Wednesday, August 22, 2012

Little Beast Thonglor Bangkok Review

Little Beast - French & American Contemporary Restaurant & Bar at Thonglor soi 13, Bangkok ลิทเทิล บีสท์ ร้านอาหารฝรั่งเศส อาหารอเมริกัน ทองหล่อซอย 13 บาร์




Overall Score  8/10
Taste   4/5
Ambiance  4/5
Service  4/5
Value   3/5

Little Beast - French & American Restaurant on BumRes.com



ร้านที่จะรีวิวในวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งร้านเปิดใหม่ ณ ย่านทองหล่อกับร้านที่มีนามว่า Little Beast หรือ อสูรน้อย ร้านนี้มีที่มาของชื่อจาก ขนาดของร้านที่เป็นร้านขนาดเล็ก ๆ น่ารัก ตั้งอยู่ตรงบริเวณ Townhome, Officehome กลางซอยทองหล่อ 13 (เวิ้งเดียวกันกับร้าน Misoya Ramen) และอาหารของทางร้านที่จะเน้นขนาดจานไม่ใหญ่นัก เมื่อมี Little 2 อย่างแล้วชื่อร้านจึงกลายมาเป็น Little Beast ตามมา ร้านนี้เพิ่งเปิดทำการมาเมื่อวันที่ 13 July 2012 ที่ผ่านมา ณ วันที่ผมไปกินก็เพิ่งเปิดมาได้แค่เดือนนิด ๆ เอง ตัวร้านตกแต่งเป็นสไตล์บาร์แบบ Modern Classic มีส่วนบาร์และส่วนนั่งโต๊ะ ทางร้านจุคนได้ไม่ค่อยเยอะ ประมาณสัก 60 - 70 คนเมื่อรวมทั้งชั้นล่างที่มีทั้งส่วนนอกร้าน(แต่ติดแอร์) และส่วนโถงใหญ่ในร้านและ Loft ที่ชั้น 2 แล้ว ก็ถ้าจะไปก็จองโต๊ะหน่อยก็ดีครับ

อาหารของทางร้าน Little Beast นี้เค้านิยามตัวเองไว้ว่าเป็น French - American Cuisine ซึ่งผมก็เพิ่งจะเคยได้ยินหรือได้กินนี่แหละครับ เพราะส่วนใหญ่ร้านในไทยอาหารฝรั่งเศสก็มักจะเป็นลูกครึ่งกับอาหารอิตาเลียน ส่วนอาหารอเมริกันก็จะเป็นอเมริกันจ๋ากันไปเลย อาหารของทางร้านนี้จะมีให้เลือกไม่ค่อยเยอะ ประมาณ 20 อย่างแค่นั้น และจากที่อาหารแต่ละจานนั้นมี portion ไม่เยอะ เพราะทางร้านต้องการให้ลูกค้าได้กินอาหารเยอะ ๆ มากจานแทน จะได้ลิ้มรสความอร่อยแบบหลากหลาย ๆ ทำให้ถ้ามากันสัก 5-6 คนและแบ่ง ๆ กันกิน ผมว่ามามื้อเดียวก็น่าจะสั่งครบทุกเมนูแล้วล่ะครับ ซึ่งทางร้านก็เล็งเห็นตรงจุดนี้ก็เลยจะมีการเปลี่ยนเมนูอยู่เรื่อย ๆ ลองอะไรใหม่อยู่เรื่อย ๆ เช่นเดียวกันครับ

อิทธิพลที่ทำให้อาหารของร้าน Little Beast @ ทองหล่อ 13 แห่งนี้เป็นอาหารแบบ French - American Cuisine คงเป็นเพราะตัวเชฟใหญ่ประจำร้าน Chef Nan นั้นเคยเป็นแม่ครัวอยู่ที่ร้านที่ได้ Michelin 3 ดาวที่อเมริกามา 3 ร้าน (French Laundry , Per Se, Jean-George) และตัวเธอเองก็จบที่ CIA (ไม่ใช่หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯแต่เป็น Culinary Institute of America) มา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นเครื่องการันตีได้ว่าอาหารที่ทำมาจากปลายจวักของเธอนั้น น่าจะเป็นอาหารที่น่าจะสะกดคำว่าอร่อยได้อย่างไม่ยากเย็น (คือผมเพิ่งมารู้เรื่องนี้ตอนกินเสร็จแล้วครับ) คือถึงแม้ว่าอาหารของทางร้าน Little Beast นี่จะมี portion ที่เล็ก แต่ราคานั้นกลับไม่ได้เล็กตามไปด้วยนะครับ อาหารพวกเรียกน้ำย่อยจะอยู่ที่ประมาณ 180 บาท ส่วนพวก Main Course ก็จะอยู่ที่ 300 บาทโดยประมาณ ซึ่งถ้าเอาแบบให้คนแบบผม (ผู้ชายวัยฉกรรจ์) กินอิ่ม ก็คงต้องสั่งประมาณ 4 จานถึงจะอิ่ม ซึ่งเบ็ดเสร็จก็จะประมาณ 1000 บาทโดยประมาณพอดี!






มื้อนี้เริ่มต้นด้วย Appetizer 2 อย่าง อย่างแรกเป็น Char Plate 2 (220 บาท) คือทางร้านจะมีอาหารแบบกินเล่นให้เลือก 6 อย่างและสามารถนำมา combo กันได้พวกเราเลือกเป็น Salmon Rillettes กับ Raisin and Pistachio Pork Sausage หรือประมาณแซลมอนเอาไปอบกับแป้งกินกับขนมปังและก็อีกอย่างเป็นไส้กรอกวัวผสมนั่นเอง จานนี้ตัวไส้กรอกอร่อยดีครับ แต่เจ้า Salmon นั่นผมว่ามันแปลก ๆ จืด ๆ ไปหน่อย ส่วน Appetizer อีกจานเป็น Lamb Meatballs (Spicy sour cream, cucumber salad - 170 บาท) จานนี้อร่อยมากครับ ลูกชิ้นแกะ เกิดมาก็(น่าจะ)เพิ่งเคยกินนี่แหละครับ และมาพร้อมกับแตงกวาเย็น ๆ และน้ำซอสเปรี้ยว ๆ ทุกอย่างผสมลงตัวกันดีมาก อร่อยครับ

Main Course ในมื้อนี้มี  5 อย่าง ทุกอย่างจัดได้ว่าอร่อยหมด รวมถึงหน้าตาการนำเสนอเรียกได้ว่า สวย แปลกใหม่ เก๋ไก๋ สมกับที่เคยทำงานอยู่ร้าน 3 ดาวมาเลยล่ะครับ แต่ก็นะ อาหารแต่ละอย่างจานเล็กสม concept ร้านจริง ๆ ฮือ ๆ จานที่ผมชอบสุดใน Main คือ Pork Cheek Penne (Sauteed mushrooms, red wine cream sauce - 350 บาท) ตัวเส้นเพนเน่ แน่นอน al dante มาพอดี และตัวซอสก็รสชาติเยี่ยมสุด ๆ ออกเค็ม ๆ หน่อย ๆ เข้มข้นมาก ๆ และทีเด็ดที่สุดคือตัวแก้มวัวครับ เนื้อแก้มวัวนี่ไม่รู้ว่าทางร้าน Little Beast ได้ตุ๋นมานานแค่ไหน แต่มันนุ่ม อร่อยมากครับ ชอบ ๆ จานที่ชอบรองลงมาก็คือ Corned Beef Tongue (braised cabbage, potato coulis, mustard sauce - 330 บาท) จานนี้แบบสวยงามมาก เหมือนแบบดาวล้อมเดือนมาเลย โดยตัวเดือนก็เป็นลิ้นวัวที่(น่าจะ)อบมาแบบ medium rare พอดีเป๊ะ เนื้อนุ่ม อร่อย ชิ้นหนา ส่วนดาวก็เป็นแกนผักกาดแก้วนุ่ม ๆ กรอบ ๆ รสชาติเหมือนจะปรุง ๆ เค็ม ๆ มานิดและตัวมันฝรั่งเป็นก้อน ๆ ส่วนท้องฟ้านั้นก็เป็น มันฝรั่งบด เยี่ยมทีเดียวครับจานนี้ แต่เอาจริง ๆ รสชาติแอบจืดถูกปากฝรั่งไปหน่อยนะ






อีก 3 อย่างก็จะมี Chicken and Cous Cous (350 บาท) จานนี้เสิร์ฟมาแบบหยินหยาง ฟากนึงเป็น Cous Cous อีกฟากเป็นประมาณซุปไก่น้ำตื้นกับผัก ซึ่งฝั่ง Cous Cous นี่น่าจะเปลี่ยนเป็นข้าวอินเดีย หรือข้าวไทย หรืออะไรแทนนะ ผมว่ามันไม่ค่อยเข้ากับเจ้าตัวไก่ที่แบบลงชาติลงตัวอร่อยดี Main Dish อย่างที่ 5 เป็น Pork Belly (fresh corn polents, maple brown butter sauce -300 บาท) จานนี้รู้สึกช่วงหลัง ๆ ร้านอาหารยุโรปชอบนำเสนอแบบนี้ร้านที่ผมเคยเห็นก็มี Hyde & Seek - Gastro Bar กับ Smith @ Sukhumvit 49 จานนี้ผมว่า 2 ร้านที่ว่าทำได้ดีกว่า หมูร้าน Little Beast นี่มันไม่ค่อยนุ่มเท่าไร ยังไม่เปื่อยพอ รสชาติเนื้อหมูก็ดูยังไม่ค่อยเข้าเนื้อครับ ส่วนอย่างสุดท้ายเป็น Cheeseburger Sliders (300 บาท) จานนี้เรียกได้ว่าปิดท้าย Main Course ได้อย่างลงตัวครับเป็น Slider หรือเบอร์เกอร์ขนาดจิ๋วที่อร่อยดีทีเดียว กินเข้าไปคำเดียวทั้งก้อนนี่แบบรสชาติทุกอย่างมันผสมผสานกันลงตัวมากเลย ทั้งชีส, เนื้อ และ Bun แต่จริง ๆ อยากให้ทำตัวเนื้อร้อน ๆ มากว่านี้อีกหน่อยครับ คงจะอร่อยมากกว่านี้ขึ้นไปอีก






ของหวานในมื้อนี้ไม่ได้สั่งเนื่องจากดูไม่ค่อยน่าสนใจ แต่มีที่ต้องพูดถึงอีกคือตัว Cocktail ครับคือ Cocktail ของ Little Beast นี่ก็เหมือนกับร้านเก๋ ๆ มี style ของตัวเองร้านอื่นที่จะมี Cocktail ที่คิดสูตรขึ้นมาเองขายด้วย ซึ่งเท่าที่กินมานะครับ เจ้า Cocktail สูตรเด็ดของแต่ละร้านนี่ก็จะมักอร่อย รสชาติเยี่ยมในทุกครั้งที่สั่งอยู่ร่ำไป (จะมีบ้างที่ fail ๆ แต่น้อยมาก) ในมื้อนี้ผมสั่งไป 2 แก้วเป็น Made in Kentucky (Jim Beam Bourbon - Cinnamon - Pineapple - Citrus - Aromatic Bitters 280 บาท) , Femme Fatale (Smirnoff Black No.55 - Snow pears - Fragrant rosemary - citrus - granny apples adorned with an elderflower & white apple wine foam - 280 บาท) ทั้งสองแก้วนี้อร่อยดี หน้าตาดี เก๋ดีครับ คือจะว่าไปแล้ว การที่ร้านอาหารร้านนึงจะมีจุดดึงดูดลูกค้าได้ ก็อาจจะเป็นเจ้าตัว Signature Cocktail ของทางร้านนี่ล่ะมั้งครับ ขนาดผมผู้ชายยังชอบ สงสัยพวกผู้หญิงจะกรี๊ดกันแน่เลย

สรุปร้าน Little Beast @ ทองหล่อ 13 แห่งนี้ผมค่อนข้างประทับใจนะครับ อาหารอร่อย บรรยากาศเก๋ พนักงานบริการดี แน่นอนร้านนี้ต้องมีข้อให้ติ ซึ่งถ้าถามผมก็คงเป็นเรื่องราคาที่แพงไปนิด ซึ่งอาจจะเป็นเพราะทางร้านตีราคาตัวเองไว้สูง (ซึ่งก็อาจจะสมควร) และก็ร้านที่มืดไปหน่อย (อันนี้ไม่ค่อยเกี่ยวหรอกครับ เขียนไปงั้น มันถ่ายรูปไม่ค่อยสวย) และก็ถ้ารสชาติแบบปรับ ๆ ให้เข้ากับลิ้นคนไทยอีกสักนิดนี่คงยอดเยี่ยมไปเลยล่ะครับ








--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment