากกับลานจอดรถของที่นี่ครับ รถเยอะที่จอดรถเต็มตลอด อย่างวันที่ผมไปก็ไม่มีที่ ผมต้องไปจอดที่ท้ายซอยทองหล่อแล้วนั่งวินมา -*-) ร้าน Gossip นี้ตัวเจ้าของร้านนั้นเป็นเจ้าของเดียวกันกับโทนาฟ เอ๊ย (จะเล่นบ่อยมั้ย) กับร้าน Oskar Bistro - สุขุมวิท 11 ร้านที่ผมจับพลัดจับผลูได้ไปกินแบบไม่ตั้งใจ แต่ก็รู้สึกดีที่ได้ไปกินซะแบบนั้นแทน
ร้าน Gossip นี้บอกตรง ๆ ว่าพอเดินเข้าไปในร้านแล้วอะไรต่าง ๆ นา ๆ มันช่าง Deja Vu กับร้าน Oskar Bistro ซะเหลือเกิน ไม่ว่าจะลูกค้าของทางร้านที่มีแต่ expat เอ็กซ์แพท และ expatriate ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลกประหลาดเหมือนกัน เพราะร้านแถวทองหล่อนี่ผมกินมาก็เยอะ ไม่ค่อยจะเจอร้านที่มี expat เยอะอะไรแบบนี้เลย (ส่วนใหญ่มีแต่ญี่ปุ่นกับคนไทย) ซึ่งตรงจุดนี้ผมเดาว่าทางร้านน่าจะมีการประชาสัมพันธ์อะไรผ่านกลุ่ม expat ในไทย หรือไม่ก็พวก expat ในไทยเค้ามี webboard อะไรของเค้า เพราะว่าเวลาไปร้านไหนที่คนกลุ่มนี้เยอะ มันก็จะเยอะจริงอะไรจริง | บรรยากาศของทางร้านทีมีบาร์สวย ๆ เก๋ ๆ ตั้งอยู่กลางร้าน และก็เสียงเฮฮา ครึกครื้นของลูกค้าที่เนืองแน่นร้าน | การตกแต่งร้านที่แบบสวย ๆ แนว ๆ มี concept ในแบบของตัวเอง แค่แรกเจอทุก ๆ อย่างก็ล้วนบ่งชี้ถึงความเป็นลูกท้องเดียวกันระหว่าง 2 ร้านนี้ซะเหลือเกินครับ
อาหารของร้านนี้ผมไม่ได้ดูรายละเอียดมาก เพราะมื้อนี้ผมปล่อยให้เพื่อนผมจัดการหมดเลย (ทั้งซื้อดีล, เลือกอาหารที่จะสั่ง, จองโต๊ะ ฯลฯ) แต่เท่าที่ดูคร่าว ๆ แล้ว อาหารของร้านนี้ก็ดูเป็นแนว comfort food สไตล์ ยุโรปตอนล่าง , เมดิเตอร์เรเนียนอะไรเทือกนั้น ราคาอาหารก็จะเป็นอารมณ์ bistro ๆ หน่อย ๆ ไม่แพงมาก แต่ก็แพงเมื่อเทียบกับร้านอาหารบ้าน ๆ ก็มากินกันชิล ๆ มีเครื่องดื่มนิดหน่อยก็คนละ 1,000 - 1,500 บาทโดยประมาณละครับสำหรับร้านนี้ ร้าน Gossip นี่ก็คล้าย ๆ ร้านดี ๆ ร้านอื่นที่อาหารมีให้เลือกไม่ค่อยเยอะ ซึ่งไม่เยอะอาหารก็มักจะมีคุณภาพครับ ร้านพวก 200 - 300 เมนูทั้งหลายครับ ลองปรับเปลี่ยนและเปลี่ยนแปลงกันดูหน่อยมั้ยเอ่ย
ตัวรายละเอียดดีลของผมนั้นจะเป็น อาหาร 4 Course สำหรับ 2 ท่าน จากราคาเต็ม 2600 บาทลดเหลือ 999 บาทโดยประมาณ โดยจะสามารถเลือก appetizer 1 จาน, main course 2 จาน, ของหวาน 1 จาน และก็ cocktail คนละแก้ว (ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่ควรจะเรียกว่า 4 course นะเนี่ย) เนื่องจากมื้อนี้ไปกัน 4 คนใช้ 2 ดีล รายการอาหารก็เลยเป็น x 2 ของที่ว่าไปทั้งหมดครับ
Appetizer ในมื้อนี้นั้นมี 2 อย่างเป็น Hamachi Ceviche a la thai – rocket salad และ Duck bisque – foie gras wonton, porcini espuma, truffle croutons ตัวฮามาจินั้น ก็เป็นสลัดหน้าตาเก๋ ๆ น่ากิน มาในจานแนว ๆ ตัวรสชาตินั้นบอกตรง ๆ ว่ากินแล้วไม่ค่อยให้ความรู้สึกเป็นฮามาจิสักเท่าไร แต่ว่าก็เป็นสลัดที่รสชาติดีทีเดียวนะครับ ดีกว่าร้านอาหารฝรั่งหลาย ๆ ร้านช่วงหลังที่ผมกินมาเลย คือมันไม่ใช่แค่สลัดโง่ ๆ เอาผักมาสุม ๆ กันแล้วราดน้ำสลัดแค่นั้นอ่ะครับ มันมีอะไรมากกว่านั้น ซึ่งผมก็ไม่รู้อะไรมากเหมือนกัน ตัว portion มันน้อย บวกแย่งกันกินกัน 4 คนแปบ ๆ ก็หมดล่ะ ส่วนตัว Duck Bisque หรือซุปข้นเป็ดนี่ก็เป็นอะไรที่แปลกแหวกแนวเหมือนกัน พอเจอเมนูนี้เข้าไปแล้วก็เลยคิดว่าจริง ๆ แล้วเราสามารถเอาสัตว์ทุกอย่างมา Bisque ได้ทั้งนั้นเลยรึเปล่าเนี่ย (Mammoth Bisque อะไรงี้อีกหน่อย) แต่พอกินเจ้าซุปเป็ดนี่แล้วก็เลยเริ่มจะเข้าใจว่าทำไม ผมถึงไม่เคยเจอซุปอะไรนอกจาก Lobster Bisque เลยเพราะว่ารสชาติมันประหลาด ๆ ครับ มันคล้าย ๆ ซุปเห็ดข้น ผสมรสชาติเนื้อเป็ดหน่อย ๆ แล้วแบบน้ำมันก็แสนจะข้นคลั่ก กินแล้วเหมือนไม่ได้กินซุปแต่กินน้ำอะไรที่มันแบบ..ไม่ใช่ซุปอ่ะครับ ผมไม่ค่อยชอบซุปถ้วยนี้สักเท่าไร ไม่แน่ใจว่าเพื่อนอีก 3 คนชอบมั้ย แต่ก็เห็นมันหมดเกลี้ยงไปต่อหน้าในภายหลังก็เลยคิดว่าน่าจะชอบกัน (มั้ง)
Main Course ในมื้อนี้ก็จะมี 4 จานไล่เรียงกันไปเลยนะครับ
อย่างแรกเป็น Cod Fish en papillote – ratatouille, lemon beurre blanc เป็นปลาค็อด ที่ไม่รู้เหมือนกันว่าค็อดอะไร (แต่เนื้อเนียนมาก black cod หรือปลาหิมะเทียมรึเปล่านะ) ซึ่งแบบทำมาสวย ๆ ห่อตัวกระดาษมา แล้วพอเปิดออกมาก็เจอกับเนื้อปลาขาว ๆ เนียน ๆ โอบล้อมมาด้วยน้ำซุปสีจัด ๆ และกลิ่นหอมที่ซัดเข้าจมูก อืม แค่ไม่ทันกินก็รู้สึกชอบไปล่ะครับ ส่วนรสชาตินั้น ทำมาได้อร่อยดีมาก เนื้อปลาเนียนนุ่ม (ทางร้านน่าจะ Sous-vide มา) ซอสก็รสชาติแบบเมดิเตอร์เรเนียนดี มะเขือเทศ ๆ หน่อย กินรวม ๆ กันแล้วอร่อยดีมากครับ
จานที่ 2 เป็น Sicilian seafood couscous – Mediterranean vegetables, harissa broth จานนี้บอกตรง ๆ เห็นแว่บแรกแล้วผมแอบมีค้อนเพื่อนผมว่า "เลือกจานนี้ทำไม" เพราะผมเจ้า คูซ ๆ มาหลายต่อหลายร้าน ไม่เคยเจออร่อย ๆ สักกะร้าน และจานนี้มันก็หน้าตามาแบบ ไม่ได้แตกต่างจากร้านอื่น ๆ ที่เคยกินมาสักเท่าไร ดูมั่ว ๆ เละ ๆ สุม ๆ มาเหมือนกัน แต่สิ่งนึงที่ต่างคือร้านนี้มาแบบน้ำซุป, น้ำในจานเยอะหน่อย (ร้านอื่น ๆ ที่กินจะเป็นแบบแห้ง ๆ คูซ ๆ แห้ง ๆ อะไรพวกนี้) ซึ่งพอได้กินจานนี้ ต่อไปนี้ถ้ามีเจ้า couscous นี่ผมจะสั่งแบบที่น้ำเยอะ ๆ แบบนี้ตลอดล่ะ เพราะว่ามันอร่อยมากกก อร่อยกว่ากินแบบแห้ง ๆ แบบคนละเรื่องเลย คือแบบน้ำซุปรสเข้มข้นกับข้าวเม็ดเล็ก ๆ เละ ๆ นี่มันเข้ากันสุด ๆ ครับ อร่อยจนไม่ต้องไปกินพวก seafood ในจานเลยก็ยังได้ครับ
Main Course จานที่ 3 เป็น Braised veal & marrowbone – polenta, napolitan relish รู้สึกว่าเดี๋ยวร้านร้านอาหารฝรั่งหลาย ๆ ร้านจะพยายามเอาเจ้าส่วนไขกระดูกนี่มาเล่น, มาทำกันเยอะขึ้นเรื่อย ๆ นะครับ ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะมันดูแปลก, ดูแนว อีกส่วนนึงน่าจะเพราะว่ามันไม่มีราคาแต่มาทำให้มันมีราคาขึ้นมาได้! จานนี้ก็เหมือนกับไขกระดูกจานอื่น ๆ ที่กินมาครับ มีกระดูกมาให้เท่ ๆ ประดับจานเฉย ๆ แต่รสชาติหลัก ๆ นั้นมาจากอย่างอื่นในจาน ซึ่งในที่นี้ก็เป็นเนื้อลูกวัวตุ๋น กับอะไรสักอย่างที่คล้าย ๆ มันบดที่เป็นฐานรองมา ตัวเนื้อลูกวัวโอเคครับ อร่อยได้มาตรฐาน ส่วนตัวคล้าย ๆ มันบด ก็อร่อยดี อร่อยกว่ามันบด แต่ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร จานนี้ก็เป็นอีกหนึ่งจานที่ อร่อยกินเพลินครับ
Main Course จานสุดท้ายนั้นเป็น Grilled striploin (300G) – gossip fries, mushroom puree, purple béarnaise ซึ่งจริง ๆ จานนี้ไม่ได้อยู่ใน list รายการอาหารของดีลที่ผมเลือกมา แต่เนื่องจากเนื้อแกะที่จริง ๆ ควรจะได้มันหมดก็เลยได้จานนี้แทน ตอนแรกก็แอบดีใจครับที่ได้จานแพงกว่าเดิม และก็ยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นความอลังการงานสร้างของจานที่ยกมา แต่เมื่อได้ชิมเนื้อที่ย่างมาแบบเกือบ ๆ rare (ทั้ง ๆ ที่สั่งไป Medium Rare) เข้าไปหนึ่งคำใหญ่ ๆ แล้ว ความดีใจทั้งหลายแหล่ก็เป็นอันต้องอันตรธานหายไปครับ เพราะว่าเนื้อมันเหนียวมากกกก เหนียวจนแบบ ตัวผมที่ค่อนข้างมั่นใจในขากรรไกรตัวเองก็ต้องยอมแพ้ ต้องบ้วนเนื้อเก็บไว้ในกระดาษทิชชู่แบบเหนียม ๆ ไป คือตัวรสชาตินั้นโอเคเลย เป็นสเต็กอย่างดีเลย แต่แค่องค์ประกอบหลัก - ความนุ่มขอเนื้อ, texture ของเนื้อแค่นี้ล่ะครับ ที่มันไม่ผ่าน ซึ่งพอไม่ผ่านก็คือจบล่ะจานนี้ (แต่พอหั่นเป็นคำเล็ก ๆ ค่อยพอกินได้หน่อยครับจานนี้) (เห็นฝรั่งโต๊ะข้าง ๆ ผมไม่รู้ถูกใจจานนี้อะไรมากมาย สั่งกันไป 3 จาน หรือว่าขากรรไกรฝรั่งมันจะแข็งแรงกว่าคนเอเชียมากมายนักกันนะ)
ของหวานในมื้อนี้ก็มี 2 อย่างครับ อย่างแรกเป็น Raspberry soufflé – gossip compote, vanilla ice cream อันนี้ก็เป็น ซูเฟล ที่หน้าตาไม่อลังการเท่าชาวบ้านเท่าไร ไม่ฟูฟ่องเว่อร์ ๆ แบบบางร้าน แต่การทำอะไรให้มัน minimalist แบบนี้ส่วนใหญ่มันมักจะดีครับ ซึ่งซูเฟลถ้วยนี้ก็เช่นกัน รสชาติดี กินเพลิน ๆ เลย ส่วนของหวานอีกอย่านั้นเป็น Mascarpone cheesecake in a jar – pistachio macaroon, red berries จานนี้นี่สุดยอดเลยครับ เอาจริง ๆ มันก็คือ Tiramisu ที่ไม่ได้มีผลโกโก้, หน้าช็อคโกแลตผสม ๆ มาแค่นั้น แต่แบบรสชาติของ Mascarpone เยิ้ม ๆ ความหวาน, ความมัน, ความนุ่มมันคือ Tiramisu ชัด ๆ เลย จานนี้ก็เป็นอีกจานที่เยี่ยมครับ อร่อยจนอยากจะสั่งมากินเล่นอีกถ้วยจริง ๆ
จริง ๆ ร้านแนว ๆ Gossip - Thonglor แห่งนี้จะเป็นร้านที่จะมีเครื่องดื่มประเภท Cocktail เจ๋ง ๆ , แปลก ๆ , ร้านรังสรรค์เองกันอยู่เยอะ ซึ่งร้าน Gossip นี้ก็ไม่พลาดที่จะมีค็อคเทลชื่อเท่ ๆ แบ่งเป็นหมวดหมู่ตามความแรงความเบาให้เลือกกัน ซึ่งดีลที่ผมซื้อนั้นรวม cocktail ให้ด้วยคนละแก้วก็สั่งกันไปมี Sugar and spice , Racyrose , Wasteland Smack และ Flowers Fields spritzer ซึ่งทั้ง 4 แก้วนี้ผมก็ได้ชิมแค่ของตัวเอง (แก้วแรกสุด) ก็รสชาติโอเคนะครับ ไม่ได้อร่อยเว่อร์แบบร้านที่แบบผมกินแล้วประทับใจ งงว่าทำมาได้อะไรแบบเช่นร้าน Seven Spoons , Zuma อะไรพวกนั้น แต่ก็ดีกว่า Cocktail lame ๆ ของบางร้านล่ะครับ
มื้อนี้ ทั้งหมดราคาเต็ม 3,970 บาท แต่พอหักโน่นหักนี่ตามดีลแล้วทั้งหมดก็จ่ายไป 2176.55 บาท หรือลดไปประมาณ 40% ของราคาเต็มครับ ก็เรียกได้ว่าคุ้มดีอยู่นะ มื้อนี้กับร้าน Gossip นี่ผมค่อนข้างประทับใจในหลาย ๆ ด้านนะครับ ไม่ว่าจะตัวอาหาร ที่แบบ สวย, แปลก และอร่อย ราคาก็ไม่ค่อยแพงมาก | ร้านตกแต่งสวยดี บรรยากาศเหมาะแก่การไปนั่งเม้าท์ นั่ง gossip กันจริง ๆ แต่สิ่งนึงที่ผมว่าควรจะต้องปรับปรุงก็คือ ความล่าช้าของอาหารครับ อาหารช้ามากกกก แบบกว่าจะมาแต่ละจาน, แต่ละอย่างนี่รอกันจนเซ็งครับ ซึ่งมันอาจจะเป็น concept ของทางร้านที่แบบอยากให้ลูกค้านั่ง Gossip กันนาน ๆ รึเปล่าก็ไม่รู้ แต่บางทีการให้นั่งรออาหารนาน ๆ มันก็เซ็งเกินไปนะ แต่ร้านนี้ก็น่าจะเป็นอีกร้านที่ไปรุ่งล่ะครับ แหม่ Restauranteur เก่ง ๆ นี่ทำร้านไหนก็ออกมาดีหมดจริง ๆ นะครับเนี่ย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
No comments:
Post a Comment