BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Saturday, December 31, 2011

Tudari Korean Restaurant - Siam Paragon

Tudari Korean Restaurant Siam Paragon, Bangkok ทูดาริ ร้านอาหารเกาลี สยามพารากอน ปทุมวัน




Overall Score  6/10
Taste   3/5
Ambiance  3.5/5
Service  3/5
Value   3.5/5


Tudari Korean Restaurant on BuMRes.com








ร้าน Tudari เป็นร้านอาหารเกาหลี ที่เพิ่งจะมาเปิดตัวสาขาแรกในเมืองไทยที่ Seen Space ทองหล่อเมื่อช่วงต้น ๆ ปีที่ผ่านมา ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าสาขาแรกนั้นขายดีรึเปล่า แต่ว่าสาขาที่(น่าจะเป็น) 2 ที่ผมไปกินและกำลังรีวิวนั้นอยู่ที่ Siam Paragon ชั้น 4 บริเวณ Zone Food Passage ที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นานครับ โดยโซนนี้แต่เดิมรู้สึกจะเป็นโซนขายพวกของไทย ๆ สำหรับคนต่างชาติ แต่เหมือนจะขายไม่ค่อยดีรึเปล่าไม่ทราบก็เลยย่นพื้นที่ส่วนนั้นลงและเพิ่มส่วนร้านอาหารมากมายขึ้นมาแทนและร้าน ทูดาริ ก็เป็นหนึ่งในร้านเหล่านั้น







โดยส่วนตัวแล้ว ผมก็ไม่ใช่แฟนอาหารเกาหลีซักเท่าไร คือถ้ามีร้านให้เลือกหลาย ๆ ร้านผมก็มักจะไม่ค่อยเลือกอาหารเกาหลี เพราะจากที่กิน ๆ มาอาหารของชาตินี้ ไม่เคยทำให้ผมสบถคำว่าอร่อยออกมาอย่างเต็ม ๆ ปากได้สักครั้ง ร้านเกาหลีในกรุงเทพ ผมเคยกินอยู่อย่างมากก็ไม่เกิน 10 ร้าน (ไม่นับที่ต่างประเทศที่ไม่เคยกินเลย) ผมก็เลยไม่สามารถบอกได้ว่าร้านที่ผมกิน ๆ นั่นมันทำไม่ถูกปากผมหรือว่าอาหารเกาหลีเป็นอาหารที่ไม่อร่อยอยู่แล้วกันแน่ เนื่องจากจำนวนกลุ่มตัวอย่างมันน้อยเกินไปนั่นเองครับ





อาหารของร้าน Tudari @ Siam Paragon นั้นหลังจากที่ได้ดู ผมรู้สึกว่า รายการอาหารของร้านนี้ไม่ค่อยเหมือนเกาหลีแท้ ๆ ที่ผมกินมาเท่าไรนัก ออกแนวเป็นลูกผสมระหว่างเกาหลีกับตะวันตกและญี่ปุ่นยังไงก็ไม่ทราบ สนนราคาอาหารโดยเฉลี่ยของร้านนี้บอกตรง ๆ ว่าถูกกว่าที่ผมคิดเอาไว้เล็กน้อย แต่ก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานสำหรับร้านอาหารสมัยนี้ล่ะมั้งครับ (150 - 250 บาท) รายละเอียดอาหารโดยละเอียดก็ดูได้ที่ tab menu เช่นเคยเลยนะครับ







มื้อนี้ผมไปกัน 2 คนกับแฟนก็เลยสั่งกันแค่ 3 อย่าง ไม่อยากกินเยอะเพราะมื้อเย็นมีนัดกินมื้อใหญ่กับเพื่อน ๆ แล้ว อย่างแรกที่ได้เป็น ชุดเสียบไม้ Signature Set (200 บาท) ประกอบด้วย เนื้อไก่ที่ผ่านกรรมวิธีแบบต่าง ๆ และเอาไปเสียบไม้ย่างมาครับ จานนี้ ถ้าไม่บอกก็คงนึกว่า นี่มันยากิโทริของญี่ปุ่นชัด ๆ ! ซึ่งรสชาติของจานนี้ผมอยากจะบอกว่าร้าน Tudari @ Siam Paragon ทำได้อร่อยดีทีเดียว เผลอ ๆ อร่อยกว่ายากิโทริของร้านญี่ปุ่นบางร้านซะอีกครับ ซอสเข้มข้น ย่างมาได้สุกกำลังดี และไม่มีเนื้อแบบไหนที่หมักมาจนเค็มไป (ผมชอบเจอร้านที่หมักมาเค็ม ๆ)






อาหารจานที่ 2 เป็น เต้าหู้กิมจิ (Tofu Kimchi 250 บาท) อาหารน่าตาแปลกประหลาดที่ไม่เคยกินมาก่อนในชีวิต เต้าหู้ที่วางโปะ ๆ มารอบ ๆ นั้นเป็นเต้าหู้เย็น ๆ ส่วนชั้นล่างที่ถูกทับอยู่นั้นเป็นกิมจิกับเนื้อหมูหมัก ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้จะเค็มเป็นพิเศษเหมือนทางร้านจะจงใจทำมาให้ตัดกับรสชาติจืด ๆ ของเต้าหู้ ซึ่งพอกินคำแรกแล้วรู้สึกแปลกประหลาด แต่พอกิน ๆ ไปก็เหมือนจะพอกินได้ ขึ้นมา แต่พอกินไปกินมา เต้าหู้หมด เหลือแต่กิมจิกับเนื้อหมู ก็เลยกลายเป็นกินต่อไม่ลงเพราะมันเค็ม! ส่วนจานสุดท้ายก็เป็นอาหารที่ค่อนข้างแปลกอีกแล้วกับ สตูว์โอเด้งและปู (Crab and Oden Stew 290 บาท) ซึ่งจานนี้ถือว่าค่อนข้างคุ้มครับเพราะให้มาเยอะมาก ๆ แต่ถ้าไม่บอกนี่ก็คงไม่รู้ว่าเป็นอาหารเกาหลีอีกเช่นกัน ผมนึกว่าอาหารญี่ปุ่นมาใส่น้ำต้มยำเฉย ๆ จานนี้ไม่มีอะไรเด่นเลยครับ นอกจากน้ำซุปที่ เผ็ดจัดจ้าน สะใจซะจนเหมือนกับว่ากำลังกินต้มยำแบบไทย ๆ อยู่ หอยตลับ, หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์และโอเด้งให้มาค่อนข้างเยอะ แต่คุณภาพคอนข้างเฉย ๆ เหมือนเป็นของเก่าค้างเก็บ และโอเด้งก็ไม่มีรสชาติที่ผสมผสานถึงเนื้อในอย่างที่ควรจะเป็นครับ



สรุปมื้อเบา ๆ ของผมมื้อนี้ที่ร้าน Tudari @ Siam Paragon ทูดาริ สยามพารากอน ก็ ถือว่าจบแบบพาร์ ๆ ครับ อาหารรสชาติพอกินได้ ตื่นตาตื่นใจกับความ exotic ในตอนแรกที่ได้เห็นและได้ชิมเล็กน้อย พนักงานของร้านรู้สึกบริการแหม่ง ๆ ยังไงไม่รู้ มีพนักงานอยู่เต็มร้านแต่ไม่ค่อยดูลูกค้า ทิชชู่ก็ไม่เอามาวางไว้บนโต๊ะ ต้องเรียกเอามาให้ แล้วก็มีเหมือนจะเป็นเพื่อนพนักงานนั่งอยู่ในร้านเฉย ๆ 2-3 คน ซึ่งบอกตรง ๆ ว่ามันดูขัดลูกกะตายังไงไม่รู้ อืม ก็จบแบบห้วน ๆ เลยละกันครับกับรีวิวร้าน Tudari ร้านอาหารเกาหลี ที่ผมคงไม่น่าจะไปเหยียบอีกเป็นครั้งที่ 2 ถ้าไม่มีเหตุจำเป็น



--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

Wednesday, December 28, 2011

Michelin Star Restaurants (ร้านอาหารดาวมิชลิน)

Michelin Star Restaurants (ร้านอาหารดาวมิชลิน)







For more yummy review of Bangkok restaurants please Click Here!


หลาย ๆ ท่านคงเคยได้ยินคำว่า "ร้านอาหารดาวมิชลิน" และรู้ว่าร้านที่ได้ดาวมิชลินนั้นคือร้านที่เทพ ระดับถ้าได้กินก็จะไม่เสียชาติเกิด อะไรประมาณนั้น วันนี้ผมจะมาเขียนวิเคราะห์เจาะลึกอย่างละเอียดถึงร้านดาวมิชลินให้ได้รู้แจ้งเห็นจริงกันครับ






มิชลินก็อย่างที่ทุก ๆ ท่านรู้กันว่าเป็นบริษัทที่ทำยางรถยนต์ของฝรั่งเศส ซึ่งเมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว หรือปี 1900 ทางมิชลินมีไอเดียว่าถ้าตัวเองออกไกด์บุ๊คแนะนำสถานที่กิน สถานที่พัก หรือ สถานที่ท่องเที่ยวออกมาซักหน่อย ให้คนต้องขับรถไปกินกัน ยางก็จะสึกมากขึ้นตัวเองก็จะขายยางได้มากขึ้น จึงเป็นที่มาของไกด์เล่มแดงหรือมิชลินไกด์นั่นเอง (Michelin Guide) ซึ่งในหนังสือเล่มแดงนี้ก็จะเป็นการรวบรวมร้านอาหารเจ๋ง ๆ กับสถานที่พักที่แหล่ม ๆ มาอย่างค่อนข้างจะครบถ้วนสำหรับเมือง ๆ นึง และร้านอาหารแต่ละร้านก็จะมีการแบ่งระดับหรือแบ่งเกรดต่อนั่นเอง









เกรดของร้านอาหารมิชลินนั้นจะมี 4 ระดับคือ Rising Star หรือร้านดาวรุ่ง จะเป็นร้านที่กำลังจะมีดาวงอกออกมา ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าคงคุณภาพการมีดาวงอกไว้ได้ 2 ปี ก็มักจะได้ดาวมาประดับในท้ายที่สุด ซึ่งร้านระดับนี้จะมีอยู่ค่อนข้างเยอะในหนังสือไกด์บุ๊คของเค้าครับ ส่วนระดับที่ 2 คือ ร้าน 1 ดาว หรือ 1 star michelin restaurants ร้านนี้เค้านิยามไว้ว่าเป็นร้านที่เจ๋งมาก ๆ ในหมวดหมู่ของตัวร้านเอง (Very good cuisine in its category) ซึ่งในไกด์บุ๊คร้านพวกนี้ก็จะมีอยู่ค่อนข้างเยอะเช่นกัน แต่ก็ไม่เยอะมากเท่าแบบแรก ส่วนระดับที่ 3 ก็คือร้าน 2 ดาวหรือ 2 star Michelin restaurants โดยเค้าให้คำนิยามไว้ว่าเป็นร้านที่ยอดเยี่ยม คุ้มค่าที่จะหลุดออกนอกเส้นทางเพื่อจะไปกิน (Excellent cuisine worth a detour) ซึ่งในไกด์บุ๊คนึง ๆ ก็จะมีค่อนข้างน้อย ประมาณสัก 10% ในแต่ละปี ส่วนระดับสุดท้ายหรือระดับสูงสุด ก็คือร้าน 3 ดาว หรือ 3 star Michelin restaurants ครับ ร้านระดับนี้ก็คือเป็นร้านเทพ จะอยู่แห่งหนตำบลใด ก็ควรจะต้องดั้นด้นไปกินมันให้ได้ (Exceptional cuisine worth a special journey) ซึ่งในไกด์บุ๊คแต่ละเล่มก็มีร้านพวกนี้น้อยมาก ประมาณสัก 1-2% เท่านั้นเองในแต่ละปี






ร้านระดับ 3 ดาวนั้นในโลกนี้มีอยู่ประมาณสักร่วม ๆ 100 ร้านครับ และลองเดาดูสิครับว่าประเทศไหนที่มีร้าน 3 ดาวเยอะที่สุด? ติ๊กต่อก ๆ ๆ ๆ คำตอบก็คือประเทศญี่ปุ่นครับ โดยญี่ปุ่นนั้นมีร้านระดับ 3 ดาวร่วม ๆ 30 ร้านเลยทีเดียว ในขณะที่เมืองที่มีรองลงมาก็แน่นอนครับ Paris เมืองต้นตำรับนั่นเอง คิดดูครับจากร้านเป็นแสน ๆ ร้านในเมืองที่มีไกด์บุ๊ค มีร้านที่ได้ 3 ดาวอยู่ไม่ถึง 100 ร้าน ร้านพวกนี้ก็แสดงว่าต้องเทพน่าดูใช่มั้ยครับ? และหลาย ๆ ท่านคงเคยได้ยินคำว่าเชฟมิชลินสตาร์ คือคำ ๆ เนี่ยจะใช้เรียกกับเชฟที่เป็นเจ้าของร้านหรือเป็น Head Chef ในร้านที่ได้ดาวมิชลินครับ แต่ตำแหน่งนี้ไม่ใช่ว่าพอเค้าไปเปิดร้านใหม่ ร้านใหม่ก็จะกลายเป็นมิชลินสตาร์เหมือนกันนะครับ ร้านใหม่ก็ต้องผ่านการตรวจสอบจาก Michelin ใหม่อีกครั้งเช่นกัน โดยเชฟที่มีดาวสะสมเยอะที่สุดในโลกตอนนี้คือ Mr. Joel Robuchon ซึ่งตาคนนี้มีดาวรวมกันถึง 26 ดวงเลยทีเดียว (มีทั้งร้านไม่มีดาว, 1 ดาว 2 ดาวและ 3 ดาวคละเคล้ากันไป)








หลายท่านอาจจะสงสัยว่าเอ๊ะ แล้วทำไมเมืองไทยไม่เห็นมีร้านที่ได้ดาวมิชลิน? ก็เพราะว่าเมืองไทยมิชลินไม่ได้ทำไกด์เล่มแดงขายนั่นเอง แล้วมันจะไปมีร้านได้ดาวมิชลินได้ยังไงล่ะใช่มั้ยครับ? แต่ร้านในไทยที่ตัวเชฟมีดาวอยู่ที่ประเทศอื่นแล้วมาเปิดร้านใหม่ในไทยก็มีอยู่ 2 ร้านครับที่ผมรู้จัก ร้านแรกคือ Nahm ที่โรงแรม Metropolitan ตรงสาทร (รู้สึกจะเจ๊งไปแล้ว) ส่วนร้านที่ 2 คือ Sra Bua ตรงโรงแรม Siam Kempinsky ครับ ซึ่งเจ้าไกด์บุ๊คเนี่ยในปัจจุบันจะมีอยู่ 9 เล่ม ประกอบด้วย Paris, San Francisco, New York, Chicago, London , Kanto Area (Tokyo, Yokohama & Kamakura) , Kansai Area (Kyoto, Osaka & Kobe) , Hong Kong & Macau และ เมืองใหญ่ ๆ ในยุโรป (Main Cities of Europe)








ซึ่งจากที่ผมซื้อไกด์ของมิชลินมา 2 เมือง แม้ว่าทางมิชลินจะเคลมว่า ให้คะแนนร้านจากรสชาติอาหารล้วน ๆ ! แต่ร้านที่ผมเห็นได้ 2 หรือ 3 ดาวนั้นมีแต่ร้านหรู ๆ ระดับราคาแพง ๆ ทั้งนั้น ผมก็เลยไม่ค่อยจะเชื่อว่าเค้าให้คะแนนจากรสชาติอาหารอย่างเดียวจริง ๆ และร้านที่ได้ดาวเยอะ ๆ ส่วนใหญ่ จะเป็นร้านสัญชาติยุโรป ครับ ที่เห็นเยอะสุดก็คงเป็นสไตล์ Contemporary หรือร่วมสมัย ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอาหารร่วมสมัยคืออาหารแบบไหน! ทางมิชลินจะส่งกรรมการไปกินที่ร้านแบบนิรนามแล้วก็จะมีเกณฑ์การให้คะแนนที่เป็นมาตรฐานทั่วโลก ก็เลยเชื่อขนมกินได้ว่าร้านในแต่ละเมืองที่ได้ดาวนั้น มาตรฐานเดียวกันหมด แต่ก็นะ เท่าที่ผมดู ๆ อาหารจากฝรั่งเศส และ ยุโรปนี่จะได้ดาวเยอะกว่าใครเพื่อน ให้เดาก็คงเป็นเพราะตัวมิชลินเองเป็นบริษัทฝรั่งเศสด้วยก็เป็นได้





ส่วนเมืองไทย แม้ว่าเราจะไม่มีหนังสือไกด์มิชลิน แต่เราก็มีกูรูที่เป็น Food Critics นามกระเดื่องกันอยู่หลายคน เช่น เชลล์ชวนชิมโดย ม.ร.ว. ถนัดศรี ซึ่งเหมือนตอนนี้จะส่งต่อให้หมึกแดงลูกชายไปแล้ว , แม่ช้อยนางรำ โดยคุณอะไรสักอย่างจำชื่อไม่ได้ หรือแม้แต่ กูรูร้านอาหารของ Citibank ที่ผมจำชื่อไม่ได้อีกเช่นกัน แต่ก็นะ ร้านที่ได้รับรางวัลการันตีพวกนี้ในเมืองไทย กลับไม่มีการทำหนังสือ หรือรายการร้านว่ามีร้านไหน อยู่ตรงไหนบ้าง เราก็ได้แต่เดิน ๆ หากันเอาเอง ว่าวันไหนจะโชคดีเจอร้านที่มีตราพวกนี้รึเปล่า (เอ๊ะหรือเค้ามีหนังสือขายครับ?) แต่ไม่ต้องห่วงแล้วครับเพราะตอนนี้เรามีเว็บ www.BumRes.com ซึ่งผมหวังว่าจะเป็นเว็บสื่อกลางที่ทุก ๆ ท่านจะมาร่วมกันให้คะแนนร้านและจัดอันดับร้านมหาชนกัน




--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

Tuesday, December 27, 2011

Sakura - Robinson Ratchada

Sakura Japanese Restaurant Bangkok ซากุระ ร้านอาหารญี่ปุ่น โรบินสัน รัชดา ราเมน ซูชิ บุฟเฟ่ต์ ชาบู สุกี้ (2nd Visit)





Overall Score  6/10
Taste   3/5
Ambiance  3/5
Service  3/5
Value   3/5

Sakura บุฟเฟ่ต์ชาบู ราเมน








ร้าน Sakura @ โรบินสัน รัชดา แห่งนี้ผมเคยรีวิวไว้แล้วแรก ๆ เลย ร้านนี้เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีบุฟเฟ่ต์ ชาบู ๆ และ ราเมนยี่ห้อ Chikuhou Ichidai Ramen ซึ่งผมมาทีไรผมก็ไม่เคยกินบุฟเฟ่ต์ชาบูสักที เพราะว่าผมชอบราเมนของร้านนี้ครับ รสชาติเค้าตอนที่ผมกินเมื่อก่อนนั้นจัดได้ว่าอร่อยเยี่ยมกู๊ดกันเลยทีเดียว แต่ผมเห็นโต๊ะอื่นแทบจะไม่สั่งราเมนกันเลยครับ ส่วนใหญ่จะกินบุฟเฟ่ต์ชาบูกันหมด คนไทยกับบุฟเฟ่ต์นี่เป็นอะไรที่ถูกโฉลกกันจริง ๆ เลยว่ามั้ยครับ?





หลังจากที่ไม่ได้กินราเมนยี่ห้อ Chikuhou Ichidai Ramen มาปีกว่า วันนี้ก็เลยจัด 2 ชามเลยครับ ชามแรกคือ Ichidai Kokumiso Ramen 200 บาท มีหมูชาชู 2 แผ่นกับไข่ยางมะตูม และอีกจานเป็น Ichidai Tantan Ramen 180 บาท ไม่ีหมูชาชูแต่มีเป็นหมูสับพริกเผาแทนครับ ทั้ง 2 ชามวันนี้หลังจากที่ได้กินคำแรกไป ก็อึ้งครับเพราะรสชาติเปลี่ยนไปไม่อร่อยประทับใจเหมือนเดิม รสชาติน้ำซุปค่อนข้างเค็มอ่ะครับ แต่ทั้งเส้นและหมูชาชูและไข่ต้มยางมะตูมยังคงทำได้ดีอยู่นะครับ ผมว่าเรื่องน้ำซุปนี่มันไม่น่าจะเปลี่ยนกันได้ง่าย ๆ เลยเพราะมันเป็นสิ่งที่แต่ละร้านมีสูตรลับเฉพาะและภูมิใจในน้ำซุปของตัวเองมาก ดังนั้นผมเดาว่าวันนี้น่าจะเกิดจากการ ทำน้ำซุปผิดแน่ ๆ (ว่าเข้าไปนั่น)








จากเดิมที่ร้าน Sakura @ โรบินสันรัชดา ที่จะเป็นร้านราเมนโปรดของผม วันนี้ก็พิสูจน์ตัวเองแล้วไม่สามารถเป็นร้านโปรดของผมได้ต่อไป ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะผมตระเวณกินราเมนมาทั่วทุกสารทิศแล้วรึเปล่าเลยทำให้รสชาติของร้านนี้ไม่เทพเหมือนเดิม แต่ก็นะ ความเค็ม นี่มันก็ไม่น่าจะเป็นอะไรจะทำให้ลิ้นผมเพี้ยนจากเมื่อปีกว่า ๆ กับตอนนี้ได้นะครับ อืมก็หวังว่า เจ้าของร้านมาอ่านเห็นแล้วจะกลับไปแก้ไข ดูเรื่อง QC หน่อยนะครับ เพราะผมเสียดายร้านราเมนอร่อย ๆ ที่หาไม่ค่อยจะได้ในกรุงเทพ ไม่อยากให้ต้องหายไปอีก 1 ร้าน!



--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

Monday, December 26, 2011

Coco - Bar Karting & Restaurant - เลียบทางด่วน

Coco - Bar Karting & Restaurant Thai Restaurant ร้านอาหารไทย ร้านเหล้า คาราโอเกะ เลียบทางด่วนรามอินทรา



Overall Score  8/10
Taste   -/5
Ambiance  4/5
Service  4/5
Value   5/5


CoCo - Bar - Thai Restaurant on BuMRes.com




ผมเคยเขียนรีวิวร้าน Coco Bar @ เลียบทางด่วนไว้เรียบร้อยแล้ว ร้านนี้เป็นร้านเหล้าที่ผมประทับใจมาก ๆ เนื่องจากอาหารอร่อยและถูก รวมถึงพนักงานก็บริการพอใช้ได้ครับ เดิมนั้นร้านตั้งอยู่ตรงซอยสหกรณ์ 1 ซอยถัดจากโลตัส รามอินทราถ้าวิ่งมาจากพระราม 9 แต่ตอนนี้ย้ายไปอยู่ตรงใกล้ ๆ กับโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงเรียบร้อยแล้วครับ ร้านใหญ่ขึ้น สวยงามขึ้น (แต่ดันเป็น open air) แต่ที่จอดรถก็ยังคงหายากเช่นเคยครับ ตอนผมไป ผมต้องจอดริมถนนหน้าร้าน เสียว ๆ อยู่เหมือนกันนะครับเนี่ย




ผมก็ไม่รู้จะเขียนรีวิวอะไรได้เพราะวันที่ผม ผมแทบไม่ได้สั่งอาหารเลยสั่งแค่ เฟรนฟรายด์กับเม็ดมะม่วง ซึ่ง 2 อย่างนี้คงไม่สามารถเป็นดัชนีชี้วัดความอร่อยของร้าน ๆ นึงได้ใช่มั้ยครับ เอาเป็นว่าตัวรายการอาหารนั้น ยังคง concept เดิมเรื่องความถูกไว้ได้ครับ คือราคาจะอยู่ในช่วง 100 - 200 บาทเท่านั้น จนทำให้ผมคิดว่าร้านพวกที่อยู่ใกล้ ๆ กันที่เป็นร้านสไตล์เดียวกัน ไฉนถึงต้องตั้งราคากันมหาโหดขนาดนั้นด้วย! รายละเอียดรายการอาหารโดยรวม เชิญดูได้ที่ tab menu เช่นเคยครับ




ผมไม่แน่ใจร้านเดิมของ Coco - Bar @ เลียบทางด่วนนั้น เป็นมีห้องคาราโอเกะรึเปล่า แต่ร้านใหม่นี่มีห้องคาราโอเกะค่อนข้างเยอะเหมือนกันครับ (แต่ก็ยังไม่เยอะเท่าร้าน Waterside ที่อยู่ใกล้ ๆ กัน) ค่าห้องถ้าเหมาทั้งคืนจะอยู่ที่ 1,500 บาทครับ ก็ตามที่บอกครับพวกผมไม่ได้มากินข้าวแต่มาร้องคาราโอเกะกันในวันนี้ ก็เลยขอรีวิวเครื่องดื่มแทนดีกว่าครับ เครื่องดื่มของร้าน Coco - Bar แน่นอนครับว่าถูกเช่นเดียวกันกับอาหาร ใครจะไปเชื่อครับว่า Red Label 1 litre 2 ขวดใหญ่จะราคาแค่ 1,600 บาท!! และ Mixer 30 บาทเท่านั้น ส่วนพวกเครื่องดื่มอื่น ๆ ผมดูราคามาคร่าว ๆ ก็อยู่ในขั้นถูกเช่นกันครับ


สรุปค่ำคืนของผมกับร้าน Coco - Bar @ เลียบทางด่วน ก็ประทับใจดีครับ น้อพนักงานบริการดีใช้ได้ เครื่องดื่มราคาก็ไม่แพง ห้องคาราโอเกะก็ดีพอตัวและราคาก็สมเหตุสมผล แต่มีที่เซ็งคือไม่ได้กินอาหารนี่แหละครับ คือจริง ๆ แล้วผมจะสั่งอยู่แล้วล่ะครับแต่พี่หุ้นส่วนร้านบอกว่าอย่าสั่งเลยเดี๋ยวจะมาหงุดหงิดพี่เปล่า ๆ เพราะว่าคิวอาหารเยอะมาก พวกผมก็เลยไม่สั่งกัน ซึ่งพอดีไปนั่งกินข้าวกันที่ Aston Beer Fest ตรง CDC มาแล้วก็เลย ไม่มีปัญหาอะไรมากครับ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

Friday, December 23, 2011

Saffron Banyan Tree Hotel, Bangkok - Thai Restaurant

Saffron - Thai Contemporary Restaurant Banyan Tree Hotel Bangkok แซฟฟรอน ร้านอาหารไทย โรงแรม บันยันทรี สาทร




Overall Score  8/10
Taste   4/5
Ambiance  5/5
Service  5/5
Value   4/5


Saffron Thai Restaurant on BuMRes.com




Saffron เป็นชื่อเครื่องเทศชนิดนึงมาจากดอก saffron crocus flowers หรือชื่อไทย ๆ ว่าหญ้าฝรั่น ครับ ซึ่งเจ้าเครื่องเทศนี้มีราคาแพงมาก ๆ (ดอก 75,000 ดอกถึงจะได้เครื่องเทศ 1 ปอนด์) และก็ถ้าเป็นสารสกัดนี่ก็จะยิ่งแพงมโหฬารเข้าไปใหญ่ครับ (เหมือนจะใช้ย้อมสีพวก acid fast bacteria นะครับสารนี้) เนื่องจากความ premium ของเครื่องเทศนี้ จึงกลายเป็นมาเป็นชื่อร้านอาหารไทย flagship ของโรงแรม Banyan Tree สาทร นั่นเองครับ








ร้าน Saffron ตั้งอยู่ที่ชั้น 52 ของโรงแรมครับ ห้องอาหารของโรงแรม Banyan Tree นี้นอกจากห้องร่มไทรที่จะอยู่ชั้นใต้ดิน แล้ว ห้องอาหารอื่น ๆ นั้นจะอยู่ชั้น 50 กว่าหมดเลยครับ ไล่เรียงไปตั้งแต่ Saffron, Tei Hei, Bai Yun และ Vertigo (ดาดฟ้า) ตามลำดับครับ ซึ่งห้องอาหารทุกห้องของโรงแรมนี้ผมมากินหมดแล้วครับยกเว้น Vertigo ที่ผมรู้สึกว่ามันแพงไป ห้องอาหาร Saffron นี่จะคล้าย ๆ Tei Hei ครับคือมีขนาดเล็กหน่อย น่าจะจุคนได้อย่างมากก็สัก 40 - 50 คน แต่ตัวร้านตกแต่งสวยงามสมกับโรงแรม 5 ดาวครับ








หลังจากที่พนักงานพาผมและแฟนไปนั่งที่โต๊ะสักพัก ก็มีพนักงานเอาน้ำร้อนมาให้ล้างมือครับ ล้างแบบเทน้ำอุ่น ๆ ลงถ้วยชามแบบดูเป็นเจ้าขุนมูลนายมาก แล้ว complimentary 2 จานแรกก็ตามมาติด ๆ จานแรกเป็น ข้าวเกรียบ หรือแผ่นแป้งอะไรสักอย่างกับข้าวตัง กินคู่กับน้ำพริกหนุ่ม, หลน และก็น้ำพริกอ่องครับ ซึ่งคุณภาพและรสชาตินั้นถือว่าผ่านเกณฑ์ของอาหารกินเล่นแบบไทย ๆ สบาย ๆ ครับ ส่วนของกินเล่นอีกจานเป็น หอยเชลล์ใส่เครื่องพริกแกง ซึ่งอันนี้ค่อนข้าง fail หน่อยตรงที่หอยตัวเล็กและพริกแกงไม่มีความเผ็ดของพริกแกงเลยครับ








แล้ว Appetizer จริง ๆ ก็ตามมาครับ นั่นก็คือ ของว่างรวม (A Selection of Freshly Prepared Thai Appetizers for Two 770 บาท) ประกอบด้วย ไก่สะเต๊ะ, กุ้งพันข้าวเกรียบ, ปอเปี๊ยะกุ้งสด, กุ้งทอดกับใบพลูและก็ยำอะไรอีกสักอย่างครับผมไม่แน่ใจ ซึ่งทั้ง 5 อย่างนี้ มีไก่สะเต๊ะ กับกุ้งทอดห่อกับใบพลูและปอเปี๊ยะที่ผมพูดได้เต็มปากว่าอร่อย(มาก) ครับ ส่วนยำหัวปลีกุ้งมั้งกับเส้นข้าวเกรียบทอดพันกุ้ง ผมว่าค่อนข้างธรรมดาไปหน่อย แต่ก็จัดได้ว่าผ่านมาตรฐานอยู่ดี











พอกิน appetizer เสร็จ ทางร้านมี sorbet ฝรั่งรสชาติเยี่ยมมาให้กินลบกลิ่นและรสชาติเพื่อรอ Main Dish กันด้วย เกิดมาก็เพิ่งเคยเจอร้านอาหารไทยที่ทำแบบนี้แหล่ะครับ (เอ๊ะจะว่าไป Sra Bua ก็ทำนะครับ) แล้ว Main 3 อย่างของพวกเราก็ตามมาครับประกอบด้วย แกงเผ็ดเป็ดย่าง, ปลาสามรส และข้าวผัด Saffron โดยอย่างแรกกับอย่างหลังจะเป็น Signature ของร้านครับ แกงเผ็ดเป็ดย่างของร้าน Saffron @ Banyan Tree, Bangkok นี่เป็นอะไรที่ผมประทับใจมาก ๆ ครับ คือนอกจากแกงจะปรุงมาได้อร่อยได้มาตรฐาน เผ็ดกำลังดี เนื้อเป็ดก็นำส่วนอกมาทำ ก็เลยนุ่ม ๆ แต่ก็มีหนังติดมาให้มัน ๆ เล็กน้อยแล้ว ทางร้านใส่ผลไม้ลงไปทั้งในแกงและทอดมาแบบเล็กน้อยให้กินเป็นเครื่องเคียงอีกต่างหาก โดยผลไม้มี สับปะรด, ลิ้นจี่, องุ่น 3 อย่างซึ่งไม่น่าเชื่อว่ามันจะอร่อยเข้ากับแกงเผ็ดเป็ดย่างอย่างสุด ๆ !!










ส่วนอีก 2 อย่างปลาสามรสกับข้าวผัด Saffron นั้นผมถือว่าค่อนข้างธรรมดาไปนิดครับ สามารถหากินได้ตามร้านอาหารไทยทั่ว ๆ ไปได้สบาย เลยไม่มีอะไรจะต้องพูดถึงมาก นอกจากปริมาณของ ข้าวผัด (500 บาท) ที่ให้มาเยอะมาก ๆ ครับ พวกปลาหมึกกับกุ้งก็ให้มาค่อนข้างเยอะเช่นกัน อ้อ ข้าวก็ทำมาจากข้าวแซฟฟรอนนะครับ ซึ่งจากที่ผมกิน ๆ แล้วผมชอบข้าวหอมมะลิมากกว่า -*- หลังจากที่ประทับใจกับอาหาร (ส่วนใหญ่) ผมกับแฟนเลยตัดสินใจสั่งข้าวเหนียวมะม่วงซึ่งเป็น Signature ของทางร้านมาอีกอย่างครับ โดยทางร้านจะทำต่างจากร้านทั่วไปเล็กน้อยคือจะเอาข้าวเหนียวไปห่อเป็นปอเปี๊ยะแล้วเอาไปทอดพอให้กรอบ ๆ แล้วเสิร์ฟพร้อมมะม่วงกับไอศครีมกะทิสดครับ ซึ่ง.. ทั้ง 3 อย่างที่ยกมาในจาน ผมอยากจะบอกว่า อร่อยโฮกหมดเลย! โดยเฉพาะไอศครีมกะทิสด สด มัน หวาน อร่อยมาก ส่วนข้าวเหนียวแบบแหวกแนวนี้ก็เข้ากันดีกับมะม่วงสุก สด ๆ ของทางร้านครับ









สรุปมื้อโรแมนติคจัดหนักของผมที่ Saffron @ Banyan Tree Hotel, Bangkok แห่งนี้ก็ประทับใจดีครับ ได้เห็นอาหารไทยที่ถูกนำมาเสิร์ฟในแบบพิถีพิถันเหมือนอาหารยุโรป ได้รับการบริการในระดับเจ้าขุนมูลนายในวังสมัยก่อน และได้ลิ้มรสอาหารไทยในแบบประยุกต์ fusion  ๆ เล็กน้อย ก็ถือว่าเป็นมื้ออาหารที่ประทับใจดีทีเดียวเลยล่ะครับ ใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาโรแมนติคกับอาหารไทย หรืออยากพาคู่รักต่างชาติมาเดท ร้าน Saffron แห่งนี้ผมว่าเป็นทางเลือกที่น่าจะมัดใจเขาหรือเธอได้ดีเลยล่ะครับ




--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...