Saturday, September 15, 2012

d'Orsay Portico Lungsuan Bangkok Review

d'Orsay - French Restaurant at The Portico Lungsuan Bangkok ดอร์เซ่ ร้านอาหารฝรั่งเศส เดอะ ปอร์ติโก้ หลังสวน Steak Moules Pasta สเต็ก พาสต้า เบียร์สด ไวน์




Overall Score  9/10
Taste   4.5/5
Ambiance  4/5
Service  4/5
Value   3/5

d'Orsay - French Restaurant on BumRes.com



ช่วงสักครึ่งปีก่อนหน้านี้ ผมจะตระเวณกินร้านอาหารฝรั่งเศสในกรุงเทพมาค่อนข้างมาก แทบทุกร้านจะ Fail ผมหมดในด้านรสชาติอาหาร ไม่ว่าจะเป็นร้านถูกร้านแพง, set lunch หรือ dinner หรือแม้แต่ร้านในตำนานที่หลายคนซูฮกกัน ผมกิน  ๆ มาก็ไม่เห็นจะถูกใจเจ้าอาหารสัญชาติที่ได้ว่า หรูหรา ประดิษฐ์ประดอยสัญชาตินี้สักที แต่พอช่วงครึ่งปีมานี้ มีหลายร้านที่ผมได้ไปกินและค่อนข้างชอบในรสชาติ ไม่ว่าจะเป็น Indigo - Convent Road ที่เพิ่งไปมาไม่นาน หรือ Chez Pape - Sukhumvit 11 ร้านอาหารฝรั่งเศสสไตล์ Bistro homemade ๆ เป็นต้น และกับร้าน d'Orsay ในรีวิวฉบับนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารฝรั่งเศสที่ทำให้ผมติดใจในรสชาติอีกแล้ว ร้านนี้จะเรียกได้ว่าเป็นร้านน้องใหม่ก็ได้ครับเพราะเพิ่งเปิดมาได้สัก 7 เดือนเอง (เปิดพร้อม ๆ กับห้าง The Portico community mall บนถนนหลังสวนนี่เลย) ร้านตั้งอยู่ที่ชั้น 3 มีทั้งส่วนห้องอาหารติดแอร์ด้านใน กับส่วน Terrace Open Air ด้านนอก ร้านบรรยากาศดี โอเคเลยครับ พนักงานร้านก็บริการใช้ได้เลย

ร้านนี้บอกตรง ๆ ว่าก่อนจะไปกินและมารีวิวนี่ ผมไม่ได้กะจะไปแต่อย่างใดหรอกครับ เพราะเคยเดิน ๆ ผ่าน ๆ ตอนเที่ยง ๆ บ่าย ๆ 2-3 ครั้งแล้วร้านโหรงเหรงมาก ไม่มีลูกค้าเลย และราคาอาหารก็แอบโหดแม้ว่าราคาใน menu จะเป็นราคาเน็ทแล้ว แต่ก็เป็นราคาเน็ทแบบโหด ๆ อยู่ดี แต่เนื่องด้วยสัก 1-2 อาทิตย์ก่อนหน้านี้ ผมเจอรีวิวร้านนี้ถึง 2-3 รีวิว และแต่ละรีวิวนี่ชมกันเปาะ ชมกันไม่หยุดปาก และพอดู ๆ รูปอาหารในรีวิวแล้ว อืม ก็เลยคิดว่าชวนเพื่อนไปโดนร้าน d'Orsay นี่ซักหน่อยดีกว่า








อาหารของร้าน d'Orsay นี่เท่าที่ถามเจ้าของร้านแล้ว ได้ความว่าเป็นอาหารฝรั่งเศสแบบรวม ๆ จากทุกย่าน ทุกถิ่นมา mix ๆ รวมกันลงในเมนู ส่วนระดับตัวร้านอาหาร ที่ร้านอาหารฝรั่งเศสนั้นจริง ๆ จะแบ่งเป็น 4 ระดับ Cafe < Bistro < Brasserie < Restaurant ซึ่งจากที่ถามพี่เจ้าของร้านว่าร้าน d'Orsay นี่อยู่ระดับไหน ตัวพี่เค้าเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ฮ่า ๆ (ให้ผมนิยามเองก็คง Restaurant แหล่ะครับ) ตัวอาหาร มีให้เลือกไม่ค่อยเยอะนัก ประมาณ 20 กว่ารายการ เป็นอาหารที่หลาย ๆ อย่างผมนึกภาพไม่ออกว่าหน้าตาเป็นยังไง ส่วนราคานั้นก็ตามที่พิมพ์บอกไปว่า "แพง" ครับ ก็ถ้ามากินกันอิ่มกำลังดี ราคาต่อหัวก็จะอยู่ที่ 1,000 บาทโดยประมาณครับ (ซึ่งก็ถือว่ามาตรฐานสำหรับร้านอาหารฝรั่งเศสในบ้านเรา)

มื้อนี้เริ่มต้นกันด้วยเบียร์สดเย็น ๆ ยี่ห้อ Schneider Weisse - Berline White Beer รสชาติดี ที่ผมนึกไม่ออกเหมือนกันว่าเคยกินยี่ห้อนี้มาแล้วรึเปล่า แต่ที่ชัวร์ ๆ คือนึกไม่ออกว่ามีร้านอื่นร้านไหนที่ขายเจ้าเบียร์ชื่อเท่ ๆ ยี่ห้อนี้ในกรุงเทพล่ะครับ ทางร้านจะมี Happy Hour วัน จันทร์ - อังคาร 17.30 - 21.30 ที่จะสั่ง 2 แถม 1 และวันอื่น ๆ จะถึง 19.30 น.ครับ ผมไปตอนเกือบ ๆ สองทุ่ม แต่โชคดีเป็นวันจันทร์ก็เลยโชคดีได้ 2 แถม 1 ไปสบาย ๆ  อ้อ เบียร์นี่ดูจะขายดีนะครับ ทุกโต๊ะที่ไปเห็นสั่งกันหมดเลย




อาหารจานแรกนั้นเริ่มต้นกันด้วย  Salade de gesiers avec Canard fume (Duck gizzards confit, smoked duck and potato - 295 บาท) หรือ สลัดเป็ดรมควัน, กึ๋นเป็ด กับผักแปลก ๆ ชนิดนึงซึ่งผมไม่เคยกินมาก่อน จานนี้ เป็นสลัดที่อร่อยดีครับ ส่วนใหญ่สลัดหน้าตาแบบนี้ มาแห้ง ๆ แบบนี้ มักจะมีน้ำสลัดเปรี้ยวจิ๊ด เปรี้ยวเกินไปจมอยู่ด้านล่าง แต่กับร้าน d'Orsay @ The Portico Lungsuan แห่งนี้นี่ไม่เลยครับ น้ำสลัดอร่อยดีมาก และตัวกึ๋นเป็ด กับเนื้อเป็ดรมควันก็ดี ไม่เหม็นคาว เนื้อนุ่มดี เรียกน้ำย่อยได้ชะงัดดีแท้ครับจานนี้

จานที่ 2 เป็นอาหารเด่นดังของทางร้านกับ Moules en persillade (Steamed mussels in pernod, garlic, butter and parsie - 890 บาท) หรือหอยแมลงภู่ฝรั่งเศส อบมากับ เนย, กระเทียม และ pernod, parsie ที่ผมไม่รู้ว่าคืออะไร คือก่อนจะสั่งเจ้าหอยอบหม้อนี่ ผมก็ไม่คิดหรอกครับว่ามันจะไปอร่อยอะไรนักหนา แต่พอได้กินคำแรกเท่านั้นแหละ โอ้วแม่เจ้า อร่อยเว้ยยยยยย ความรู้สึกมันเหมือนกับกินหอยสด ๆ ผสมกับการปรุงรสมาเป็นอย่างดีของทางร้าน d'Orsey ไม่ใช่แบบกินหอยนางรมสด ๆ ตัวใหญ่ ๆ แบบร้านฝรั่งเศสอื่น ๆ ที่กินมา ชอบครับ ผมกับเพื่อนอีก 2 คนนี่แทบจะจ้วงกันกินแทบไม่ทัน กินเจ้าหอยแมลงภู่ฝรั่งเศสนี่เสร็จแล้ว นึกถึงหอยกะพง ที่สมัยเด็ก ๆ จะได้กินบ่อย ๆ ครับ แกะเนื้ออกมาทีละ 4-5 ตัวและก็กินคำเดียว กับข้าวสวย โอย อร่อยนักแล สมัยนี้ ไม่รู้เหมือนกันเจ้าหอยกะพงตัวเล็ก ๆ นี่ทำไมมันหายาก ผมไม่ค่อยได้กินแล้ว







อาหารอย่างที่ 3 เข้าสู่ Main Course และเป็นอาหารที่ผมดูจากรีวิวอื่นมาก่อนจะสั่งกับ Filet Mignon d'Agneau aux herbes (Australian lamb eye of loin with its herbs crust - 945 บาท) หรือเนื้อสันในแกะหุ้มด้วยสมุนไพรนั่นเอง จานนี้หน้าตาน่ากินมาก รสชาติก็เลิศสุด ๆ ไม่ว่าจะตัวเนื้อแกะเองที่ไม่เหม็นคาวเลย และมาแบบ medium rare กำลังดี ตัวสมุนไพรที่ห่อมาก็กรอบ รสชาติดี เสริมรสเนื้อแกะเข้าไปอีก และผักต่าง ๆ ที่ให้มาในจานก็ สด อร่อย ไม่ได้ fail แบบบางร้านที่ถ้าทำ side dish, ผักเครื่องเคียงห่วย ๆ ใส่มาในจานแล้ว สู้อย่าทำมาจะดีกว่า อะไรแบบนั้น








จานที่ 4 เป็นอีกหนึ่งจานเนื้อ ๆ กับ Plat de Cote de boeuf mijote (45 hrs slow cooked Australian short rib in red wine 500 g - 1,025 บาท) จานนี้ เนื้อนุ่ม อร่อยมาก เนื้อด้านในยังแอบมีสีแดง ๆ ดิบ ๆ กำลังดีอยู่ด้วย ตัวซอส กับผักเครื่องเคียงในจานนี้คล้าย ๆ กับจานก่อนหน้า จะมีเพิ่ม walnut อร่อย ๆ เข้ามา จานที่แล้วอร่อยยังไง จานนี้ก็อร่อยระดับเดียวกันครับ เนื่องจากองค์ประกอบทุกอย่างแทบจะเหมือนกันหมดเลย แค่เปลี่ยนตัวเนื้อจากแกะมาเป็นวัว ซึ่งเนื้อทั้ง 2 จานคุณภาพยอดเยี่ยมทั้งคู่ครับ

จานที่ 5 และจานสุดท้ายในมื้อนี้กับอาหารคาว กับ Legine Australe Fumee (Pan seared Chilean seabass smoked with cherry wood - 675 บาท) หรือประมาณ เสต็กปลาหิมะ นั่นเอง จานนี้หน้าตางดงาม รสชาติ อร่อยล้ำ อีก 1 จาน เนื้อปลาหิมะ เนียน ขาวสวย นุ่มอร่อย กินกับ ผักและเห็ดสด ๆ ปรุงรสมาเล็กน้อยพอเป็นพิธี เข้ากันอย่างลงตัวครับ จริง ๆ จานนี้ถ้าแอบทำซอสราด ๆ เนื้อปลามาอีกสักนิดเดียว มันน่าจะอร่อยยิ่งกว่านี้อีกนะครับเนี่ย





มื้อนี้ปิดท้ายด้วยของหวานเป็น Profiteroles (195 บาท) ขนมที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจริง ๆ แล้วเป็นสัญชาติไหนกันแน่ แน่นอนครับ ของคาวทำมาได้อร่อยขนาดนี้ ของหวานถ้า Fail แบบน่าผิดหวังก็คงใช่ที่ (แต่ก็มีนะครับ ร้านที่อาหารคาว กับ ของหวาน นี่เหมือนมาจากคนละดาว) จานนี้เป็น Profiteroles ที่อร่อยดีทีเดียวครับ ทั้งตัวไอศครีม, ขนมปัง, ครีม และนำเสนอได้เท่ดีอีกต่างหาก

สรุป มื้อที่ค่อนข้างหนักของผมกับอาหารฝรั่งเศสที่ d'Orsay @ The Portico Lungsuan ก็เป็นอีกหนึ่งมื้อที่ประทับใจครับ ตอนนี้เริ่มมีความคิดที่ว่า "จริง ๆ แล้วอาหารฝรั่งเศสมันก็มีดีอยู่เหมือนกันนะ" ขึ้นมาล่ะ ก่อนหน้านี้ผมอาจจะเลือกร้านผิดไปเอง, เลือกมื้อกินผิดเอง, สั่งอาหารผิดไปเองก็เป็นได้ ที่แน่ ๆ ร้าน d'Orsay นี่ผมจะมาอีกรอบครับ รู้สึกติดใจในอาหารของร้านนี้ยังไงบอกไม่ถูกเหมือนกัน ย้าฮู




--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment