BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Friday, February 21, 2014

Never Ending Summer - Review

The Never Ending Summer - ร้านอาหารไทย ชิค ๆ กับอาหารไทยโบราณที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวในย่านคลองสาน



Overall Score  7.5/10
Taste   4/5
Ambiance  4.5/5
Service  4/5
Value   3/5

The Never Ending Summer - Thai Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)



ใครจะไปคิดใช่มั้ยครับว่าชื่อร้านอาหารเก๋ ๆ นามว่า Never Ending Summer นั้นจะเป็นชื่อร้านอาหารน้องใหม่ ณ ท่าเรือคลองสาน ย่านฝั่งธน ที่ขายอาหารไทยแท้ ๆ แบบไร้การ fusion อะไรโดยสิ้นเชิงเลย ผมเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยที่ได้ยินชื่อนี้ก็คงต้องคิดเหมือนกันว่าร้านนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งร้านคาเฟ่ในกรุงเทพฯ เราที่เปิดกันแบบค่อนข้างจะเกร่อเหลือเกิน ที่มาของชื่อร้านนี้นั้นเกิดจากการที่เมืองไทยเราเป็นเมืองร้อนมีฤดูอยู่ฤดูเดียวคือฤดูร้อน อาจจะร้อนมาก ร้อนน้อย ฝนตกมากหน่อย แต่สุดท้ายแล้วอากาศบ้านเรามันก็เป็นอากาศแบบ tropical เป็นหลัก (savanna climate ด้วยบางส่วน - ภาคอีสานบางท้องที่) ซึ่งเมื่อเขียนวลีซักวลีนึงที่จะบ่งบอกความเป็นไทยก็คือเมืองที่ฤดูร้อนไม่มีวันหมด - อกาลิโกเหมันตฤดู นั่นเอง

ร้าน Never Ending Summer แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ท่าเรือคลองสานสำหรับคนที่บ้านอยู่รามคำแหงแบบผมแล้วการเดินทางมายังร้านนี้บอกตรง ๆ ว่า "งงเป็นไก่ตาแตก" ไม่รู้เลยว่าจะมายังไง แต่สำหรับคนที่มาด้วยกันกับผมและมีบ้านอยู่ฝั่งธนนั้นกลับบอกว่าร้านนี้หาง่ายมากจะขับรถมาก็มีที่จอดสะดวกสบาย หรือว่าจะนั่งเรือมาก็ลงท่าเรือคลองสานแล้วก็เดินมาอีกเล็กน้อยก็จะเจอร้านแล้ว ก็คงต้องเชื่อคนบ้านอยู่ฝั่งธนเค้าล่ะครับว่าร้านนี้เดินทางมาง่ายจริง ๆ







ร้านนี้ได้ทำการดัดแปลงโรงน้ำแข็งเก่า ๆ ริมท่าเรือให้กลายมาเป็นร้านอาหารสุด chic แบบเปิดโล่ง เพดานสูง ออกแนวดิบ ๆ retro ๆ ไม่ค่อยมีความเป็นร้านอาหารไทยเลยสักนิดเดียว (บอกตรง ๆ ว่าผมเดินเข้าไปในร้านผมยังเดาไม่ถูกเลยว่าร้านนี้เค้าขายอาหาร ฮ่า ๆ รู้เอาตอนที่ดูเมนูนุ่นเลย) จุดเด่นของร้านนี้ก็คงเป็น open kitchen ขนาดใหญ่ที่ไม่ค่อยจะมีร้านอาหารไหนทำกัน ทำอย่างมากก็ open กันเล็กน้อยแต่ของที่นี่นี่คือเปิดโล่ง เห็นกันเต็ม ๆ เลย (ซึ่งผมว่าดีนะทำให้ครัวสะอาดด้วย, เห็นพ่อครัว/เชฟ ทำงานกันอย่างเพลิน ๆ ด้วยระหว่างที่รออาหาร) ผมเชื่อว่าใครที่มาร้านนี้น่าจะชอบบรรยากาศ/การตกแต่งของร้านนี้กันหมด เพราะผมกับคนที่ไปด้วยนี่ก็แบบนั่งมอง นั่งซึมซับบรรยากาศกันเพลินมากเลยล่ะครับ

ร้าน Never Ending Summer แห่งนี้เพิ่งเปิดทำการมาได้ประมาณเดือนเดียว (เขียนเมื่อกลางเดือนกุมภาษพันธ์ 2557) อะไรต่าง ๆ ของร้านก็เลยยังไม่ลงตัวนัก เช่น บัตรเครดิตก็ยังไม่รับ, ที่นั่งส่วน terrace ริมน้ำก็ยังไม่เสร็จดี, ระบบการจัดการออเดอร์อาหารก็ดูยังไม่ค่อยลงตัว แต่ถ้าถามว่าโอเคมั้ยสำหรับร้านที่เปิดมา 1 เดือน? ก็ตอบได้ง่าย ๆ เลยว่าโอเคมากเลยล่ะครับ






อาหารของร้านนี้ก็ตามที่เกริ่น ๆ ไปตอนแรกว่าจะเป็นอาหารไทยแบบแท้ ๆ ไทยโบราณ ไร้ซึ่งการ fusion เลยสักนิดเดียว อาหารบางอย่าง, วัตถุดิบบางชนิด บอกตรง ๆ ว่าผมไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย อาหารของร้านนี้ ณ วันที่ผมไปก็จะมีให้เลือกยังไม่ค่อยเยอะนัก อันนี้ไผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพอร้านเปิดไปเรื่อย ๆ แล้วจะมีอาหารเพิ่มขึ้นอีกรึเปล่า และนอกเหนือจากเมนูอาหารปกติแล้วที่ร้านนี้เค้าก็จะมีอาหารพิเศษประจำวันไว้คอยบริการด้วยเช่นกัน ราคาอาหารของร้านนี้ก็สาารถมองได้ 2 มุมมองล่ะครับ ถ้าคิดว่าเป็นอาหารไทยราคาก็อาจจะดูแพงไปนิดนึงเพราะเฉลี่ยอยู่ที 250 - 350 บาทต่อจานโดยประมาณ แต่ถ้ามองว่าร้านนี้เค้าก็เป็นร้านเก๋ไก่ บรรยากาศดี บริการดี คล้าย ๆ กับร้านอาหารฝรั่งทั่ว ๆ ไปที่มักตั้งราคาอาหารกันประมาณนี้ ราคาของร้านนี้ก็หาได้แพงแต่อย่างใดเลยล่ะครับ (แต่บอกตรง ๆ ว่ามันยากจริง ๆ ที่จะลบความรู้สึกเรื่องอาหารไทยราคาสูงออกไปจากหัวคนไทยได้ ผมเองก็คนนึงล่ะ)




มื้อนี้ก็มีอาหารทั้งหมด 4 อย่างครับมาไล่เรียงกันไปเลยดีกว่า

น้ำพริกลงเรือ-หมูวานไข่เค็ม 280 บาท: จัดจานมาได้อย่างเรียบง่ายตามสไตล์น้ำพริก แต่ก็มีความสวยงามแบบไทย ๆ แฝงอยู่ ผักที่ให้มาในจานนี้ก็เป็นผักที่พบเจอได้ในจานน้ำพริกทั่ว ๆ ไป มะเขือเปาะ, ถั่วฝักยาว, แตงกวา, ใบบัวบก, ถั่วพู แต่มีผักอยู่อย่างนึงซึ่งผมไม่เคยเห็นมาก่อน - ผักปลัง ที่หน้าตาดูน่ากินมากเพราะเป็นเหมือนกับดอกของต้นไม้ ส่วนตัวน้ำพริกก็ให้มาไม่ค่อยเยอะนัก ตัวหมูหวานที่ให้มาก็เข้าคู่กันดีกับผักและน้ำพริกดี จานนี้โดยรวมโอเคเลยครับเป็น appetizer แบบไทย ๆ ที่ลงตัวมากติดอยู่เล็กน้อยก็ตรงที่ผักผมว่าน่าจะฉ่ำกว่านี้สดกว่านี้ได้, ตัวน้ำพริกก็น่าจะให้มาเยอะกว่านี้หน่อย คือแบบน้ำพริกหมดตั้งแต่ตอนที่ผักเพิ่งหมดไปครึ่งจานเองครับ (ไม่รู้ขอเพิ่มได้รึเปล่า)











ต้มยำปลาทู 320 บาท: จานนี้บอกตรง ๆ ว่าแอบราคาแรงไปหน่อย ปลาทู 2 ตัว 320 บาท! จานนี้เสิร์ฟมาอย่างเก๋ไก๋ด้วยจานแก้วแบบสี่เหลี่ยมแบน ๆ ทำให้น้ำซุปนั้นท่วมตัวปลาอยู่แทบจะตลอดเวลา (ถ้าไม่ได้ซดน้ำซุปจนพร่องไปซะเยอะก่อนนะครับ) น้ำซุปรสชาติเป็นต้มยำแบบกลมกล่อมดี เปรี้ยว เค็ม เผ็ด มากันแบบลงตัว ไม่เหมือนกับต้มยำของร้านส่วนใหญ่ที่ช่วงหลัง ๆ ผมกินมานี่เจอแต่แบบเปรี้ยวจี๊ดอยู่ร่ำไป ปลาทูตัวใหญ่และสดดีครับ รวม ๆ แล้วจานนี้รสชาติดีมากครับ

ไข่เจียวดอกโสน 110 บาท: เป็นไข่เจียวที่ทอดมาแบบกรอบ ๆ ไม่ได้ใส่พวกเนื้อสัตว์สับมาเหมือนกับร้านอื่น ๆ แต่จะเน้นให้กินความกรอบ ความฟูของตัวไข่เจียวเป็นหลัก ส่วนดอกโสนก็เป็นอะไรที่ช่วยให้จานนี้หน้าตาสวยงามกว่าไข่เจียวปกติ ส่วนดอกโสนที่แทรก ๆ มาอยู่ในไข่เจียวก็ช่วยเพิ่มผิวสัมผัสแบบนุ่ม ๆ เล็กน้อยเข้าไปกับความกรอบของไข่เจียวได้อย่างลงตัวดี








แกงส้มดอกแคกุ้งสด 250 บาท: แกงส้มแบบใส่ดอกแคมาเยอะแบบนี้บอกตรง ๆ ว่าผมไม่เคยกินมาก่อนเลยล่ะครับ ตัวน้ำแกงส้มรสชาติดี เข้มข้น ๆ มาแบบเกือบจะข้นคลั่ก ๆ เลย ซึ่งน่าจะเป็นน้ำแกงส้มแบบแท้ ๆ แบบที่ควรจะเป็นกัน (แต่ช่วงหลังนี่ผมเจอแบบใส ๆ ลื่น ๆ ซะเยอะ ฮ่วย) น้ำแบบนี้กินกับข้าวสวยอร่อยดีมากครับชอบ ส่วนดอกแคนี่ก็ดูจะเข้ากับน้ำส้มดีเพราะมีพื้นที่ว่างข้างในด้วย และก็ดอกค่อนข้างใหญ่ด้วยแต่ละคำที่กินเข้าไปก็เลยดูดซับน้ำแกงไปเป็นอย่างดี กุ้งขาวที่ทางร้านให้มาในถ้วยด้วยก็ไม่ได้มีอะไรเด่นมากล่ะครับ ดอกแคกับน้ำแกงเด่นกว่า

สรุป ร้าน "ฤดูร้อนที่ไม่มีวันจบสิ้น - Never Ending Summer" แห่งนี้ก็เป็นร้านอาหารไทยแท้ ๆ ที่ทำหลายอย่างมาได้เหนือการคาดหวังของผมอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะบรรยากาศร้านอันแสนจะ ดิบและไฉไล เหลือเกิน, อาหารของร้านที่ไทยแท้ ๆ และมีวัตถุดิบแปลก ๆ exotic ๆ หลายอย่าง ใครที่อยากจะลองอาหารไทยแท้-ไทยโบราณ ในบรรยากาศร้าน chic ๆ contrast กับอาหาร ก็มาลองกันดูได้ครับร้านนี้




--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

Thursday, February 20, 2014

Feast - Sunday Brunch Buffet at Royal Orchid Sheraton Bangkok Review

ดื่มด่ำกำซาบกับ Sunday Brunch ราคาคุ้ม ๆ ณ Feast - Royal Orchid Sheraton



Overall Score  8.5/10
Taste   4/5
Ambiance  4/5
Service  4/5
Value   4.5/5

Feast - International Buffet Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)



ห้องอาหาร Feast ณ โรงแรม Royal Orchid Sheraton แห่งนี้หลาย ๆ ท่านอาจจะไม่คุ้นหูกันแต่ถ้าพูดว่าห้องอาหาร ETC by the River หลาย ๆ ท่านน่าจะเคยได้ยินกันเพราะว่าห้องอาหารบุฟเฟ่ต์แห่งนี้เปิดกันมาเนิ่นนานแล้ว เปิดมาพร้อม ๆ กับโรงแรมที่มีอายุรวม 30 ปีเข้าไปแล้ว ซึ่งสาเหตุที่ห้องอาหารนี้เปลี่ยนชื่อเมื่อประมาณกลาง ๆ ปี 2013 ที่ผ่านมาก็เพราะว่าทาง Sheraton สำนักงานใหญ่มีคำสั่งลงมาว่าห้องอาหารบุฟเฟ่ต์ของทางโรงแรมต้องใช้ชื่อว่า Feast (แปลว่างานเฉลิมฉลอง ซึ่งก็เหมาะกับชื่อห้องบุฟเฟ่ต์ดีนะครับ) ทั้งหมด ก็เลยทำให้ที่นี่ต้องเปลี่ยชื่ออันแสนจะคลาสสิคและคุ้นหูผู้คนให้กลายเป็นชื่อ Feast เหมือนในปัจจุบัน

ห้องอาหารแห่งนี้ก็คล้าย ๆ กับห้องบุฟเฟ่ต์ตามโรงแรม 4-5 ดาวที่อื่น ๆ ล่ะครับ โดยตัวบุฟเฟ่ต์ก็จะมีทั้งมื้อเที่ยงและมื้อเย็นและถ้าใครไม่อยากกินบุฟเฟ่ต์ก็สามารถมาสั่งอาหารแบบ a la carte ได้เช่นเดียวกันเพราะว่าที่นี่ก็เป็นเหมือน all-day-dining ของทางโรงแรมอยู่แล้ว ซึ่งมื้อที่เราจะมารีวิกันในครั้งนี้ก็จะเป็นมื้อที่ยิ่งใหญ่อลังการที่สุดของที่นี่กันกับมื้อเที่ยงวันอาทิตย์หรือ Sunday Brunch ที่จะมีจัดกันทุกวันอาทิตย์ (แหงสิ) ตั้งแต่เวลา 11.30 น. – 15.00 น. (ถือว่าให้เวลาค่อนข้างเยอะนะครับ) และราคาจะอยู่ที่ 1,780 บาทสุทธิ รวมเครื่องดื่มผลไม้ ส่วนถ้าใครที่ขาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับมื้อดี ๆ มื้อพิเศษไม่ได้ก็เพิ่มเงินกันไป 800 บาทก็จะได้เบียร์สด, sparkling wine และ house wines มาดื่มเคียงคู่อาหารกันไปด้วยได้อย่างไม่อั้น






ก่อนจะเข้าถึงตัวอาหารก็ขอพูดถึงบรรยากาศของร้าน Feast – Royal Orchid Sheraton Bangkok แห่งนี้กันก่อนละกัน ห้องอาหารนี้เป็นห้องที่ค่อนข้างใหญ่ โดยที่นั่งหลัก ๆ นั้นจะอยู่ด้านในอาคารและเป็นห้องแอร์มีทั้งแบบโต๊ะใหญ่ ๆ สำหรับครอบครัวใหญ่ และโต๊ะขนาด 4 ที่นั่งสำหรับคนมาเป็นคู่หรือว่าครอบครัวเล็ก ๆ ส่วนถ้าใครที่ไม่อยากนั่งในห้องแอร์แต่อยากจะไปนั่งรับลมริมแม่น้ำเจ้าพระยาก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยที่นั่งส่วน al fresco dining ที่จะอยู่ตรง terrace ของโรงแรมนี้ก็จะมีโต๊ะให้นั่งอยู่อีกประมาณ 10 โต๊ะได้ แต่แน่นอนว่าตอนที่ผมไป – เที่ยงวันอาทิตย์ แดดเปรี้ยง ๆ ไม่มีใครนั่งตรงที่นั่งส่วนนี้แน่นอน -*- ที่นี่มีสิ่งที่พิเศษกว่า Sunday Brunch ของหลาย ๆ ที่คือจะมีสนามเด็กเล่นย่อม ๆ (kid’s playground) ที่จะมีคุณพี่ตัวตลกมาค่อย entertain หนู ๆ มีปั้นลูกโป่งให้ อะไรแบบนี้ ส่วนผู้ใหญ่ก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากันครับ จะมีนักมายากลหล่อตี๋ผู้นึงคอยเดินเล่นกลกับลูกค้าอยู่เรื่อย ๆ สร้างความเพลิดเพลิน, พักให้กระเพาะย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี

ตัว Sunday Brunch ของที่นี่เค้าเคลมตัวเองเอาไว้ว่า Sunday Brunch featuring the best seafood selection in Bangkok เรามาดูกันว่ามันเป็นตามที่เค้าเคลมมั้ย ก็ขอแบ่งรีวิวเป็นไปตามซุ้มต่าง ๆ ตามแบบที่ผมเคยเขียน ๆ มาละกันนะครับเพราะเข้าใจง่ายดี และก็ถ้ามาตามกินก็จะได้หาอาหารเจอกันได้ง่าย ๆ โดยขอเริ่มตั้งแต่ทางเข้าห้องอาหารก่อนเลยละกัน






ซุ้มอาหารฝรั่งและอาหารเย็น ๆ : ก็จะมีไลน์อาหารที่ค่อนข้างมาตรฐาน มีซีซาร์สลัดให้เราทำเอง, มีพวก cold cut แบบต่าง ๆ, ham แบบต่าง ๆ, ชีสแบบต่าง ๆ และก็พวกอาหารอิตาเลียนแบบเย็น ๆ เช่น caprese salad, แซลมอนรมควัน, สลัดปูอัด อะไรประมาณนี้ ซุ้มนี้มีของอย่างนึงที่น่าตกใจคือตัวโถที่เอาไว้ใช้คลุก caesar salad ทางร้านใช้เป็นชีสก้อนใหญ่มากเอามาทำเป็นโถให้เราคลุกกัน ซึ่งจากที่ดูแล้วเจ้าโถนี้นี่น่าจะใช้กันมาหลายปีมาก ๆ แล้วดูขลังและเท่มากเลยล่ะครับ ข้าง ๆ ซู้มอาหารฝรั่งเย็นนี้ก็จะมีซุ้มน้ำผลไม้หลากหลายชนิดให้เราเลือกสั่งกัน โดยจะมีทั้งน้ำที่วางเอาไว้เรียบร้อย เช่น น้ำส้ม, น้ำแอปเปิ้ล, น้ำแคนตาลูป หรือเราสามารถสั่งให้ bartender เค้าผสมน้ำให้เราแบบตามใจฉันได้ด้วยเช่นกัน

ซุ้มอาหารนานาชาติแบบครัวร้อน : อาหารในซุ้มนี้ก็จะเน้นหนักไปที่อาหารทะเลเป็นหลัก อาหารที่โดดเด่นที่สุดเลยก็คงเป็นตัว lobster thermidor ที่มีวางไว้ให้เราหยิบกันได้แบบไม่อั้น ซึ่งอันนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่โดดเด่นมากเพราะว่าที่อื่นส่วนใหญ่ในราคาระดับนี้ (หรือแพงกว่านี้ด้วย) มักจะมีโควต้าให้แค่คนละครึ่งตัวเท่านั้นเอง , ในซุ้มนี้จะมีซุ้มย่อยอยู่ซุ้มนึงติด ๆ กันนั่นก็คือซุ้มอาหารอินเดียที่จะมีอาหารอินเดียแบบมาตรฐาน ๆ 4-5 อย่างให้เราตักกัน (ผมจำชื่อเรียกไม่ได้ว่าแต่ละอันคืออะไร) ซึ่งอาหารอินเดียนี่ผมได้ลองครบหมดที่ทางร้านมีให้ รสชาติดีนะครับ กินแล้วแบบหอม ๆ เครื่องเทศ รสชาติจัดจ้านดีแท้ และแน่นอนว่าซุ้มครัวร้อนจะไม่มีพวกอาหารย่าง (roast) แบบชิ้นใหญ่ ๆ ก็คงไม่ได้ อาหารพวกนี้จะเตรียมไว้แล้วเราแค่ไปสั่งให้เค้าแล่เป็นชิ้นเล็ก ๆ เท่านั้นก็จะมี roast beef, ซี่โครงแกะ, หมูย่างอบน้ำผึ้ง, ปลากะพงตัวเขื่อง ๆ ซุ้มนี้ดูแล้วเป็นซุ้มที่ลูกค้าค่อนข้างให้ความสนใจกันมากครับ













ซุ้มของหวาน: ซุ้มของหวานของที่ Feast - Royal Orchid Sheraton แห่งนี้ที่โดดเด่นที่สุดเลยก็คงเป็นไอศครีมที่เป็นตู้ไอศครีมแบบจริงจังกันเลย (เป็นหนึ่งใน Sunday Brunch ไม่กี่ที่ที่มีตู้ไอศครีมจริงจัง) ไอศครีมของที่นี่ผมไม่แน่ใจว่าเป็นแบบทำเองรึเปล่า (homemade ice-cream) เพราะเห็นเป็นป้ายชื่อร้านผูกไว้กับรสไอศครีม 12 รส ที่ไม่ค่อยจะพบเจอรสเหล่านี้สักเท่าไร ไอศครีมของที่ Feast แห่งนี้เค้าอร่อยดีครับ พวกผมจัดกันไปหลายถ้วยเลย ส่วนของหวานอย่างอื่น ๆ ก็ค่อนข้างจะมาตรฐานครับ มี chocolate fondue ทั้งแบบ dark chocolate และ white chocolate , มีเค้กแบบต่าง ๆ และผลไม้ local หลากหลายชนิด (สับปะรด, ชมพู่, แตงโม, มะม่วง)

ซุ้มอาหารญี่ปุ่น: เป็นอีกหนึ่งซุ้มที่ค่อนข้างจะฮอตฮิตสำหรับ Sunday Brunch ณ Feast - Royal Orchid Sheraton แห่งนี้ อาหารสัญชาติซามูไรของที่นี่ก็จะมี ซูชิ, ซาซิมิ และเทมปุระ โดยตัว sushi นั้นมีหน้าหอยแครงญี่ปุ่นที่ผมไม่เคยพบเจอใน Sunday Brunch ที่ไหนเอามาทำเป็นซูชิเลย (เพราะว่ามันแพง) หอยปีกนก, ทูน่า, กุ้งต้ม ส่วน Sashimi ก็จะมี แซลมอน (อร่อย เนื้อนุ่ม มันดีมาก) , ทูน่า, ฮามาจิ, ปลาหมึกยักษ์และปูอัด ส่วนเทมปุระก็จะมีปลาไข่กับกุ้งครับ (เทมปุระทอดมาอร่อยดี ร้อน ๆ เติมอยู่เรื่อย ๆ ด้วย)









ซุ้ม Seafood: 3 ซุ้มถัดจากนี้จะเป็นซุ้มที่ตั้งอยู่ด้านนอก รับลมธรรมชาติกันเลย เดินออกมาปุ๊บก็จะเจอกับซุ้มอาหารทะเลขนาดใหญ่มีประติมากรรมน้ำแข็งแกะสลักที่มี seafood วางรายล้อมอยู่ มีหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ตัวใหญ่, กุ้ง, กุ้งมังกร, ปูม้า, หอยเชลล์, กั้งกระดานให้เราเลือกหยิบกัน และที่วางอยู่ติดกันก็จะมีซุ้มหอยนางรมขนาดใหญ่มีหอยนางรมหลายสิบตัววางไว้ให้เราหยิบพร้อมกับมีซอสให้เลือกกินเข้าคู่กันหลายชนิดด้วย อาหารทะเลของที่นี่ถึงแม้ว่าจะขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ว่าทุกอย่างสดอร่อยดีครับ

ซุ้ม อาหารตามสั่ง: มีให้เราเลือกสั่งค่อนข้างเยอะมากครับมี foie gras, pasta, เนื้อแบบต่าง ๆ ให้สั่งทำแบบ steak ตามที่เราต้องการ มีเนื้อวัวสันนอก, สันใน, เนื้อไก่, ซี่โครงแกะ, แซลมอน, กุ้งแม่น้ำ, ปลาหิมะ เยอะแยะมากมาย ซุ้มนี้เสียดายที่ผมมาเจอตอนหลัง ก็เลยพลาดไปหลายอย่างเหมือนกัน (กินไม่ไหว)







ซุ้ม อาหารจีน: ซุ้มสุดท้ายในรีวิวนี้ที่ปิดฉากไลน์บุฟเฟ่ต์ของที่นี่ได้อย่างอลังการงานสร้าง กับอาหารจีนที่มีให้เลือกอย่างมากมายทั้งพวกของนึ่ง-ติ่มซำ (มีซาลาเปาไส้ต่าง ๆ , ขนมจีบ, ฮะเก๋า) , เป็ดย่าง-หมูกรอบ-หมูแดง, , เป็ดปักกิ่ง-หมูหัน เรียกได้ว่ายกครัวจีนของห้องอาหารจีนแบบเหลา ๆ มาให้เรากินกันอย่างไม่ยั้งกันเลยล่ะครับ

ถ้าถามผมว่า Sunday Brunch ของที่ Feast – Royal Orchid Sheraton แห่งนี้โดดเด่นตรงไหน สิ่งแรกที่แว่บเข้ามาในหัวผมเลยก็คงเป็นเรื่องราคากับราคา 1,780 บาทสุทธิแต่มีอาหารให้เลือกเยอะขนาดนี้ มีของดี ๆ ให้เลือกตักได้แบบไม่อั้นและก็มาเติมเรื่อย ๆ แบบไม่มีวันหมดจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น lobster thermidor (ที่หลาย ๆ ที่จำกัดแค่คนละครึ่งตัวเท่านั้น) , ซี่โครงแกะ, ตับห่าน หรือ เนื้อสเต็กอย่างดี และอาหารที่มีให้เลือกชิมนั้นก็มีเยอะจริง ๆ เยอะจนแบบน้อยคนที่จะได้ชิมครบทุกอย่างได้ ครับ ถ้าใครตั้งงบประมาณสำหรับมื้อ Sunday Brunch เอาไว้ประมาณนี้ อยูในช่วง 2,000 บาทหรือต่ำกว่า แต่อยากจะได้ความคุ้มค่า, ความหลากหลายของอาหาร และรสชาติอาหารที่โดยรวมทำได้ดีเกินราคาแล้วล่ะก็ Feast แห่งนี้น่าจะเป็นอะไรที่ตรงโจทย์นะครับ







--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...