BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Sunday, December 30, 2012

Honmono Sushi Thonglor Review

Honmono Sushi Thonglor 23, Bangkok - Premium Japanese Restaurant Sushi Sashimi and Roll

ฮอนโมโน ซูชิ ทองหล่อ 23 - ร้านอาหารญี่ปุ่น ซูชิ ซาซิมิ เบียร์สด




Overall Score  /10
Taste   /5
Ambiance  /5
Service  /5
Value   /5

Honmono Sushi Thonglor - Japanese Restaurant (For more pictures and menu)



ร้าน Honmono Sushi สาขาทองหล่อ ร้านที่เชฟกระทะเหล็กบุญธรรม ประจำอยู่ ก็เพิ่งได้มีการ Renovate ร้านและพอทำเสร็จก็เช่นเคย จัดโปรโมชั่นลด 50% อาหารอยู่ช่วงเวลานึง ผมก็เช่นเคย อะไรที่มันลดเยอะ ๆ ก็มักจะไม่พลาดอยู่แล้ว (คราวที่แล้วก็ไป Honmono Sushi - Central Bangna มาลด 50% เหมือนกัน) ซึ่งเอาจริง ๆ สาขาทองหล่อนี่ผมเองก็อยากมากินสักพักล่ะ เพราะได้ยินกิตติศัพท์มาว่าดีกว่าสาขาอื่น ๆ เพราะว่าเชฟบุญธรรมอยู่คุมเอง เมื่อมีส่วนลดถึง 50% มาเป็นตัว catalyst ผมก็เลยชวนเพื่อน ๆ อีก 3 คนมาจัดหนักจัดเต็มกันสักหน่อย

ร้าน Honmono Sushi ทองหล่อนี่ก็ตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ 23 ตัวร้านอยู่ค่อนข้างลึกจากปากซอย สัก 300 เมตรได้ ตอนแรกผมก็นึกว่าใกล้ ๆ เพราะว่าจอดรถไว้ที่ที่จอดรถปากซอยของทางร้าน พอจอดเสร็จเดินไปร้านก็แอบไกลกว่าที่คิดนิดนึง ซึ่งจริง ๆ ทางร้านมีบริการ valet parking ด้วยแต่ก็ไม่เป็นไร ไม่ได้ไกลขนาดนั้น | ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าร้านนี้ก่อน Renovate นั้นมันหน้าตาเป็นยังไง แต่พอทำใหม่แล้วก็ดูดีดีครับ มีทั้งส่วน Sushi Bar, โต๊ะธรรมดา และห้องส่วนตัวสไตล์ญี่ปุ่น แต่สิ่งนึงที่ไม่ชอบเลยคือ zone โต๊ะธรรมดาที่ผมนั่ง ผมว่าโต๊ะมันชิดกันไปหน่อย แหม่ (แบบวีรศักดิ์ นิลกาก) อาหารราคาตั้งแพง, ร้าน positioning ตัวเองหรูขนาดนี้ ก็เพิ่งจะเคยเจอร้านระดับนี้ที่ไม่ให้ความสำคัญต่อ Privacy ของลูกค้านี่แหละครับ (ผมไม่ได้ถ่ายรูปบรรยากาศมาเลย คนแน่นเต็มร้าน เกรงใจเค้า เห็นมีแต่คนใหญ่คนโตด้วย เดี๋ยวโดนยิงเอา ฮ่า ๆ)




แต่สิ่งนึงที่รู้สึกประทับใจกว่าคราวที่แล้วที่ไปกินที่สาขาบางนาก็คือความรวดเร็วของอาหารครับ คราวที่แล้วจำได้ว่าลูกค้าก็แน่นร้านแบบนี้เหมือนกัน แต่ความรวดเร็วของอาหารถ้าครั้งที่แล้วเป็นประมาณรถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทยบ้านเรา ที่สาขาทองหล่องวดนี้ก็ประมาณชินกังเซ็นก็ว่าได้ครับ อาหารรวดเร็วจนจานที่ 3-4 นี่ไม่มีที่วางบนโต๊ะ ต้องรีบ ๆ เคลียร์ (เข้าปาก) เพื่อกำจัดจานออกไปประมาณนั้นเลย อืม หลาย ๆ ท่านก็คงเคยไปกิน เคยไปร้าน Honmono นี่กันมาแล้ว ผมบอกตรง ๆ มื้อนี้ผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับอาหารเนื่องจากประสบการณ์ที่ค่อนข้างเฉย ๆ ที่สาขาบางนา และจากลมปากของเพื่อน ๆ ที่ไปกินมา

อาหารของ Honmono Sushi นี่จากที่ดู ๆ เมนูแล้ว ไม่น่าจะมีการอัพเดทเมนูสักเท่าไรจากเมื่อสัก ปีกว่า ๆ ที่ผมไปกินมา Menu แค่มีการปรับเปลี่ยนให้ดูง่ายขึ้น แบ่งเป็นหมวดหมู่ชัดเจน มีรูปมีอะไรให้ดูว่ามันคืออะไรมากขึ้น และตัวราคาอาหารก็เหมือนจะเท่าเดิมอีกด้วยครับ (Honmono Sushi สู้เงินเฟ้อว่างั้น) อาหารของทางร้านนี้ก็ตามที่รู้ ๆ กันเป็นอาหารญี่ปุ่นแบบครบครันมีครบทุกอย่างที่อาหารญี่ปุ่นพึงจะมีบนโลกเบี้ยว ๆ ใบนี้ โดยร้านนี้จะเน้น Sushi & Sashimi เป็นพิเศษตามชื่อร้าน แต่ถ้าเมนูไหนที่แบบแว่บเข้ามาในหัว มาเปิด ๆ หาดูผมว่าร้านนี้ก็น่าจะมีหมด ส่วนราคาก็คนละ 1,000 - 2,000 โดยประมาณล่ะครับสำหรับร้านนี้ (ราคาแบบลดแล้ว)

อาหารในมื้อนี้เยอะเกินไปที่จะมานั่งไล่เรียงไปทีละอย่าง ผมขอเขียน ๆ ถึงที่ผมชอบก็พอละกันนะครับ อย่างแรกที่ชอบและได้มาเป็นอย่างแรกของมื้อนี้ด้วยก็คือ Tako Wasabi (หนวดปลาหมึกยักษ์ดอง) - 180 บาท เจ้าเมนูนี้ผมเคยกินครั้งแรกเมื่อซัก 2-3 ปีก่อนที่ร้านไหนก็ไม่รู้จำไม่ได้ล่ะครับ หลังจากที่กินเมื่อตอนนั้นเมื่อเจอเมนูนี้ทีไรก็จะสั่งทุกทีเพราะว่ามัน(มักจะ)ถูก และมันได้เร็ว และเป็นกับแกล้มชั้นอ๋อง เข้าคู่กับเบียร์สดดีนักแล แต่ช่วงหลัง ๆ สักครึ่งปีมานี่สั่งทีไรมักจะผิดหวัง เค็มไป, เหม็นไป, ปลาหมึกไม่กรุบบ้าง แต่กับปลาหมึกในถ้วยเล็ก ๆ นี่ไม่เลยครับ อร่อยมาก เพื่อนผม 2 คนที่คราวที่แล้วผมให้มันลองกินแล้วมันไม่ชอบ มางวดนี้ก็กลายเป็นชอบขึ้นมาเลย




อย่างที่ 2 ที่ชอบก็คือ Matsu Sashimi (ชุดปลาดิบรวม 8 ชนิด Otoro, Akami, Salmon, Hamachi, Kampachi, Shima Aji, Hotate, Ama-Ebi) - 2500 บาท ร้าน Honmono Sushi นี่เค้ามีกิตติศัพท์เรื่องความใหญ่ของชิ้นปลาอยู่แล้ว สำหรับ Sashimi จานนี้ก็เช่นเดียวกันครับ ปลาแต่ละชิ้นมาชิ้นใหญ่และหนามาก แต่แบบถ้าใหญ่และหนาแต่ไม่สด ไม่อร่อย แล่ไม่เป็น มันก็คือไม่ได้เรื่องอยู่ดี แต่กับปลาดิบจานนี้อร่อยผ่านเลยล่ะครับ แม้ว่าผมจะไม่ได้ชิมทุกชนิด (ไป 4 คนต้องแบ่งกัน) แต่จากที่กิน ๆ เอง กับที่ถาม ๆ เพื่อนทุกชิ้น อร่อยเยี่ยมหมดเลย จะมีก็แต่ Salmon ที่เสียงแตกเป็น 2 ฝ่าย ผมโอเค (แต่ไม่ถึงกับชอบ) แต่เพื่อนอีกคนที่กินกลับไม่ชอบ บอกว่ามันไม่มันพอ

ส่วนอาหารอย่างอื่นที่ชอบในมื้อนี้ก็...ไม่มีล่ะครับ จานอื่น ๆ ออกแนวธรรมดา ๆ แพงไปไม่สมกับราคาที่จ่ายไปทั้งนั้น ตอนแรกว่าจะไม่เขียน แต่แบบ เขียนถึงแบบสั้น ๆ สักหน่อยละกัน

Unadon - 550 บาท หรือข้าวหน้าปลาไหล จานนี้จำได้ว่ากินที่สาขาบางนานี่ประทับใจ คุ้มค่าเกินราคามาก แต่กับมื้อนี้ ปลาไหลมา fillet เดียว (รู้สึกวันนั้นจะให้เยอะกว่านี้ ไม่แน่ใจ 2 fillet เลยรึเปล่า) น้ำปลาไหลก็ให้มาไม่ค่อยเพียงพอกับปริมาณข้าว และตัวเนื้อปลาไหลก็ไม่ค่อยอูม ๆ กินแล้วมันเหมือนกินข้าวหน้าปลาไหลเกรด B น่ะครับ




Gyutan Shioyaki - 350 บาท หรือ ลิ้นวัวย่างเกลือ จานนี้ถ้าราคาเต็มก็แพงไป อร่อยประมาณลิ้นวัวตามร้าน a la carte จานละ 100 - 200 บาทแค่นั้น เนื้อมาแบบบางเฉียบ เฉียบจริง ๆ ครับ ไม่รู้จะบางไปไหน และก็บางชิ้นย่างมาไหม้! แหม่ ทำไปได้

Saba Teriyaki - 250 บาท  หรือปลาซาบะย่างซีอิ๊ว อันนี้โอเคเลยครับ ปลามาชิ้นใหญ่ดี และก็ย่างมากำลังดี น้ำซีอิ๊วก็รสชาติมาตรฐานอร่อยดี จานนี้ให้ผ่านละกัน







Tenzaru Soba - 250 บาท หรือโซบะเย็นกับเทมปุระ ตัวโซบะนั้นผมให้ว่าโอเค อร่อยพอประมาณ แต่เพื่อนผมอีก 2 คนบอกว่าไม่ผ่าน ห่วยแตก ซึ่งอันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้ 2 คนนี้มันไปกินโซบะเทพที่ดาวไหนมา เพราะผมก็กินมาทั่วกรุงเทพ, ไปกินที่ญี่ปุ่นมาก็เยอะ โซบะรสชาติประมาณนี้ก็คือโอเคล่ะ แต่ที่ไม่ผ่านคือเทมปุระครับ ทอดมาได้แบบ.. มื้อสมัครเล่นมาก แป้งเป็นขุย ๆ ร่วง ๆ และก็ไม่กรอบ เหอะ

Unagi Ura Maki - 450 บาท หรือ Roll ปลาไหลเป็นองค์ประกอบหลัก อันนี้ก็ถือว่าโอเคครับ แต่ไม่รู้เพราะผมเพิ่งไปกินร้าน Roll เฉพาะทางนามว่า Rainbow Roll Sushi ที่ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจนมารึเปล่าก็ไม่ทราบ จานนี้ก็เลยแค่อร่อยแบบพอไหวแค่นั้น

Mentaiko Tsumami - 300 บาท จานนี้ผมไม่ได้กินเลย (กินไม่ทัน อาหารเต็มโต๊ะ) แต่เพื่อนผม 3 คนที่ได้กินก็บอกว่าไม่ค่อยชอบกันทั้งนั้น คาวไปอะไรสักอย่าง

Honmono Salad (สลัดฮอนโมโนซีฟู้ด) - 550 บาท สลัดจานใหญ่ที่ถึงกับเอาชื่อร้านมาตั้ง คงประมาณว่าลูกค้าทุกโต๊ะน่าจะต้องสั่งกันหมด (ซึ่งก็เห็นแทบทุกโต๊ะสั่งกันนะครับ การตลาดแบบเอาชื่อร้านมาใส่ในเมนูนี่รู้สึกจะได้ผลจริง ๆ ผมเองก็โดนบ่อย ฮ่า ๆ) ก็เป็นสลัดธรรมดา ๆ ครับ มีผัก กับ akami และ salmon และก็ Ikura ตัวน้ำสลัดมีมาให้ 2 แบบ พวกผมก็งงว่าจะให้ราดลงไปกินพร้อมกัน 2 แบบเลยเหรอ หรือว่าให้เอามาคลุกบนจานตัวเอง หรือว่าให้เอาไปจิ้มในถ้วยน้ำสลัด 2 แบบนี้? จะแบบไหนมันก็ lame หมดสำหรับพวกผมก็เลยเลือกเอาน้ำสลัดที่คล้าย ๆ น้ำมันงาราดลงไปกินแทน รสชาติจานนี้กินแล้วไม่รู้สึกอะไรเลยครับ เหมือนกินเพื่อขยายกระเพาะแค่นั้นจริง ๆ ปลาดิบที่ให้มา ไม่รู้เป็นคนละเกรดกับที่ไปทำ Sushi & Sashimi รึเปล่า รู้สึกมันไม่ค่อยอร่อยเท่าไร






Sparkey Rolls - 400 บาท หรือข้าวห่อสาหร่ายไส้ปลาดิบรวมคลุกซอส อันนี้มาแบบเผ็ด ๆ ครับ รสชาติโดยรวมนั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากความเผ็ด และปลาที่ให้มาก็ไม่รู้ปลาอะไรเพราะโดนซอสกลบรส, กลบร่างไปหมด กินแล้วไม่ค่อยชอบเลยครับอันนี้ เหมือนแบบคำ ๆ นึงมันไม่ลงตัวเลยอ่ะ (ปั้นไม่ดีด้วย ไอ้เนื้อปลาที่โปะมาด้านบนร่วงง่ายมาก)

Katsu Don - 300 บาท หรือข้าวหน้าหมูชุบแป้งทอด จานนี้ก็มาตรฐานครับ น้อยครั้งที่จะเจอร้านที่ทำเลวร้ายจนถึงกับต้องมอบคำว่า "ไม่อร่อยให้" ของร้าน Honmono Sushi นี่ก็มากลาง ๆ กินได้เพลิน ๆ แต่ไม่ได้ทำให้ติดใจแบบบางร้านที่กินแล้วต้องร้องว้าว (เช่นของร้าน Ushi - Young Place สุขุมวิท 23)








ส่วนที่เหลือในมื้อนี้ก็เป็นพวก Sushi ทั้งหมดครับ ไล่เรียงกันไปเลยอย่างแรก Enkawa Nigiri - 250 x 4 บาท อันนี้กากมากครับ เฮงซวยกว่าทุก ๆ ร้านในปีนี้ที่กินมาเลย คือเฮงซวยจนไม่คิดว่าจะเป็น Enkawa เลยอ่ะครับ คือแบบ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ายังไง แต่ทุกคนบนโต๊ะ 4 คนกินแล้วพูดพร้อมกันว่า "นี่มันเหี้ยอะไรวะเนี่ย" ครับ |  อย่างต่อมาเป็น Nama Uni Nigiri - 450 x 2 บาท อันนี้ถ้าเทียบกับร้านอื่น ๆ ในเมืองไทยก็ถือว่าโอเคครับ ไม่ถึงกับหวานอร่อยเหมือนกินที่ญี่ปุ่น และตัวไข่หอยเม่นไม่ได้เป็นก้อน ๆ พู ๆ สวย ๆ เหมือนบางร้าน แต่มาแบบเละ ๆ แทน แต่กับราคาที่ลด 50% แล้วได้ประมาณนี้ก็โอเคในระดับนึงล่ะครับ | Foie Gras Nigiri - 250 x 4 บาท อันนี้เพื่อนผมคนนี้สั่งไปก่อนคำนึงแล้วมันบอกอร่อยมาก sear มา (หรือย่างมาไม่แน่ใจ) แบบเกรียมที่ผิวกำลังดี และเนื้อในละลายในปากมาก ๆ มันบอกว่าอร่อยจนบังคับให้สั่งมาลอง แต่แบบพอมาชุดที่ 2 ที่มี 4 ชิ้นนี่กลับไม่ค่อย work ครับ ไอ้เพื่อนตัวดีผมก็บอกว่า set นี้ไม่ดีเท่าคำที่มันกิน สรุปคือ ฝีมือคนปั้นซูชิไม่นิ่ง?







อย่างสุดท้ายเป็น Matsu Sushi - 2200 บาท ที่มี Sushi มาให้ 8 อย่าง , Toro maki และก็ ไข่หวานจานนี้รวม ๆ ก็โอเคครับ Sushi แต่ละคำปั้นมาสวยดี (แต่ก็ปลาชิ้นใหญ่ ๆ over ข้าวคำแรก ๆ ตามแบบฉบับของร้านนี้เค้าล่ะ) และปลาก็สดพอ ๆ กับจาน Sashimi โดยรวมก็โอเคเลยล่ะครับ แต่ที่ชอบเป็นพิเศษนั่นคือไข่หวานครับ ไข่หวานมันแบบ.. อร่อยมากกก อร่อยจนผมกับเพื่อนอีกคนที่แบ่งกันกินต้องร้องว่า "Holy shit!" เสียดายที่ว่าจะสั่งเพิ่มตอนหลังเพื่อปิดท้ายเป็นของหวาน แต่ไป ๆ มา ๆ ก็ลืมสั่งไปซะอย่างนั้น

มื้อนี้ค่าเสียหาย รวม 7,500 บาท ก็ตกประมาณคนละเกือบ ๆ 2,000 บาท คือถ้าเป็นราคาเต็ม มันก็คงแพงเว่อร์ไป แต่ถ้าเป็นราคา 50% แบบนี้ ผมก็ว่าก็สมกับเงินที่จ่ายไปครับ แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกันนะ ตอนกินที่สาขาบางนาเสร็จผมก็ไม่รู้สึกประทับใจอะไรกับอาหารมื้อนั้น มามื้อนี้ก็เฉย ๆ อีกเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าผมตั้งใจไปกินร้านอาหารญี่ปุ่นดี ๆ ก็มักจะรู้สึกประทับใจ, อิ่มเอิบกลับมาแทบจะทุกครั้ง (เช่นร้าน Mugendai, Tenyuu Grand, Joushitsu Sushi) อืม แต่ก็อย่างว่าครับ นั่งกินไปแบบแทบจะตัวติดกันกับโต๊ะข้าง ๆ , อาหารก็รสชาติแกว่งเหลือเกิน และอาหารก็เร็วเกินไป ไม่มีการดูลูกค้า และทำมาตามความเหมาะสมของ timeline อืม ไว้เจอกันใหม่ เมื่อลด 50% เท่านั้นละกันนะจ๊ะ Honmono Sushi จ๋า



--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

Evergarden Dim sum Bangkok Review

Evergarden - Chinese Restaurant at Evergreen Laurel Hotel, Bangkok Dim Sum Peiking Duck

เอเวอร์การ์เด้น - ร้านอาหารจีน โรงแรม เอเวอร์กรีน ลอเรล ติ่มซำ เป็ดปักกิ่ง




Overall Score  8.5/10
Taste   4/5
Ambiance  4.5/5
Service  5/5
Value   4/5

Evergarden - Chinese Restaurant on BumRes.com (For more pictures and menu)



มื้อนี้ไปกินติ่มซำกันบ้างครับ หลังจากไม่ได้กินมานานล่ะ (ตั้งแต่ไปฮ่องกงเมื่อ 3 เดือนก่อนมั้ง) โดยเราจะไปกันที่ร้าน Evergarden หรือแปลเป็นไทยก็น่าจะได้ว่า สวนคงกระพัน อะไรประมาณนั้น ร้านนี้เป็นหนึ่งในสองห้องอาหารของโรงแรมเก่าแก่บนถนนสาทร โรงแรม Evergreen Laurel Hotel นั่นเอง ร้านนี้แม้ว่าจะเปิดมานานมาก พร้อม ๆ กับโรงแรม สัก 30 ปีแล้ว แต่เนื่องด้วยอะไรก็ตาม ผมก็เพิ่งได้รู้จักร้านนี้เมื่อไม่นานมานี้เอง และตัดสินใจมาเพราะเห็นมีแต่คนเขียนชมกันว่าติ่มซำของร้านนี้อร่อยจริงอะไรจริง!

เมื่อแรกเข้าไปยังร้านนี้ บรรยากาศของร้านแอบเหนือความคาดหมายครับ เพราะร้านตกแต่งได้ค่อนข้างสวยงามดีทีเดียว คือแบบแม้ว่าจะดูเก่า ดูโบราณ แต่ก็เป็นโบราณแบบ Classic ผมเดาว่า 30 ปีที่ผ่านมาก็น่าจะเป็นบรรยากาศแบบเดียวกันนี่มาตลอดเลยก็เป็นได้ (สังเกตจากพื้นไม้ที่เป็นไม้สักทองแผ่นใหญ่) ตัวร้านนั้นจะแบ่งเป็น 2 ส่วน โต๊ะธรรมดา ๆ และห้องส่วนตัว ซึ่งไม่รู้เพราะห้องอาหารจีนตามโรงแรมต่าง ๆ นี่มักจะเป็นห้องที่เอามาคุยงาน, เลี้ยงฉลองทางธุรกิจอะไรรึเปล่าไม่ทราบ ส่วนใหญ่จะมีห้องส่วนตัวค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับห้องธรรมดา ซึ่งร้าน Evergarden นี่ก็เช่นเดียวกันครับ มีห้องส่วนตัวอยู่ถึง 4 ห้อง จำนวนที่นั่งพอ ๆ กับส่วนหลักของห้องอาหารเลยก็ว่าได้ อ้ออีกหนึ่งอย่างที่เหนือความคาดหมายคือตัวการบริการของพนักงานครับ แม้ว่าโรงแรมนี้จะเป็นแค่โรงแรม 3-4 ดาวโดยประมาณ แต่การบริการของพนักงานนี่เรียกได้ว่าโรงแรม 5 ดาวบางโรงยังอายอ่ะครับ แม้ว่าลูกค้าตอนที่ผมไปจะค่อนข้างแน่น (occupy สัก 60%) แต่การบริการนี่เรียกได้ว่าไม่มีขาดตกบกพร่องเลย คือชาร้อนจอกกลาง ๆ ของผมนี่เรียกได้ว่าแทบไม่เคยพร่องจากจอก, จานผมไม่เคยเลอะเทอะเปรอะเปื้อนจนน่าเกลียด (เปลี่ยนจานให้สัก 4 รอบได้มั้ง) อะไรแบบนั้นเลย





ห้องอาหาร Evergarden นี่ก็จะคล้าย ๆ ห้องอาหารจีนหรู ๆ หรือร้านอาหารจีนเหลา ๆ ทั่วไปที่จะมีบริการติ่มซำแค่เฉพาะตอนเที่ยงเท่านั้น ส่วนมื้อเย็นก็จะเป็นเมนู a la carte ไป แต่ถ้าไปกินมื้อเที่ยงก็สามารถสั่งเมนูอาหารเย็นได้หมด แต่ไปมื้อเย็นจะไปสั่งติ่มซำเค้าก็ไม่มีขายอะไรแบบนี้ ผมคงไม่ขอเข้าถึงเมนู a la carte มื้อเย็นนัก เพราะไม่ได้กินสักเท่าไร และไม่ได้ให้ความสนใจนัก แต่เท่าที่ดูผ่าน ๆ แล้วก็เป็นอาหารจีนทั่ว ๆ ไปอ่ะครับสไตล์ Cantonese เหมือนกับห้องอาหารจีนตามโรงแรมทั่วไป ส่วนราคาก็ระดับเดียว ๆ กันกับโรงแรมอื่น ๆ (แอบแพงกว่าที่คิด) ส่วนเมนูติ่มซำนั้น ร้าน Evergarden มีให้เลือกไม่เยอะเลย ประมาณ 26 อย่างเท่านั้น (ประมาณตรงไหนฟะ ตัวเลขเป๊ะเลย ฮ่า) และก็ตัวติ่มซำของที่นี่จะไม่มีบุฟเฟ่ต์ มีแต่แบบเป็น a la carte เท่านั้น อันนี้ก็ถือว่าค่อนข้างแปลก เพราะส่วนใหญ่จะมีบุฟเฟ่ต์กันแทบทั้งนั้น (เคยเจอที่ East Ocean อีกที่ที่ไม่มีบุฟเฟ่ต์) ราคาติ่มซำของที่นี่ก็จะอยู่ที่เข่งละ 70++ บาทโดยประมาณ ถามว่าแพงมั้ย? ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะกินที่โรงแรมทีไรก็กินแต่บุฟเฟ่ต์อยู่ร่ำไป แล้วครั้นจะเอาราคาติ่มซำโรงแรมไปเทียบกับร้านอาหารจีนมันก็คงใช่ที่ว่ามั้ยครับ

ติ่มซำในมื้อนี้สั่งไปค่อนข้างเยอะครับไล่เรียงกันไปเลยก็จะมี ฮะเก๋ากุ้ง (Special shrimp dumpling "Har Gaw") - 75 บาท , ขนมจีบกุ้ง (Steamed Shu Mai Shrimp Dumpling) - 75 บาท , ขนมจีบหมู (Steamed Pork Dumpling) - 75 บาท , ซาลาเปาไส้หมูแดง (Steamed barbecued pork bun - 70 บาท) , ซาลาเปาไส้หมูสับ (Steamed minced pork bun - 70 บาท) , ฮะเก๋ากุยช่าย (Steamed chives dumpling - 75 บาท) , ฟองเต้าหู้ทอด (Deep-fried beancurd skin roll with shrimp - 70 บาท), ขนมหัวผักกาด (Pan-fried mashed turnip cake - 70 บาท) และอีกอย่าง 2 อย่างที่ผมอาจจะตกหล่นไป รสชาติโดยรวมของติ่มซำร้านนี้ก็ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีครับ ไม่ถึงกับดีมาก แต่ทุกเข่ง, ทุกจานมาก็กินได้อร่อย กินเพลินหมด ส่วนนึงที่แบบรสชาติมันไม่ได้โดดเด่น กินแล้วประทับใจกว่าปกติ คงเป็นเพราะติ่มซำทุกรายการทั้งในเมนู และที่ผมสั่งไป เป็นติ่มซำแบบ โคตร standard หรือจะเรียกว่า classic dimsum ก็ไม่ผิดนัก และเนื่องด้วยมันเป็นติ่มซำแบบคุ้นเคย ๆ เกินไป มันก็เลยไม่เกิดความแปลกใหม่ในด้านรสชาติก็เป็นได้ (ไม่เหมือนซาลาเปานมสดของร้าน Baiyun - Banyan Tree หรือพวกติ่มซำไฮโซต่าง ๆ นา ๆ เช่น เอาหูฉลามมาทำอะไรพวกนั้น)









มื้อนี้มีอาหารที่ไม่ใช่ติ่มซำอยู่หนึ่งอย่างครับ นั่นก็คือ เป็ดปักกิ่ง (Roasted Peking Duck - 850 บาท) เห็นราคาที่เขียนไว้แล้วแอบตกใจมั้ยครับ? ใช่ครับ 850++ บาทเท่านั้นกับเป็ดปักกิ่งทั้งตัว (เห็นบอกต้นปีจะขึ้นเป็น 950++ บาท ซึ่งก็ยังถูกอยู่ดีนะผมว่า) เป็ดปักกิ่งของร้าน Evergarden นี่ก็มาแบบมาตรฐานบ้านเราครับคือจะเป็นหนังเป็ดไม่ติดเนื้อกินกับแป้งร้อน ๆ และแตงกวาและหัวหอม รสชาติก็มาตรฐานตามหน้าตาไปติด ๆ ครับสำหรับจานนี้ คืออร่อยแบบตามที่คาดหวังจากร้านอาหารจีนเหลา ๆ ร้านนึงอะไรแบบนั้น แน่นอนไม่ได้อร่อยเทพเหมือนร้าน Great Shanghai และ Scala 2 ร้านโปรดของผมที่ผมว่าเป็ดปักกิ่งอร่อยที่สุดในกรุงเทพ แต่ก็สูสีกับร้านชื่อดังทั้งหลายแหล่ที่ไม่ใช่ 2 ร้านนี้ล่ะครับ เนื้อเป็ดนั้นทางร้าน Evergarden @ Evergreen Hotel เอาไปทำเป็นเมี่ยง และก็ทำเป็นน้ำซุปมาให้ (ดีจัง ส่วนใหญ่เจอแต่ทำให้อย่างเดียว) ตัวเมี่ยงกับน้ำซุปนี่ก็อร่อยโอเคอีกเช่นกัน ที่ชอบเป็นพิเศษหน่อยอาจจะเป็นตัวน้ำซุปที่ทางร้านจะใส่พวกเนื้อติดกระดูกลงไปเยอะ ๆ ซึ่งแบบน้ำซุปจีน ๆ กับการนั่งแทะเนื้อออกจากกระดูกเป็ดมันเป็นอะไรที่ลงตัวมากเลยนะผมว่า






ของหวานในมื้อนี้ปิดท้ายด้วยอีก 4 อย่างกับ บัวลอยจีนน้ำขิง (Boiled sesame dumpling in hot ginger soup - 80 บาท) , สาคูแคนตาลูปเย็น (Iced sago and cantaloupe - 80 บาท) , แปะก๊วยเย็น (Sweet ginko nut in syrup - 100 บาท) และ แปะก๊วยนมสด (Sweet ginko nut in fresh milk - 100 บาท) ทั้ง 4 อย่างนี้ผมชอบตัวบัวลอยน้ำขิงสุดเลย เพราะแบบตัวบัวลอยให้มาชิ้นใหญ่สะใจดีมาก ซึ่งแม้จะคำใหญ่ แต่ด้วย motto ของผมที่ว่า "อะไรที่ใส่ในปากได้คำเดียวก็พยายามใส่เข้าไปคำเดียว" แล้วแบบกินเข้าไปทั้งลูกคำเดียว ไปเคี้ยว ๆ ร้อน ๆ ในปาก สลับกับซดน้ำขิงเผ็ด ๆ ร้อน ๆ แล้วมันฟินดีแท้ครับ ส่วนอย่างอื่นก็โอเค อร่อยดีหมด จะมีก็ตัวแปะก๊วยที่ผมว่าเม็ดแปะก๊วยมันมาแบบพิกลพิการไปหน่อย เม็ดเล็ก ๆ แหว่ง ๆ เสียดายที่ตัวน้ำเชื่อม, นมสดที่ให้มาก็จัดได้ว่าทำได้ดีอยู่ ถ้าได้แปะก๊วยเต่ง ๆ อวบ ๆ นี่คงจะสะกดคำว่าฟินเช่นเดียวกันกับบัวลอยน้ำขิงให้ล่ะครับ










สรุป มื้อเที่ยงแบบจัดหนักที่ร้าน Evergarden @ Evergreen Hotel สาทร นี่ก็ถือว่าค่อนข้างประทับใจครับ ด้วยบรรยากาศและการบริการที่ดีเกินห้องอาหารของโรงแรม 3.5 ดาว บวกกันกับอาหารจีนแบบ classic ๆ ที่ถ้าทำมาไม่ดีก็คงเบื่อ และกินไม่เกลี้ยงจนพุงแตกแบบนี้ด้วยแล้ว ห้องอาหารนี้ก็สามารถยืนเทียบไหล่กับห้องอาหารที่แพงกว่านี้, หรูกว่านี้ได้เลยนะเนี่ยผมว่า ก็ไว้ถ้ามีโอกาสได้มาจัดหนักมื้อเย็นอีกก็คงจะมาล่ะครับ เห็นอาหารจีนคลาสสิค ๆ หลายตัวน่าลองเหมือนกัน




--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...